ฟิลเลอร์ (Filler) รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดครั้งแรก
ฟิลเลอร์ (Filler) รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีด

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดครั้งแรก!

คุณหมอสรุปให้ ฟิลเลอร์ (Filler)

  • ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และผิวหย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึง เนียนเรียบ และเต็มอิ่มขึ้น
  • สารใช้ผลิตฟิลเลอร์ที่เป็นมาตรฐานสากล คือ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี มีอยู่แล้วตามธรรมชาติในร่างกาย ปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เอง ไม่สะสมหรือตกค้าง
  • เป็นหัตถการที่เห็นผลไว ไม่ต้องพักฟื้นนานเมื่อเทียบกับการผ่าตัด แต่ผลการทำไม่ถาวร อยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน
  • การฉีดฟิลเลอร์แท้กับแพทย์ผู้ชำนาญ ความเสี่ยงและอาการข้างเคียงจะน้อยมาก แต่ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ อาจเสี่ยงเกิดผลเสียร้ายแรงระยะยาวได้
ฟิลเลอร์ (Filler)

ไม่ว่าใครก็อยากมีใบหน้าสวย เนียนเรียบ เต่งตึง ไร้ริ้วรอย และเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้ก็ลดน้อยถอยลงตามวัย แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ ทำให้สามารถชะลอหรือแก้ปัญหาริ้วรอยให้ดูจางลงได้ ด้วยการฉีด “ ฟิลเลอร์ (Filler) ”

คำถามว่า ฟิลเลอร์คืออะไร ช่วยอะไรได้บ้าง ฉีดตรงไหนได้ ปลอดภัยไหม? บทความนี้ RWC Clinic ได้รวบรวมทุกเรื่องเกี่ยวกับฟิลเลอร์ ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดครั้งแรกมาให้ค่ะ

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร

ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร

ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่ใช้สำหรับแก้ไขและปรับสภาพผิวที่มีริ้วรอยลึก ร่องย่นที่เกิดจากการสูญเสียความยืดหยุ่นตามธรรมชาติเมื่อวัยเพิ่มขึ้น โดยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปใต้ชั้นผิวบริเวณต่าง ๆ ตามความเหมาะสม

ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์

เนื้อสารฟิลเลอร์มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิว ทำให้ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย หรือส่วนที่เว้าตอบกลับมาตึง เต่ง เนียนเรียบ และดูอิ่มฟูอีกครั้ง ช่วยปรับสัดส่วน เพิ่มมิติ ความสมดุลให้กับใบหน้า และช่วยเติมเต็มริ้วรอยให้ดูตื้นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากผลในการลดเลือนริ้วรอย ฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวได้ โครงสร้างสำคัญที่ผิวต้องการเพื่อความแข็งแรง ยืดหยุ่น และความชุ่มชื้น ทำให้ผิวที่ฉีดฟิลเลอร์ดูอ่อนวัย สุขภาพดีขึ้นโดยรวมอีกด้วย

สารฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)

สารหลักที่ใช้ผลิตฟิลเลอร์ในปัจจุบันคือ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA สารคล้ายเจลใสที่มีอยู่แล้วในร่างกายมนุษย์ ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมประสานให้เนื้อเยื่อยึดเกาะกัน สามารถอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวภายในได้ดี

เมื่อฉีดฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด เข้าสู่ผิว โดยสารจะค่อย ๆ ถูกสลายด้วยระบบเมตาบอลิซึม และถูกขับออกในรูปของน้ำ โดยไม่มีสารตกค้างหรือสะสมในร่างกาย ใช้เวลาประมาณ 6-18 เดือน ก่อนที่ร่างกายจะสลายออกจนหมด ขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ ปริมาณที่ฉีด และคุณสมบัติของผิวแต่ละบุคคล

ฟิลเลอร์ ช่วยแก้ปัญหาอะไร?

ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง

การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกสำหรับแก้ปัญหาผิวหน้าที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของเซลล์และเนื้อเยื่อ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกระบวนการชราภาพตามธรรมชาติ ดังนี้

  • ริ้วรอยตามแนวนอนและแนวตั้ง ไม่ว่าจะร่องลึกบนหน้าผาก เส้นที่หางตาหรือหัวคิ้ว ร่องระหว่างจมูกกับมุมปาก ร่องแก้ม ล้วนเกิดจากการหดตัวและสูญเสียความยืดหยุ่นของชั้นผิวที่ถูกใช้มาอย่างหนัก ไปพร้อม ๆ กับผลของแรงโน้มถ่วง ปัจจัยกระตุ้นภายนอก รวมถึงการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น

เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มร่องลึกเหล่านี้ ก็จะช่วยให้ผิวดูเนียน กระชับ ตึงเรียบขึ้น ไม่เว้าแหว่ง หรือเห็นเป็นเส้นชัดเหมือนแต่ก่อน

  • ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ขาดความเต่งตึง เกิดจากการลดลงของปริมาณคอลลาเจน และอีลาสตินที่ค้ำจุนโครงสร้างผิวเมื่อเข้าวัยกลางคนขึ้นไปเรื่อย ๆ การเติมฟิลเลอร์ใต้ผิวจะช่วยเพิ่มวอลุ่ม เติมเต็มส่วนที่อ่อนแอให้กลับมาตึงเด้งอีกครั้ง ขับเน้นความอวบอิ่ม ความมีมิติ และรูปทรงใบหน้าที่สวยตามธรรมชาติ
  • ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส จากการลดลงของปริมาณน้ำในชั้นผิว ที่เกิดขึ้นตามวัยและไลฟ์สไตล์ที่เร่งรัด การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มความอิ่มฟูให้ผิว ทำให้ดูอ่อนนุ่ม เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา ลดความหมองคล้ำ ฟื้นบำรุงสภาพผิวให้แข็งแรง กลับมาสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด
  • ใบหน้าขาดมิติ ไม่มีเอกลักษณ์ หรือมีสัดส่วนที่ไม่ลงตัว เพราะบางส่วนที่ยุบตัวจากการสูญเสียไขมัน ความหนาแน่นกระดูก และกล้ามเนื้อที่โทรมถอยไปตามเวลา การฉีดฟิลเลอร์สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะการเสริมคาง ขมับ แก้มตอบ หรือแก้มส้ม ที่ช่วยปรับภาพรวมใบหน้าให้ดูได้รูป มีเส้นสายสวยคม ดูอ่อนวัยและมีเสน่ห์ขึ้น
  • จุดบกพร่องเฉพาะจุดบนใบหน้า เช่น จมูกไม่ได้รูป คางไม่รับกับหน้า หรือหน้าผากลาดเอียง ขาดความโค้งมน การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มสร้างรูปทรงที่ต้องการขึ้นมาใหม่ได้ ให้เข้ากันกับภาพรวมทั้งหน้า โดยไม่ต้องผ่านมีดหมอ ไม่ต้องดมยา ไม่มีแผลเป็น และให้ผลคงทนระยะหนึ่ง

ฟิลเลอร์ ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง?

ฟิลเลอร์ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง

ฟิลเลอร์สามารถฉีดเพื่อแก้ปัญหาผิวและปรับรูปหน้าได้หลายจุด ตั้งแต่ส่วนบนของใบหน้าจนถึงส่วนล่าง รวมถึงลำคอ และหลังมือ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ผิวใต้ตาเป็นบริเวณบอบบางที่เปลี่ยนแปลงตามวัยได้ง่าย เพราะจากชั้นไขมันและคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพลง ก่อให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อย ร่องใต้ตาลึก ตาลึกโหล หรือเกิดเป็นถุงใต้ตาขึ้น

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มชั้นผิวใต้ตาให้กลับมาอิ่มฟู ตึงกระชับ นุ่มนวลขึ้น โดยใช้สาร 1-2 cc ในการฉีดแต่ละครั้ง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ก่อนที่ร่างกายจะค่อย ๆ สลายออกไปจนหมด

ผิวรอบดวงตา ตำแหน่งที่มีความละเอียดอ่อนและมีหลอดเลือดฝอยอยู่มาก การฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญสูงของแพทย์ผู้ฉีด และนึกถึงข้อจำกัดในการปรับแต่ง ไม่สามารถเติมปริมาณมากในครั้งเดียวได้ เพราะอาจส่งผลให้ดูบวมผิดธรรมชาติ เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ปาก

ฉีดฟิลเลอร์เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก เป็นหนึ่งทรีทเมนต์ที่สามารถเพิ่มมิติและเสน่ห์ให้ใบหน้าได้ทันที แก้ไขปากบางแบน ไร้รูปทรง ให้กลับมาดูอวบอิ่ม สวยคม กลีบปากไม่เหี่ยวย่น สีชมพูระเรื่อ และชุ่มชื้นขึ้น รวมถึงช่วยจัดการปัญหาริ้วรอยรอบปาก และยกมุมปากให้ดูยิ้มสดใส ได้ลุคที่ดูอ่อนวัยและสุขภาพดี

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก

การฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้เข็มเล็กและบางพิเศษ เพื่อลดอาการเจ็บช้ำระหว่างทำ ใช้ปริมาณสาร 1-2 cc ต่อครั้ง ข้างน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับสภาพปากและเป้าหมายในการปรับรูปทรง ผลอยู่ได้ 6-18 เดือนก่อนฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายออกจนหมด

ฉีดฟิลเลอร์บริเวณปาก ควรเน้นที่ความกลมกลืนเข้ากับใบหน้าโดยรวม ไม่ปรับเปลี่ยนจนผิดแปลกไปจากธรรมชาติ ขนาดและรูปทรงปากไม่เล็กหรือใหญ่เกิน ไม่มีอาการบวมจัด หรือดูคล้ายปากเป็ด แนะนำปรับให้เข้ากับสัดส่วนของจมูกและคาง

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์คาง

ผู้มีปัญหาคางสั้น คางเล็ก ปลายคางไม่ชัด หรือคางไม่สมดุลกับโครงหน้า ส่วนมากจะรู้สึกขาดความมั่นใจในรูปลักษณ์ตัวเอง และหลายคนก็ไม่พร้อมรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์คาง

การปรับรูปคางด้วยฟิลเลอร์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้ผลและทำง่าย เพราะสามารถควบคุมปริมาณการฉีด ลดผลแทรกซ้อนได้มากกว่า โดยฟิลเลอร์จะช่วยเติมคางสั้นหรือที่หายไปให้ยาวขึ้น ช่วยให้ปลายคางดูคมชัด เน้นเส้นสันปลายคางต่อเนื่องไปจนถึงกรามได้สวย ฉีดประมาณ 1-3 cc ต่อครั้ง คงรูปอยู่ได้นาน 1-2 ปี ก่อนที่ร่างกายจะสลายสารกลับสู่สภาพคางเดิม

ข้อดีการปรับรูปคางด้วยวิธีนี้ คือ ระยะเวลาพักฟื้นสั้น ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่มีแผลผ่าตัด แต่อาจไม่ได้ผลลัพธ์ถาวรเทียบเท่าการผ่าตัดเสริมคาง และมีข้อจำกัดในการฉีด เพราะถ้าเติมฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินในครั้งเดียว จะทำให้ปลายคางดูไม่เป็นธรรมชาติ แนะนำควรแบ่งฉีดหลายครั้งเพื่อค่อย ๆ ปรับจนกว่าจะพอดีและลงตัวกับรูปหน้า

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์คาง คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

เกิดร่องแก้มลึก อีกหนึ่งสัญญาณของการเสื่อมถอยตามวัย ที่เกิดจากเนื้อเยื่อไขมันและมวลกล้ามเนื้อย่อยยับลง ประกอบกับผิวหนังขาดความยืดหยุ่น ทำให้ร่องผิวตั้งแต่ข้างจมูกถึงมุมปากลึกลงจนดูเป็นรอยตรงชัด ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนล้าและแก่กว่าวัย

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์สามารถอุดเติมและยกร่องแก้มให้กลับมาตื้นขึ้นได้ โดยอาศัยสารไฮยาลูโรนิกที่มีความหนืดสูง ไปเติมเต็มในชั้นลึกเพื่อเพิ่มวอลุ่มให้กับเนื้อเยื่อใต้ผิว ช่วยดันให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาเรียบเนียนและตึงกระชับขึ้น แต่ยังคงความนุ่มเมื่อสัมผัส ไม่รู้สึกแข็งกระด้าง

การฉีดร่องแก้มจะใช้ฟิลเลอร์ความเข้มข้นสูง ปริมาณ 1-2 cc เพื่อประสิทธิภาพในการคงรูป ทำให้ผลอยู่ได้นาน 6-18 เดือน แต่ควรฉีดอย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ร่องแก้มดูตื้นผิดธรรมชาติ หรือกระจายไปอวัยวะข้างเคียงได้ ถ้าวางตำแหน่งฉีดหรือเลือกใช้สารฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับปัญหา รวมถึงไม่ฉีดปริมาณมากเกินจนทำให้โหนกแก้มดูสูงผิดรูป

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ปัญหาช่วงวัยที่มากขึ้น ผิวบริเวณขมับก็มักเกิดการทรุดตัว ยุบลง และเว้าลึกลงจากกระดูกขมับ ทำให้ขมับดูลีบแบน ส่วนที่เชื่อมกับหางตาและหางคิ้วหย่อนย้อย ส่งผลทางอ้อมให้กลางใบหน้าดูไม่เด่นชัด โหนกแก้มซูบลงด้วย

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ขมับ

การใช้ฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มตำแหน่งที่ขาด เพื่อยกผิวขมับให้กลับมาเท่ากันกับหน้าผากและแก้ม สามารถสร้างความสมดุล ความเป็นเนื้อเดียวกันให้กับทั้งใบหน้า ช่วยให้ดูอิ่มเต็ม สดใสเปล่งปลั่ง ตามหลักสรีรศาสตร์ของโครงหน้าได้

บริเวณขมับ เป็นจุดที่บอบบางและมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ใกล้ การฉีดฟิลเลอร์จะต้องระวังไม่ให้เข้าไปอุดตันเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ ปริมาณที่ฉีดทั่วไปอยู่ระหว่าง 1-4 cc ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ต่อการทำ 1 ครั้ง ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 1 ปี ก่อนที่สารจะค่อย ๆ ถูกสลายออกหมด

หลังฉีดเสร็จ ผิวขมับจะดูโด่งขึ้นเล็กน้อย ช่วยปรับมุมมองของใบหน้าให้ดูเด็กลง ดูผ่อนคลาย สดชื่น และมีชีวิตชีวา โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นให้เห็น แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาระดับลึกอย่างกระดูกหน้าผากที่ยื่นออกมามากได้ ปัญหานี้เห็นผลดีเฉพาะกับการผ่าตัดเท่านั้น

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ขมับ คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

หน้าผาก อีกหนึ่งจุดแสดงริ้วรอยแห่งวัยเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน ส่วนมากพบกับปัญหาผิวหย่อนคล้อย เส้นแนวนอนบนหน้าผากลึกชัดขึ้น เกิดร่องระหว่างคิ้วตรงหัวคิ้ว รวมถึงร่องแนวตั้งจากการขมวดคิ้วบ่อย ๆ ลักษณะเหล่านี้ทำให้ใบหน้าดูเคร่งเครียด ไม่ผ่อนคลาย และอ่อนล้า แก่กว่าวัยอันควร

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก

การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มในร่องลึกบนหน้าผาก สามารถลบเลือนริ้วรอยให้ตื้นขึ้นจนผิวกลับมาเรียบเนียน เด้ง ตึง ไม่มีลอนคลื่นหรือตะปุ่มตะป่ำให้เห็นได้ ช่วยให้ดวงหน้าแลดูอ่อนโยน นุ่มนวล สดใสขึ้น ลดความหงุดหงิด เหนื่อยล้า ให้ความรู้สึกอ่อนเยาว์ สังเกตได้จากแววตาที่เบิกกว้าง สดชื่น มีเลือดฝาดยิ่งขึ้น

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดหน้าผาก ทั่วไปประมาณ 1-2 cc จนถึง 4-5 cc สำหรับกรณีที่เป็นร่องลึกขนาดใหญ่ แพทย์อาจใช้เทคนิคการฉีดเป็นชั้น ๆ เพื่อเพิ่มปริมาตรและกระจายสารให้ทั่วถึง สม่ำเสมอ โดยไม่ทำให้หนังหน้าผากตึงเกินจนขยับตัวไม่ได้ ผลลัพธ์การทำอยู่ได้ 9-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กับการดูแลตามคำแนะนำของแพทย์

ฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากไม่ได้แค่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยให้ตื้น ผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง แต่บางกรณีสามารถนำมาปรับแก้รูปทรงของหน้าผากให้ได้สัดส่วนและโค้งมนขึ้น เช่น เพิ่มความสูงโด่งให้หน้าผากแบนราบ หรือการปรับแนวคิ้วให้โก่งสวยเป็นรูปปีกนกได้พอดี เป็นการปรับจุดเด่นบนใบหน้าให้ช่วยเกื้อหนุนต่อโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์จมูก

ปรับรูปทรงจมูก การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนก็ยังเป็นวิธีหลักที่ได้ผลถาวร แต่กรณีต้องการเห็นผลชั่วคราวก่อน หรือยังไม่พร้อมจะรับความเสี่ยงจากการผ่าตัด ฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ถึงจะไม่ถาวรเหมือนการผ่าตัด แต่ก็ช่วยปรับแต่งจมูกให้ดูดีขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์จมูก

การฉีดฟิลเลอร์บริเวณจมูกจะเน้นปรับแก้ในส่วนที่ไม่พอใจ เช่น เพิ่มความสูงโด่งให้สันจมูก ปรับแนวให้ตรงยาวขึ้น และเสริมปลายจมูกที่ทู่ หรือจมูกหักให้งุ้มงามมากขึ้น โดยแพทย์จะใช้เข็มเล็กฉีดฟิลเลอร์ไปใต้ผิวปริมาณพอเหมาะ ประมาณ 1 cc เพราะจมูกเป็นอวัยวะที่มีพื้นที่จำกัด และมีเนื้อเยื่อไม่มาก แรงดันกับปริมาณที่มากไปจะย่อยสลายได้ช้า ทำให้ผิวบวมผิดรูป หรืออาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้

หลังฉีดฟิลเลอร์จมูก สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที แต่อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยช่วง 3-5 วันแรก ก่อนจะเริ่มเห็นผลชัดหลังจาก 1-2 สัปดาห์ไปแล้ว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-12 เดือน ก่อนที่ร่างกายจะค่อย ๆ สลายฟิลเลอร์ออกจนกลับสู่สภาพเดิม ฉีดซ้ำได้ถ้าต้องการ

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์จมูก คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

แก้มตอบ อีกหนึ่งจุดที่ควรได้รับการดูแล เพราะเป็นส่วนที่อยู่กึ่งกลางใบหน้า สังเกตเห็นได้ง่าย โดยแก้มที่อวบอิ่ม กลมกลึง เต่งตึง สามารถช่วยเสริมให้ใบหน้ามีเลือดฝาดและมิติมากขึ้น ทางกลับกันแก้มที่ลีบแบน ตอบแฟบ ก็จะทำให้รูปหน้าดูห่อเหี่ยว และเพิ่มอายุมากขึ้นกว่าความเป็นจริง

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

การฉีดฟิลเลอร์ไปเติมเต็มบริเวณแก้มตอบจะช่วยเพิ่มวอลุ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้พื้นที่ที่ยุบลงกลับมานูนขึ้นอย่างพอดี ปรับสัดส่วนของแก้มให้ตึงกระชับ อิ่มเอิบ สอดรับกับภาพรวมแก้มทั้งสองข้าง รวมถึงส่งผลให้บริเวณโดยรอบ เช่น ใต้ตา หางตา ร่องแก้ม แลดูเรียบเนียนขึ้น ไม่เป็นแอ่งลึกจนดูอ่อนแอและมีอายุ

ฉีดฟิลเลอร์แก้ม ต้องใช้สารที่เข้มข้นมากและหนืดกว่าการฉีดในจุดอื่น เพื่อคุมรูปทรงและป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ไหลไปบริเวณข้างเคียง เช่น ตาบวม แก้มบวม ปริมาณสารใช้ฉีดประมาณ 1-4 cc ที่ความลึก 1-1.5 cm เพื่อให้เนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวค่อย ๆ ขยายตัวและยกกระชับขึ้น ไม่ดันลูกตาจนดูโปน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-18 เดือน ก่อนต้องกลับมาทำซ้ำ

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์แก้มตอบ คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

โหนกแก้ม หรือที่เรียกว่า แก้มส้ม (Apple cheek) อีกหนึ่งจุดที่มีผลต่อความงามและเสน่ห์ของใบหน้า เพราะโหนกแก้มที่สูงโด่ง กลมมน เป็นมิติ สามารถช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้รูปหน้าดูอ่อนหวาน สดใส เยาว์วัย และน่ามองได้ กลับกันกับแก้มที่แบนราบ ไร้มิติ ก็จะส่งผลให้ดูโทรม เศร้าซึม จืดชืดได้

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับเสริมแก้มส้ม จะขึ้นอยู่กับความสูงและขนาดของโหนกแก้มที่ผู้รับบริการต้องการ ส่วนมากใช้สารประมาณ 1-2 cc ต่อข้าง ที่ความลึก 2-3 cm โดยต้องค่อย ๆ ทยอยฉีด ไม่เติมปริมาณมาก ๆ ในครั้งเดียวเดียว เพราะแรงดันที่กระทำต่อผิวจะมากเกิน ทำให้แก้มบวมเป่ง ผิดรูปทรง ดูไม่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน

หลังเสริมแก้มส้มอาจพบอาการข้างเคียง เช่น บวม ช้ำ หรือรู้สึกแน่นตึงช่วงสั้น ๆ แต่เมื่อครบ 1-2 สัปดาห์ อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงจนเป็นปกติ ผิวที่เคยยุบตอบก็กลับมากระชับ อวบอิ่ม รับกับเนื้อเยื่อข้างเคียง

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์แก้มส้ม คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก

ร่องน้ำหมาก หรือแนวตั้งระหว่างปากกับจมูก อีกตำแหน่งบนใบหน้าที่เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตามวัย โดยในคนหนุ่มสาววัยแรกรุ่น ผิวบริเวณนี้จะตึงกระชับ เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย แต่เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน เนื้อเยื่อชั้นลึกที่เคยอวบอิ่มก็เริ่มเหี่ยวแห้ง และแนวค่อย ๆ ลึกจนเป็นรอยย่นตามแนวตั้ง เห็นชัดเวลายิ้ม หัวเราะ หรือขยับปาก ทำให้หน้าดูไม่สดใส เศร้าซึม และเสียบุคลิก

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก

สามารถฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายบริเวณนี้ได้ ด้วยสารไฮยาลูโรนิกชนิดนุ่ม ที่แพร่กระจายได้ทั่วถึง ลื่นไหล แนบสนิทไปกับพื้นผิว ไล่เรียงจากบนลงล่างให้ครอบคลุมทั้งความยาวของร่องน้ำหมาก ให้ครบทุกร่องลึกจนตื้นเรียบเสมอกัน และไม่ทำให้ปุ่มปมไป

สารฟิลเลอร์ที่ใช้ประมาณ 1-2 cc ต่อการทำหนึ่งครั้ง หรือมากกว่าเล็กน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณริ้วรอยและความลึกของร่อง ระยะเวลาคงอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ไม่นานเกิน 1 ปี สามารถกลับมาทำซ้ำได้ตามต้องการ

หลังการฉีด ร่องน้ำหมากจะดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ริ้วรอยค่อย ๆ จางลงจนเกือบไม่เห็น ถึงจะพูด ยิ้ม หัวเราะ ก็ไม่ปรากฏร่องลึกชัดเหมือนแต่ก่อน

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก คืออะไร?

ฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด อีกหนึ่งความกังวลของคนไม่น้อย ที่ส่งผลให้รูปลักษณ์ภายนอกดูอ้วนทั้งที่ไม่ได้อ้วน หรือทำให้สัดส่วนระหว่างกลางใบหน้ากับโครงหน้าดูไม่โดดเด่น คมชัด เหมือนอย่างที่ควรเป็น ส่วนใหญ่เกิดจากการสูญเสียไขมันใต้ผิวบริเวณโหนกแก้มและขากรรไกร จนกระดูกโครงหน้าทวีความตะเกียกตะกายขึ้น ไม่ต่อเนื่องเป็นเส้นสวยดังเดิม

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า

การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจ เพราะให้ผลไวใกล้เคียงกับการผ่าตัด ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และไม่ทิ้งแผลเป็น เทคนิคการฉีดจะต่างจากการเติมเต็มส่วนอื่น ๆ เพราะต้องอาศัยความแม่นยำในการกำหนดตำแหน่งกรอบหน้าให้ตรงจุด ไล่จากขอบกรามจนถึงหน้าหูทั้งสองข้าง

โดยแพทย์จะค่อย ๆ ปล่อยฟิลเลอร์ที่เข้มข้นปานกลางเข้าไปเสริมในชั้นผิวและกล้ามเนื้อ เพื่อปรับขอบเขตระหว่างแก้มกับโครงหน้าให้ชัดขึ้น เผยให้เห็นเส้นสันที่คม แต่ก็ไม่แข็งทื่อจนขยับไม่ได้ ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ปรับกรอบหน้าแต่ละข้าง จะอยู่ระหว่าง 1-2 cc ไล่จนถึง 4-5 cc ขึ้นอยู่กับความกว้างและความลึกของพื้นที่ ระยะเวลาคงผลการทำประมาณ 9-24 เดือน ก่อนที่เนื้อฟิลเลอร์จะถูกสลายจนหมด

ผลลัพธ์จะทำให้เห็นภาพใบหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เส้นกรอบหน้าจะชัดขึ้น รับกับเนื้อเยื่อโดยรอบจนเป็นเนื้อเดียวกัน เสริมให้ภาพรวมของใบหน้าดูมีมิติ มีเสน่ห์ชวนมองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

ฉีดฟิลเลอร์หลังมือ

หนึ่งปัญหาผิวที่พบบ่อยเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ คือ ผิวหลังมือเหี่ยวย่น ไม่ตึงกระชับ และมีริ้วรอยลึกเห็นเส้นเลือดชัด เป็นเพราะเนื้อเยื่อไขมันและคอลลาเจนในชั้นผิวเสื่อมสภาพลง ประกอบกับผิวบริเวณนี้บางและสัมผัสกับแดดอยู่เป็นประจำ จึงแลดูแก่เร็วกว่าส่วนอื่น ๆ

ตัวอย่างรีวิวฉีดฟิลเลอร์หลังมือ

การนำฟิลเลอร์มาฉีดเติมเต็มผิวหลังมือ จะช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม กระชับ อิ่มฟู มีน้ำมีนวลขึ้น ลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นให้จางลง ปกปิดเส้นเลือดสีฟ้าหรือเขียวที่เคยปูดโปนให้แบนราบลง เผยผิวสวยเนียนกระจ่างใส เต่งตึง อวบอิ่ม ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนมากใช้เป็นฟิลเลอร์ชนิดเบาบาง ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เติมความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว โดยแพทย์จะฉีดเข้าในชั้นผิวตื้นทั่วทั้งหลังมือ ปริมาณที่ใช้เริ่มต้น 1 cc ต่อข้าง และอาจเพิ่มถึง 3-4 cc ในรายที่เสื่อมสภาพรุนแรง การคงอยู่ของสารสั้นกว่าการฉีดใบหน้าเล็กน้อย ประมาณ 3-6 เดือน

ฉีดฟิลเลอร์ยกหน้า

ฟิลเลอร์ยกหน้า

ฟิลเลอร์ยกหน้า มีข้อดีหลายประการ ทั้งความปลอดภัยสูงเพราะใช้สารที่ร่างกายสลายได้ ใช้เวลาทำเพียง 30-50 นาที ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงานได้ทันที และไม่มีแผลเป็น นอกจากนี้ยังเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ดูเป็นธรรมชาติ และสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ยกหน้า คืออะไร?

ฟิลเลอร์ มีกี่ประเภท?

ฟิลเลอร์ที่ใช้ทางการแพทย์แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler)

ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary Filler)

เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้มากที่สุด และเป็นชนิดเดียวที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำจากสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) สารจากธรรมชาติในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง ร่างกายสามารถสลายได้เองใน 6-24 เดือน การฉีดครั้งต่อไปจึงไม่เกิดการสะสมหรือตกค้าง

ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

ผลิตจากสารสังเคราะห์ เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีแอพาไทต์ พอลิแอลคิลิไมด์ พอลิแอล-แลคติคแอซิด ไม่สามารถสลายได้เองทั้งหมด แต่ค่อย ๆ ละลายไปบางส่วนใน 2-5 ปี อาจมีผลข้างเคียงและการสะสมของสารที่ตกค้างในระยะยาว การแก้ไขทำได้ยากกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ประเภทแบบกึ่งถาวรยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก อย.

ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)

ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler)

ใช้สารสังเคราะห์เหมือนกับฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร แต่ไม่สามารถสลายได้เลย คงอยู่ใต้ชั้นผิวตลอดไป มีความเสี่ยงสูงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น ไหลเลื่อน เกาะเป็นก้อน หรือการอักเสบจากภูมิคุ้มกัน จำเป็นต้องผ่าตัดนำออก แก้ไขได้ยาก ที่พบบ่อย เช่น พาราฟิน ซิลิโคนเหลว ประเภทนี้ถือเป็นฟิลเลอร์เถื่อนผิดกฎหมาย ไม่ควรทำทุกกรณี

สารเติมเต็มในฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

สารฟิลเลอร์ที่ใช้เสริมความงามและแก้ปัญหาผิว สามารถผลิตได้จากสารหลายชนิดทั้งจากธรรมชาติและการสังเคราะห์ แบ่งเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ต่อไปนี้

  • Hyaluronic Acid (HA)

Hyaluronic Acid (HA)

กรดไฮยาลูโรนิค สารเติมเต็มชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองจาก อย. ให้ใช้ได้อย่างปลอดภัย เพราะเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายโดยเฉพาะในชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโครงสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้เกาะตัวกันเป็นร่างแหสามมิติ มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ถึง 1000 เท่าของน้ำหนักตัว ช่วยรักษาความชุ่มชื้นกับความยืดหยุ่นของผิวได้เป็นอย่างดี

เมื่อฉีดฟิลเลอร์กรดไฮยาลูโรนิคเข้าชั้นผิว ก็จะช่วยเติมเต็มส่วนที่หายไป เพิ่มปริมาณความหนาแน่น อำพรางริ้วรอยตื้นลึกให้แลดูเรียบเนียน พร้อมเพิ่มความเอิบอิ่ม เต่งตึง เปล่งปลั่งให้ผิวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะค่อย ๆ ถูกสลายด้วยกระบวนการทางชีวภาพ และถูกขับออกทางปัสสาวะโดยไม่มีสารตกค้าง ใช้เวลา 6-12 เดือน เป็นอย่างน้อย

  • Poly-L-lactic acid (PLLA)

Poly-L-lactic acid (PLLA)

โพลี-แอล-แลคติค แอซิด สารสังเคราะห์ในกลุ่มโพลิเมอร์ย่อยสลายได้ ถูกนำมาใช้ผลิตไหมเย็บแผลและวัสดุดามกระดูกนานกว่า 40 ปี ก่อนได้รับการพัฒนาให้อยู่ในรูปของเม็ดอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถฉีดเข้าชั้นผิวหนังได้

สาร PLLA เป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวรที่ไม่ได้ไปเติมเต็มโดยตรง แต่ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายเอง ด้วยการใช้เซลล์ไฟโบรบลาสต์เข้าล้อมรอบตัวเม็ดยา และกระตุ้นให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ขึ้นใหม่ เพื่อเสริมความหนาให้ชั้นหนังแท้ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นผิว ส่งผลให้ริ้วรอยดูตื้นลง ผิวเรียบเนียนกระชับ มีมิติขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ การเห็นผลใช้เวลานานกว่าฟิลเลอร์ชนิดอื่น ๆ แต่อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

  • Calcium Hydroxyapatite

Calcium Hydroxyapatite

แคลเซียม ไฮดรอกซีอะพาไทต์ สารประกอบแคลเซียมและฟอสเฟตที่ได้จากการสังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ ใช้ผลิตวัสดุปลูกถ่ายกระดูกและอวัยวะเทียมในทางการแพทย์ มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ขนาด 25-45 ไมครอน แขวนลอยอยู่ในของเหลวคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลสที่ใช้เป็นตัวพา

เมื่อฉีดสารนี้ ตัวพาจะถูกสลายทันที ส่วนเม็ดไฮดรอกซีอะพาไทต์จะคงอยู่ ช่วยเพิ่มวอลุ่มให้กับผิว ยกกระชับส่วนที่หย่อนยาน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรอบตัวเม็ดยา อยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและสภาพผิวของแต่ละบุคคล มีผลข้างเคียงให้เห็นอาจเป็นจุดขาว หรือเป็นก้อนใต้ผิว

  • Polyalkylimide

Polyalkylimide

พอลิแอลคิลไอไมด์ สารสังเคราะห์ประเภทเดียวกันกับพลาสติก ลักษณะเป็นเจลใส ประกอบด้วยอนุภาคพอลิเมอร์ขนาดประมาณ 1-1.5 มิลลิเมตร กระจายอยู่ในเจลที่ทำจากโพลีวินิลไพโรลิโดน วัสดุที่เข้ากันดีกับเนื้อเยื่อของร่างกาย

เป็นฟิลเลอร์ประเภทกึ่งถาวร ที่ให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2-5 ปี เพราะมีการสลายตัวได้ค่อนข้างน้อย และไม่สามารถละลายด้วยยาหรือสารอื่นได้ ถ้าต้องการนำออกต้อง ผ่าตัด เท่านั้น

  • Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA)

Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA)

พอลิเมทิล-เมตาไครเลตไมโครสเฟียร์ สารกลุ่มพลาสติกชนิดแข็ง ใช้กันแพร่หลายในวงการทันตกรรม อย่าง ซีเมนต์ชนิดต่าง ๆ ที่ใช้รักษาฟัน หรือการทำฐานรากฟันเทียม เพราะเข้ากันดีกับเนื้อเยื่อในช่องปาก

เมื่อปรับใช้เป็นฟิลเลอร์ สาร PMMA จะอยู่ในรูปของเม็ดขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 30-50 ไมครอน เป็นฟิลเลอร์แบบถาวรที่ร่างกายไม่สามารถสลายได้ แต่ถูกล้อมรอบด้วยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาแทนที่ เป็นเหตุผลว่าทำไมหลังฉีดไประยะหนึ่งถึงเริ่มเห็นผล และยิ่งฉีดบ่อยก็จะยิ่งสะสมปริมาณ เสี่ยงต่อภาวะผิดรูปกับมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

เนื้อฟิลเลอร์ มีกี่แบบ?

เนื้อสัมผัสของฟิลเลอร์จะแตกต่างกันตามเทคโนโลยีการผลิต แบ่งได้ 3 แบบ คือ

ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง

ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง (Firm Filler)

ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง (Firm Filler) มีความเหนียวหนืดสูง เวลาบีบจากหลอดจะเกิดเป็นเส้นและคงรูปร่างอยู่ได้ดี เหมาะสำหรับใช้ยกหน้า เสริมโครงสร้าง ทนต่อการกดทับจากกล้ามเนื้อ ตัวอย่างรุ่นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เช่น Juvederm Voluma, Restylane Perlane Lift, Belotero Volume

ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม

ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม (Soft Filler)

ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม (Soft Filler) มีลักษณะเป็นเจลคล้ายเยลลี่ เนื้อนุ่ม ไม่เป็นก้อน แต่แน่นกว่าฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เหมาะกับฉีดในชั้นผิวและโครงสร้างอ่อน เช่น ฉีดเติมริ้วรอยต่าง ๆ หรือใช้ฉีดปาก ตัวอย่างฟิลเลอร์กลุ่มนี้ เช่น Juvederm Ultra Plus, Restylane Classic, Belotero Balance และ Resilient Hyaluronic Acid (RHA) Filler ต่าง ๆ

ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด

ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด (Fine Filler)

ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด (Fine Filler) มีความเหลวใส คล้ายน้ำมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ซึมซาบเข้าสู่ผิวดี กระจายตัวได้อย่างเนียนเรียบ เหมาะฉีดในชั้นผิวตื้น บริเวณที่ละเอียดอ่อนอย่างใต้ตา ตัวอย่างฟิลเลอร์กลุ่มนี้ เช่น Restylane Vital Light, Juverderm Volite, Belotero Soft

คุณสมบัติของฟิลเลอร์

  • ความแข็ง (Elasticity) – ความแข็งเป็นตัวบอกความสามารถการทนต่อแรงกดของฟิลเลอร์ ความแข็งสูงดีในการฉีดเติมเต็มผิวชั้นลึก ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ปรับรูปทรงใบหน้าได้ดี เช่น การเสริมจมูก คาง กรอบหน้า
  • ความยืดหยุ่น (Resilient) – บอกถึงความสามารถในการรักษารูปทรง และทนต่อแรงบิด ดัด ยืด ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่ มีความยืดหยุ่นสูง จะเหมาะฉีดกับส่วนที่มีการเคลื่อนไหวตลอด เช่น แก้ม ร่องแก้ม มุมปาก ไม่ทิ้งรอยบุ๋ม
  • ความกระจายตัว (Tissue Integration) – ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่มีคุณสมบัติกระจายตัวสูง เมื่อฉีดไปจะเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกับชั้นผิว สัมผัสนุ่ม เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น ผู้ที่มีผิวบาง ผิวแห้ง
  • ค่าอุ้มน้ำ (Water Holding) – เป็นตัวบอกว่าเมื่อฉีดจะออกมาฟูมากหรือน้อยแค่ไหน รุ่นฟิลเลอร์ที่มีค่านี้สูงจะช่วยให้ผิวดูอิ่ม ชุ่มชื้น แต่อาจมีผลข้างเคียงคือบวมได้ง่าย ไม่เหมาะฉีดใต้ตา ส่วนฟิลเลอร์ค่าอุ้มน้ำต่ำจะให้ลุคดูธรรมชาติมากกว่า
  • จำนวนการเชื่อมพันธะ (Crosslink) – เทคโนโลยี Crosslink คือการเชื่อมโมเลกุลของไฮยาลูโรนิคแอซิดให้มีขนาดใหญ่และแน่นแข็งขึ้น ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน ค่อย ๆ สลายช้าลง ทนต่อการเคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น ฟิลเลอร์รุ่น Vycross ของ Juvederm
  • ขนาดเม็ดของฟิลเลอร์ (Particle size) – ขนาดอนุภาคเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อความคงตัว ฟิลเลอร์ที่มีขนาดอนุภาคใหญ่ จะมีลักษณะเป็นเจลเหนียว อยู่ได้นาน ทนต่อการกดทับในแนวตั้ง แต่ไม่ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับใช้ยกผิวชั้นลึก ส่วนฟิลเลอร์ที่อนุภาคเล็ก เช่น เทคโนโลยี NASHA ของ Restylane จะให้ความละเอียดนุ่มนวลกว่า

ฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี?

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

แบรนด์ฟิลเลอร์ ที่อนุญาตให้ใช้อย่างถูกกฎหมายในไทย ต้องมีส่วนประกอบหลักคือสารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ชนิดชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่สารกึ่งถาวร ถาวร หรือสารอื่น ๆ ที่ไม่ปลอดภัย และทุกผลิตภัณฑ์ต้องมีหมายเลขจดแจ้งถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมฉลากกับเอกสารกำกับยาภาษาไทย ที่ระบุแหล่งที่มา ปริมาณสาร วิธีใช้ และวันหมดอายุชัดเจน

|   ยี่ห้อฟิลเลอร์ ในประเทศไทย มีอะไรบ้างที่ผ่าน อย. ไทย เลือกยี่ห้อไหนดี ?

ปัจจุบัน มีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่ละยี่ห้อก็มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูโรนิคแตกต่างกัน ทั้งความเข้มข้น ปริมาณ และกระบวนการผลิต ส่งผลต่อระยะเวลาการคงอยู่กับลักษณะเด่นเฉพาะของแต่ละผลิตภัณฑ์ ดังนี้ค่ะ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm (จูวีเดิร์ม)

Juvederm (จูวีเดิร์ม) แบรนด์ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัทแอลเลอแกน (Allergan) จุดเด่นเรื่องการกระจายตัว ให้เนื้อสัมผัสที่เรียบเนียนแนบไปกับพื้นผิว ไม่ทิ้งร่องรอยให้เห็น มี 2 เทคโนโลยีการผลิตหลัก คือ Hylacross กับ Vycross

  • Ultra Plus XC – ใช้เติมเต็มริ้วรอยลึก เพิ่มเต็มปริมาตรของผิว อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Ultra XC – แก้ปัญหาริ้วรอยระดับปานกลาง อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Volift – เหมาะกับริ้วรอยระดับปานกลาง-ลึก บริเวณร่องแก้ม ใต้ตา อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  • Volbella – เนื้อนุ่มละเอียด เหมาะกับริมฝีปากและรอยตีนกา อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
  • Volite – มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว ใช้ได้ทั่วใบหน้า อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Voluma – แน่นเหนียว ยกกระชับผิวหย่อนคล้อย แก้แก้มตอบได้ดี อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
  • Volux – มีความแน่นมาก สร้างโครงหน้าให้ได้รูป เสริมคาง กราม อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane (เรสไทเลน)

Restylane (เรสไทเลน) ยี่ห้อฟิลเลอร์จากสวีเดน ผลิตโดยบริษัทกาลเดอร์มา (Galderma) เป็นแบรนด์บุกเบิกวงการฟิลเลอร์ เพราะวางจำหน่ายเจ้าแรก ๆ ของโลก จุดเด่นคือคงทนรูปทรงได้นาน ความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับบริเวณที่ต้องการความแข็งแรง มี 2 เทคโนโลยีการผลิตหลัก คือ NASHA และ OBT

  • Restylane Classic – ใช้แก้ไขริ้วรอยของใบหน้า อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Kysse – สำหรับเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากโดยเฉพาะ อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Lyft – เนื้อเจลหนืด แน่น ใช้ปรับโครงหน้าเพิ่มวอลลุ่ม อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Defyne – เหมาะแก้ไขริ้วรอยแนวนอนที่หน้าผาก ร่องแก้ม อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Refyne – มีความยืดหยุ่นสูง เน้นแก้ไขริ้วรอยรอบดวงตา อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Volyme – เนื้อเจลแน่น ช่วยให้โครงหน้าดูมีมิติ แก้แก้มตอบ อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Restylane Vital – ผสมวิตามินและสารสกัดจากสาหร่ายแดง เพิ่มความชุ่มชื้น อยู่ได้นาน 12 เดือน
  • Restylane Skinboosters – ฟื้นบำรุงผิว ลดริ้วรอยตื้น ๆ อยู่ได้ 6-9 เดือน

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero (เบโลเทโร)

Belotero (เบโลเทโร) เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ ผลิตโดยบริษัทเมอร์ซ (Merz) เด่นเรื่องเนื้อสัมผัสที่นุ่มลื่น ช่วยเติมเต็มร่องลึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผิวไม่ดูแข็งกระด้าง จำแนกประเภทการใช้ตามความเข้มข้น

  • Belotero Soft – เนื้อนุ่มละเอียด เหมาะกับผิวผู้มีอายุน้อย ใช้เติมริ้วรอยตื้น ๆ อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Belotero Balance – เติมเต็มริ้วรอยระดับปานกลาง ผิวไม่บาง อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Belotero Intense – มีความเข้มข้นสูง ใช้ปรับโครงหน้า แก้ไขร่องลึก อยู่ได้นาน 18 เดือน
  • Belotero Volume – มีเนื้อเหนียวมาก เหมาะกับการยกกระชับบริเวณที่หย่อนคล้อย อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  • Belotero Revive –  ช่วยปรับรูขุมขนเล็กลง หลุมสิวตื้นขึ้น ผิวฉ่ำวาว อยู่ได้นาน 12 เดือน

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis (นูราเมส)

Neuramis (นูราเมส) แบรนด์ฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้ ผลิตโดยบริษัทเมดิโตก (Medytox) มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความบริสุทธิ์ของไฮยาลูโรนิค แอซิด ที่ผ่านกระบวนการกำจัดสิ่งเจือปนที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้อย่างดี แบ่งเป็น 3 รุ่น ตามความเข้มข้นและการนำไปใช้

  • Neuramis Light – ใช้เติมเต็มริ้วรอยผิวระดับตื้น สำหรับผู้มีอายุน้อย อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
  • Neuramis Volume – มีความเข้มข้นสูง ใช้เพิ่มปริมาตรให้ใบหน้า แก้ไขหลุมสิว อยู่ได้นาน 12-24 เดือน
  • Neuramis Deep – เนื้อเจลแน่น ใช้ปรับรูปทรงใบหน้า เสริมจุดต่าง ๆ อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

ฟิลเลอร์ e.p.t.q.

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ ฟิลเลอร์ e.p.t.q.

ฟิลเลอร์ e.p.t.q. เป็นสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยมในการปรับแต่งรูปหน้า ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่มีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งมีให้เลือกหลายรุ่นตามความเหมาะสมกับแต่ละบริเวณของใบหน้า

  • S100 – เนื้อเจลบางเบา เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ นิยมใช้บริเวณรอบดวงตาและใต้ตา อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
  • S300 – เนื้อเจลมีความหนาปานกลาง เหมาะกับการเพิ่มปริมาตรระดับกลาง นิยมใช้เติมเต็มแก้ม ร่องแก้ม และริมฝีปาก อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
  • S500 – เนื้อเจลมีความหนาและเหนียวมากที่สุด สำหรับการเพิ่มปริมาตรมาก เหมาะกับการปรับโครงหน้า เช่น คาง โหนกแก้ม อยู่ได้นาน 12-15 เดือน

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ YVOIRE

ฟิลเลอร์ยี่ห้อ YVOIRE (อีวัวร์)

YVOIRE (อีวัวร์) เป็นฟิลเลอร์จากเกาหลีใต้อีกยี่ห้อหนึ่ง ผลิตโดยบริษัทแอลเอชเอช (LG H&H) ใช้เทคโนโลยีเรียกว่า Hylacross ในการเชื่อมโยงโครงสร้างของโมเลกุลไฮยาลูโรนิค ให้อยู่ลักษณะเป็นร่างแหเชื่อมต่อสามมิติ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง สามารถทนต่อแรงกด แรงเบียดจากการขยับได้ดี เหมาะสำหรับการปรับโครงสร้างใบหน้าในส่วนที่หย่อนคล้อย มี 3 รุ่นหลัก

  • YVOIRE Classic – เน้นแก้ไขบริเวณที่มีริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องปาก อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
  • YVOIRE Contour – ใช้ปรับรูปหน้าให้เรียว ได้รูปทรง ลดเลือนริ้วรอย อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  • YVOIRE Volume – เน้นเพิ่มปริมาตร ความสูง ให้ใบหน้าดูอิ่มฟู มีมิติ อยู่ได้นาน 9-12 เดือน

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่?

ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่

ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่ยี่ห้อ รุ่น และปริมาณที่ใช้ รวมถึงบริเวณที่ฉีด แต่ละคลินิกก็กำหนดราคาแตกต่างกันไปตามโปรโมชั่นขณะนั้น

ราคาฟิลเลอร์แต่ละจุด

  • บริเวณใต้ตา ราคาประมาณ  15,000 – 25,000 บาท
  • บริเวณปาก ราคาประมาณ  12,000 – 20,000 บาท
  • บริเวณคาง ราคาประมาณ 20,000 – 35,000 บาท
  • บริเวณขมับ ราคาประมาณ  12,000 – 40,00 บาท
  • บริเวณร่องแก้ม ราคาประมาณ 18,000 – 30,000 บาท
  • บริเวณแก้มตอบ  ราคาประมาณ  18,000 – 30,000 บาท
  • บริเวณหน้าผาก ราคาประมาณ 15,000 – 70,000 บาท
  • บริเวณสะโพก ราคาประมาณ 35,000 – 100,000 บาท
  • บริเวณน้องสาว  ราคาประมาณ 20,000 – 35,000 บาท

ฟิลเลอร์ ราคา CC ละ?

ทั่วไปฟิลเลอร์ต่อซีซี ราคาจะประมาณ 9,000 บาท ถึง 25,000 บาท แต่ละตำแหน่งก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ ความยากง่ายของการรักษา และสถานพยาบาลที่เลือกบริการ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนทำการรักษา

ฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์มีความปลอดภัยสูง ถ้าเลือกทำกับแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์แท้ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงกับปฏิกิริยาบางอย่างที่พบได้บ้าง อย่างเช่น

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์

ผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์
  • บวม ช้ำ แดง เจ็บ คัน บริเวณที่ฉีดใน 7-14 วัน
  • เกิดการติดเชื้อ หรือแพ้ฟิลเลอร์ (พบได้น้อย)
  • ไม่พอใจผลลัพธ์ เช่น รูปทรงไม่สมมาตร ตำแหน่งไม่ถูกต้อง ฟิลเลอร์ไม่เท่ากัน
  • กรณีฉีดโดนเส้นเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเกิดภาวะฟิลเลอร์ไหลเข้าหลอดเลือด ทำให้เนื้อเยื่อตายได้
  • พบติ่งเนื้อเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด

ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถป้องกันได้ โดยฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทาง ในสถานพยาบาลที่มีความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆ ค่ะ

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์อันตรายไหม? ข้อดี-ข้อเสีย และสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีด

ฟิลเลอร์ปลอม

อันตรายจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมฉีด

ฟิลเลอร์แท้มีความปลอดภัยสูง แต่ ฟิลเลอร์ปลอมหรือเถื่อน กลับอันตรายมาก ไม่ผ่านการทดสอบและรับรองจากสำนักงานอาหารและยา ส่วนมากใช้สารที่ไม่เหมาะกับการฉีดในร่างกาย เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน สารสังเคราะห์ต่าง ๆ

เมื่อฉีดเข้าไปจะสลายตัวได้ยาก จับตัวเป็นแผ่นแข็ง เคลื่อนย้ายไปมา อาจอุดตันในหลอดเลือด เกิดแผลเป็น การอักเสบ ติดเชื้อ เนื้อตาย บางกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้

วิธีเลี่ยงอันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม คือ เลือกฉีดกับสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตถูกต้อง ตรวจเช็คประวัติแพทย์ผู้ฉีดให้มั่นใจ และเลือกใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้จากบริษัทผู้จัดจำหน่ายโดยตรงเท่านั้น สังเกตจากราคาที่ต้องสมเหตุสมผล ไม่ถูกจนน่าสงสัย

|   อ่านแบบเจาะลึก : เช็คก่อนฉีด! ฟิลเลอร์ปลอม คืออะไร? อาการ ผลข้างเคียง และวิธีแก้

การดูแลตัวเอง ก่อน-หลัง ฉีดฟิลเลอร์

เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ทั้งก่อนและหลังทำ ดังนี้

ก่อนฉีดฟิลเลอร์

ก่อนฉีดฟิลเลอร์
  • หยุดยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา มาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด ลดความเสี่ยงการมีรอยช้ำ
  • งดใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารระคายเคืองผิว เช่น เรตินอยด์ กรดผลไม้ ก่อนฉีด 3-5 วัน
  • ถ้ามีประจำเดือนควรเลื่อนนัดฉีดออกไป เพราะจะไวต่อความเจ็บปวดมากกว่าปกติ
  • แจ้งประวัติความเจ็บป่วย ประวัติการแพ้ยาให้คุณหมอทราบก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยง

|   ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ต้องรู้อะไรบ้าง? เช็คลิสต์ก่อนตัดสินใจ

หลังฉีดฟิลเลอร์

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
  • หลีกเลี่ยงการแตะ ลูบ คลึง บริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  • ใช้ความเย็นประคบเพื่อบรรเทาอาการบวม เจ็บ ไม่เกิน 15 นาที ทุก ๆ 1 ชั่วโมง ในวันแรก
  • งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวมาก ๆ 3 วันแรก ป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อน
  • เลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อาบน้ำร้อน แสงแดด 1 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ เลี่ยงอาหารรสจัด ของทอดของมัน ของหมักดอง 2 สัปดาห์
  • ไม่นวดหน้า หรือทำทรีตเมนต์อื่น ๆ บนใบหน้า อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • รอให้ฟิลเลอร์เข้าที่ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนมาทำซ้ำหรือปรับแก้
  • ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ป้องกันผิวคล้ำเสีย ริ้วรอยเหี่ยวย่น
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารมีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนเป็นเวลา
  • ถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก บวมไม่ลง มีไข้ มีหนอง ควรรีบพบแพทย์

|   เช็คลิสต์! หลังฉีดฟิลเลอร์ ดูแลตัวเองยังไง? ห้ามทำอะไรบ้าง

ฉีดสลายฟิลเลอร์ ได้ไหม?

ไม่พอใจผลลัพธ์ ฉีดสลายฟิลเลอร์

ไม่พอใจผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ หรือต้องการปรับแก้ที่ฉีดเกินมา สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้ แต่ทำได้เฉพาะฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิคเท่านั้น

วิธีสลายฟิลเลอร์ ทำได้โดยการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปบริเวณที่ต้องการสลาย เอนไซม์ตัวนี้จะทำปฏิกิริยาย่อยสลายโมเลกุล ไฮยาลูโรนิคแอซิด ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ค่อย ๆ อ่อนตัวลง และถูกดูดซึมกลับสู่ร่างกายจนหมดใน 24 ชั่วโมง

ในการฉีดสลายฟิลเลอร์บริเวณที่ควรระวัง คือ บริเวณใกล้ดวงตา จมูก และริมฝีปาก ต้องทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญจริง ๆ เท่านั้น เพื่อความปลอดภัย เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์

  • ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม?

ระหว่างฉีดฟิลเลอร์อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยค่ะ โดยเฉพาะคนที่กลัวเข็ม แต่ความเจ็บจะทุเลาลงใน 1-2 นาที เพราะแพทย์ใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนฉีด บวกกับเทคนิคการฉีดที่เบามือ และมีฟิลเลอร์หลายรุ่นที่ผสมยาชาลิโดเคนมาในตัว ช่วยลดความเจ็บได้

  • ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน?

หลังฉีดฟิลเลอร์จะมีอาการบวม 2-5 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและปริมาณที่ฉีด โดยอาการบวมจะเริ่มลดลงหลังจากวันที่ 3 แต่ต้องรออย่างน้อย 2 สัปดาห์กว่าฟิลเลอร์จะเข้าที่ และอาการบวมจะหายไปเกือบทั้งหมด

|   ฉีดฟิลเลอร์บวมกี่วัน? เช็คเลย บวมแบบไหนปกติ / อันตราย

  • ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิคทั่วไป สามารถอยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ โครงสร้างผิวหน้า พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลผิว ซึ่งจะค่อย ๆ สลายตัวจนกลับสู่สภาพเดิม ต้องเติมซ้ำถ้าต้องการรักษาผลลัพธ์ต่อเรื่อย ๆ

|   ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน? ดูแลตัวเองยังไงให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน

  • ฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับใคร?

การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหลากหลาย ตั้งแต่

  • คนอายุ 25 ปีขึ้นไป ที่เริ่มสังเกตเห็นริ้วรอยแห่งวัยชัดขึ้น
  • หน้าเริ่มหย่อนคล้อย หรือยุบตัวลงตามอายุที่มากขึ้น
  • ใบหน้าขาดมิติ สัดส่วนไม่สมดุล ต้องการปรับโครงหน้าให้ดูเด่น
  • มีปัญหาในจุดรำคาญใจ เช่น ร่องแก้มลึก แก้มตอบ ถุงใต้ตา หรือริมฝีปากบาง
  • ต้องการเติมเต็มร่องลึก เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ต้องการยกกระชับ เสริมความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า
  • ไม่สะดวกหรือไม่พร้อมเข้ารับการผ่าตัด
  • ไม่แพ้ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้าม
  • ฉีดฟิลเลอร์บ่อย ๆ ได้ไหม?

สามารถฉีดฟิลเลอร์ซ้ำได้เรื่อย ๆ แต่ควรเว้นระยะห่างค่ะ ให้สารฟิลเลอร์ที่ฉีดไปก่อนหน้าถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายไปมากพอ แนะนำประมาณ 6-12 เดือน ต่อหนึ่งครั้ง และประเมินผลลัพธ์ต่อว่าต้องเติมเท่าไหร่

|   ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่? กี่วันเห็นผล? พร้อมวิธีดูแล

ควรผ่านการพิจารณาจากแพทย์ เพราะฉีดถี่เกินอาจทำให้เกิดอาการที่ไม่ต้องการ เช่น ฟิลเลอร์คั่ง ผิวดูบวมเกินธรรมชาติ หรือหน้าดูแข็งทื่อ

  • ฉีดฟิลเลอร์หลายยี่ห้อ ดีไหม?

การฉีดฟิลเลอร์หลายยี่ห้อพร้อมกัน ไม่ได้ช่วยเสริมประสิทธิภาพการรักษาค่ะ ในทางตรงกันข้ามอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างสารต่างชนิดกัน ส่งผลให้การกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ เกิดเป็นก้อนไม่เรียบเนียน หรือเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา

ที่สำคัญคือการเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะกับสภาพปัญหาผิว และตำแหน่งที่รักษาตามความจำเป็น โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินกับแนะนำทั้งชนิด ยี่ห้อ ความเข้มข้น และปริมาณ ไม่ใช่การฉีดมากเกินจำเป็นหรือหวังผลเร็วไป เพราะอาจส่งผลเสียต่อผิวระยะยาวได้

  • เคยฉีดสารเติมเต็มอื่นมาก่อน ฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม?

ถ้ามีประวัติเคยฉีดสารเติมเต็มแบบกึ่งถาวร หรือแบบถาวรมาก่อน (ที่ไม่ใช่ HA) แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมก่อนทุกครั้ง

ส่วนมากจะรอเวลาให้สารชนิดเดิมสลายออกหมดก่อน หรืออาจต้องผ่าตัดนำออกบางกรณี เพื่อป้องกันปฏิกิริยาระหว่างสารที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือผิดรูปไป แต่ถ้าเคยฉีดฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของ HA มาก่อน ก็สามารถฉีดซ้ำได้ตามปกติ

  • เติมไขมัน กับ ฉีดฟิลเลอร์ อะไรดีกว่า?

ทั้งการเติมไขมันตัวเองและการฉีดฟิลเลอร์ เป็นวิธีเติมเต็มผิวหนังในบริเวณที่สูญเสียโครงสร้างไป มีความแตกต่างกัน คือ

การเติมไขมันตัวเอง (Fat Grafting)การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection)
ต้องผ่าตัดดูดไขมันจากบริเวณอื่น เช่น หน้าท้อง ต้นขา นำมาฉีดซ้ำบริเวณที่ต้องการไม่ต้องผ่าตัด เป็นการฉีดสารสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติเลียนแบบกรดไฮยาลูโรนิคในร่างกาย
ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์สุดท้าย ประมาณ 1-3 เดือนเห็นผลทันทีหลังทำ และรออีก 2 สัปดาห์ ให้ฟิลเลอร์เข้าที่
ผลลัพธ์อ่อนนุ่ม เป็นธรรมชาติ เพราะใช้เนื้อเยื่อจากตัวเองฟิลเลอร์เป็นสารจากภายนอก สามารถสลายได้หมดใน 6-18 เดือน
แพทย์ต้องคำนวณปริมาณไขมันเผื่อส่วนที่ถูกดูดซึมกลับ การคาดเดาผลลัพธ์ทำได้ยากกว่าแพทย์ปรับปริมาณและออกแบบรูปทรงได้แม่นยำกว่า ฉีดซ้ำหลายครั้งได้
เจ็บและพักฟื้นนาน เพราะต้องผ่าตัดเอาไขมันออกจากส่วนอื่นด้วยพักฟื้นไม่กี่วัน การทำหัตถการสั้นกว่าเมื่อเทียบกับการเติมไขมันตัวเอง

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฉีดไขมัน กับ ฉีดฟิลเลอร์ เลือกแบบไหนดี? ให้เหมาะกับปัญหาผิว

  • ฉีดฟิลเลอร์ กับ ร้อยไหม ต่างกันยังไง?

ทั้งการฉีดฟิลเลอร์และร้อยไหมหน้าเรียว ก็ช่วยยกกระชับใบหน้าและลดริ้วรอยได้ แต่ต่างกันที่กลไกการทำงานกับผลลัพธ์ที่ได้

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection)การร้อยไหม (Thread Lifting)
ใช้หลักการเติมเต็มส่วนที่สูญเสียปริมาตรไปจากภายใน ด้วยสารไฮยาลูโรนิคแอซิดใช้หลักการดึงกระชับผิวและกล้ามเนื้อให้ตึงขึ้น ด้วยไหมละลายแบบมีเขี้ยวเกี่ยว
ปรับแก้จุดบกพร่องเฉพาะจุด เพิ่มมิติให้ใบหน้าปรับแก้รูปหน้าภาพรวม ทำให้โครงหน้ากระชับ ยกสูงขึ้น ลดการหย่อนคล้อย
เน้นแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก แก้มตอบ ให้ดูตื้น ผิวเต่งตึงขึ้นเน้นแก้ปัญหาแก้มย้อย เหนียงหย่อน รูปหน้าเริ่มเหี่ยว ให้ดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
ผลการทำดูเป็นธรรมชาติ นุ่มนวล ไม่กระตุกเกินไปอาจดูกระตุกเกินจริงช่วงแรก ต้องรอให้ไหมคลายตัวลงสักระยะ
ผลอยู่ได้ชั่วคราว 6-18 เดือน ตามประเภทของฟิลเลอร์ผลอยู่ได้ระยะกลาง ประมาณ 1-2 ปี แล้วแต่ประเภทไหม

สองหัตถการสามารถใช้ร่วมกันได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่นอาจเลือกร้อยไหมเพื่อกระชับ ยกโครงหน้าขึ้นก่อน จากนั้นถึงเติมฟิลเลอร์ไปแต่งแต้มส่วนที่บกพร่องค่ะ

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี?

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

หลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลสำหรับทำฟิลเลอร์ มีดังนี้

  • เป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
  • มีแพทย์เฉพาะทางผิวหนังหรือศัลยกรรมตกแต่ง ผ่านการรับรองจากแพทยสภา
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ 100% เปิดให้ลูกค้าตรวจเช็คได้ก่อนฉีด
  • มีทีมพยาบาลดูแลใกล้ชิด พร้อมเครื่องมือและมาตรการรองรับเมื่อเกิดฉุกเฉิน
  • ใช้เข็มสำหรับฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ สะอาด ปลอดเชื้อ ไม่เคยผ่านการใช้มาก่อน
  • ราคาเป็นไปตามมาตรฐาน ไม่ต่ำหรือสูงเกินจนผิดสังเกต
  • ไม่มีการบังคับขายคอร์ส หรือล่อลวงให้ซื้อแพคเกจต่าง ๆ
  • การให้คำปรึกษาก่อนและหลังการรักษา มีระบบดูแลหลังการฉีดที่ดี
  • มีตัวอย่างผลงานหรือรีวิวเชื่อถือได้ จากคนที่เคยฉีดกับคลินิกจริง

|   อ่านแบบเจาะลึก : ฟิลเลอร์ที่ไหนดี? คู่มือการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย

รีวิวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ที่ RWC Clinic

การฉีดฟิลเลอร์ มีคุณสมบัติเพื่อช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของใบหน้าเพื่อให้ดูอ่อนวัยขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจแตกต่างกันไปตามชนิดของฟิลเลอร์ ปริมาณที่ฉีด และความชำนาญของแพทย์ที่ฉีด รวมถึงลักษณะทางกายวิภาคของผู้เข้ารับการรักษาด้วย

ภาพรีวิว

คลิปรีวิวเคส หลังฉีดฟิลเลอร์

สรุป

สรุป ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มที่นำมาฉีดเข้าบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากวัย ช่วยให้ผิวกลับมาตึงกระชับ เนียนเรียบขึ้น รวมถึงสามารถปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสมมาตรได้ โดยอาศัยคุณสมบัติของสารไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ที่มีโครงสร้างคล้ายของเหลวในร่างกาย ไม่เป็นอันตรายและสลายได้เองตามธรรมชาติ

การฉีดฟิลเลอร์มีข้อควรระวังบางเรื่อง โดยเฉพาะการเลือกสถานพยาบาลกับแพทย์ รวมถึงยี่ห้อฟิลเลอร์ เพื่อความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

ที่สำคัญคือควรปฏิบัติตัว ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังตามคำแนะนำจากแพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดอาการข้างเคียง ลดปัญหาที่อาจเกิด พร้อมติดตามผลแบบใกล้ชิดกับทางคลินิก ให้สามารถเข้ารับการดูแลได้ทันท่วงที กรณีพบอาการผิดปกติ

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ถูกยอมรับจากดารานักแสดงมากมาย

ฉีดฟิลเลอร์
ถูกยอมรับจากดารานักแสดงมากมาย

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC