การฉีดฟิลเลอร์อีกเรื่องที่เราควรรู้คือ ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม เพราะนอกจากคุณประโยชน์ฟิลเลอร์ด้วยตัวของมันเอง ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด เพราะเป็นการผลิตเพื่อการเลียนแบบสารตามธรรมชาติของร่างกายที่ชื่อว่าไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)
สารบัญ
ปัจจุบันอุตสาหกรรมด้านความงามเติบโตขึ้นมาก หลายคนคงเจอโปรโมชั่นราคาถูกที่โฆษณาเกินจริง ทำให้หลงเชื่อง่าย แต่พอใช้แล้วก็อาจทำให้หน้าพังได้ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการรับรอง อย. หรือตามข่าวที่พบบ่อย คือ การไปฉีดศัลยกรรมที่คลินิกไม่ได้ผ่านมาตรฐานรับรองความปลอดภัย ทำให้ผู้บริโภคหลายคนกลายเป็นเหยื่อการตลาดเหล่านี้ได้
ฟิลเลอร์ มีหน้าที่อะไร
ฟิลเลอร์ มีหน้าที่ คือ เพื่อเติมเต็ม แก้ไขข้อบกพร่องบริเวณใบหน้า ทำหน้าที่ขยายและทำให้บริเวณที่ถูกฉีดดูเต็มขึ้น สิ่งที่จำเป็นอย่างมาก คือ จะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเหมาะสม มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาค และ เส้นเลือดบนใบหน้า เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์นั้นออกมาสวยและปลอดภัยที่สุด
ซึ่งสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติเมื่อถึงระยะเวลา โดยประมาณแล้วฟิลเลอร์จะสลายภายใน 1-2 ปีแต่การเกิด อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ มาจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ ขาดความรู้ในด้านกายวิภาค ถ้าฉีดไม่ดีอาจทำให้เกิดอันตรายได้
ชนิดของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน คือ ฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic Acid หรือ HA กรดไฮยาลูรอนิก เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้ โดยร่างกายจะทำการดูดซึมไปโดยธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. Temporary filler (แบบชั่วคราว)
Temporary filler สารเติมเต็มที่เป็น Hyaluronic Acid หรือ HA กรดไฮยาลูรอนิก อยู่ได้ประมาณ 6 เดือน – 2 ปี สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง สารชนิดนี้จะสามารถจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจล ที่มีคุณสมบัติส่งผลให้ผิวหนังเต่งตึง
2. Semi Permanent Filler (แบบกึ่งถาวร)
สามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-5 ปี สารชนิดนี้จะสามารถจับตัวกับน้ำและพองขึ้นเป็นเจล ที่มีคุณสมบัติส่งผลให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น โดยจะมีอายุประมาณ 6-12 เดือน ปัจจุบันฟิลเลอร์กลุ่มนี้ ยังเป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยรับรองให้ใช้ได้อย่างปลอดภัย
ภาพตัวอย่างฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic Acid จากโรงงานผลิตฟิลเลอร์ เเบรนด์ Restylane ที่สามารถฉีดสลายได้
ตัวอย่างฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร “การฉีดไขมัน” ที่มาจากร่างกายของเราเอง
ฟิลเลอร์ที่ร่างกายผลิตเองตามธรรมชาติ นั่นก็คือ ไขมัน ซึ่งการจะนำมาใช้นั้นต้องทำการดูดไขมันออกมาแล้วนำมาฉีดตามจุดที่เราต้องการ เรียกว่า การฉีดไขมัน หรือ Fat grafting อาจจะนำมาจากบริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง
ซึ่งมีกระบวนการ 2 ขั้นตอน คือการนำไขมันออกมา (ดูดไขมัน) และฉีดไขมันเข้าไปยังส่วนที่ต้องการรักษา สามารถทำได้ในคราวเดียวกัน อาจต้องมีการฉีดหลายครั้งในช่วงแรก เนื่องจาการฉีดไขมันนั้น เป็นการปลูกถ่ายที่ย้ายไขมันจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดของร่างกาย อัตราการติดของไขมันนั้นจึงไม่ 100% และไขมันนั้นก็สามารถสลายไปได้
อ่านเพิ่มเติม >>> อาการบวมที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ เป็นอย่างไร อันตรายไหม
3. Permanent Filler (แบบถาวร)
เป็นฟิลเลอร์ชนิดที่ไม่สลาย คือ เป็นสารเติมเต็มพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน เมื่อระยะเวลาผ่านไป ร่างกายจะเกิดต่อต้านสารแปลกปลอมที่เข้าไป และเกิดอาการแพ้ ผิวจะไม่สามารถดูดซึมฟิลเลอร์ชนิดนี้ได้ ทำให้ค้างอยู่ในชั้นผิวของเรา
โดยเริ่มจับเป็นก้อน กลายเป็นซิลิโคนเหลวที่เกาะแน่นกับกระดูก หากบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปมีปฏิกิริยากับความร้อน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง และเกิดการติดเชื้อ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปก็จะเสียรูป
ฟิลเลอร์ปลอมนั้นไม่สามารถสลายไปตามธรรมชาติ มีผลข้างเคียงในระยะยาว เช่น ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อยผิดรูปนั้นเอง ซึ่งไม่แนะนำให้ฉีดสารเติมเต็มชนิดอย่างมาก จัดเป็นกลุ่มฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ ฟิลเลอร์ปลอมนั่นเอง
4.การฉีด Collagen จากสัตว์
ถือว่าเป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทหนึ่งเช่นกัน มีจุดประสงค์ในการถูกหยิบนำมาใช้ เนื่องจากสามารถแก้ไขรอยย่น รอยตีนกา หรือแผลเป็นของผิวหนังได้ เพราะคอลลาเจนก็คือโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายทำหน้าที่เสมือนกาวยึดโครงสร้างต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ เหตุผลที่เลือกใช้คอลลาเจนจากสัตว์นั่นเป็นเพราะว่าโครงสร้างคอลลาเจนของคนและสัตว์นั้นมีความใกล้เคียงกัน แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว เพราะในปัจจุบันได้รับรายงานมาบ้างว่ามีการแพ้คอลลาเจนจากสัตว์ เพราะร่างกายต่อต้าน ไม่สามารถเข้ากันได้ มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก
ซึ่งทางการแพทย์ไม่แนะนำให้ฉีดสารเต็มเต็มชนิดจากคอลลาเจนสัตว์และฟิลเลอร์ปลอม เพราะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายกับร่างกาย และไม่สามารถฉีดสารที่ใช้สลายฟิลเลอร์
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการฉีดคอลลาเจนจากสัตว์
- ผื่นแดง
- แพ้คอลลาเจนจากสัตว์
- แพ้ยาชา
- บวมและเขียวบริเวณที่ฉีด
- คันบริเวณที่ฉีด
- ก้อนใต้ผิวหนัง
- ฝีบริเวณที่ฉีด
การฉีดฟิลเลอร์ แม้จะเป็นสารเติมเต็มที่ไม่อันตราย แต่ก็มีข้อควรระวังเรื่องบริเวณที่จะฉีด เพราะฉะนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและไม่เกิดอันตรายค่ะ
- ห้ามฉีดซิลิโคนเหลว ฟิลเลอร์ปลอม
- ห้ามฉีดฟิลเลอร์กับคนที่ไม่ใช่หมอ หรือ หมอกระเป๋า
- เลือกฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้น
อาการทั่วไป
อาการปกติที่เกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ อาจจะมีอาการบวมแดง หรือคันได้ในจุดที่ทำการฉีดฟิลเลอร์เป็นปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้นๆ อาการต่างๆจะค่อยดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
แต่อันตรายที่หลายคนกังวล ส่วนมากจะเป็นพวกรอยเขียวช้ำ รอยเข็มที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ หรือเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์โดนเส้นเลือด ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นคลื่น สามารถแก้ไขหรือหายไปเองได้ ซึ่งสาเหตุนั้นเกิดจากเทคนิคการฉีดของแพทย์
อันตรายแบบรุนแรง
ที่หลายคนสนใจและถามว่า ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม อันตรายที่รุนแรงจากการฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดฟิลเลอร์แล้วอุดตันในเส้นเลือดและเส้นประสาทบนบนใบหน้า ที่ทำให้เกิดอาการเนื้อตาย จากการที่เลือดไม่สามารถไปหล่อบริเวณนั้นได้
อาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าไปในเส้นเลือดแดง และฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณดวงตา ส่งผลให้จอประสาทตาตาย (Retinal Artery Occlusion) มักจะมีอาการปวดหัวหรือกระบอกตาร่วมด้วยทันทีหลังฉีด ทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวและตาบอด retinal artery occlusion ได้ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างมาก
อาการข้างเคียงที่ควรสังเกต
การอักเสบ
โดยมีอาการ บวม แดง ผื่นคัน หรืออาการปวดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอาการที่ขึ้นโดยปกติ และหายขาดภายใน 1 สัปดาห์ แต่ถ้ายังไม่หายหลังจากการฉีด 1 สัปดาห์ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อสอบถามอาการและรักษา
อาการห้อเลือด
เนื้อเยื้อแข็งตัว ผิวหนังเปลี่ยนสี หรืออาการผิดปกติอื่นใด ในบริเวณที่ฉีด ฟิลเลอร์ขมับ เนื่องจากหลอดเลือดแดง มีความดันโลหิตเลือดค่อนข้างสูง เมื่อเกิดการอุดตันในหลอดเลือดแดง จะสามารถเห็นได้ชัดเลยว่าผิวหนังขาดเลือด ผิวหนังจะค่อนข้างแดงหรือคล้ำ สีผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เพราะเลือดไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณปลายทางไม่ได้ ผิวหนังก็จะตายทันที หลังจากที่ฉีดจะต้องสังเกตตัวเอง เพราะเมื่อเกิดการอุดตันหลอดเลือดดำ
การติดเชื้อ
การติดเชื้อลักษณะจะบวม ช้ำ หรือเป็นหนอง ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้ในทางการแพทย์จะให้ ทานยาปฏิชีวนะ และยาลดบวม โอกาสในการติดเชื้อก็จะลดน้อยลงพอสมควร แต่ในกรณีที่ดื้อยา จะมีการทานยาปฏิชีวนะเพิ่มมากกว่า 1 ตัว
อ่านเพิ่มเติม อาการแพ้ฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และ ไม่เป็นอันตราย จะต้องเลือกจากปัจจัยหลายอย่าง โดยเราจะต้องตัดสินใจให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมา
1. เลือกจากตัวยา
ต้องรู้จักฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดเพื่อทำการรักษา จะต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ เท่านั้น ฟิลเลอร์จะต้องได้มาตรฐาน ได้รับรองจากองค์การอาหารและยา โดยเราสามารถดูรายละเอียดได้จาก การเลือกฟิลเลอร์แท้ และ ฟิลเลอร์คุณภาพ และ วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้หรือปลอม
ด้วยฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ และหลายรุ่น มีจุดเด่นและคุณสมบัติที่ต่างกันออกไป มีทั้งเนื้อแบบแข็งและเนื้ออ่อน แต่ละแบบเหมาะกับแต่ละจุดที่ต้องการฉีดที่แตกต่างกันออกไป จึงจำเป็นต้องเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับผิวบริเวณที่ฉีด เพราะการใช้ฟิลเลอร์ที่มีความละเอียดของโมเลกุลใหญ่เกินไปฉีดในจุดที่ผิวบางหรืออ่อน เช่น บริเวณร่องแก้ม อาจจะส่งผลให้เกิดการหน่วงของผิวบริเวณที่ฉีด ทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นบนใบหน้า หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน
2. เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ
จะต้องมั่นใจได้ว่าเป็นแพทย์จริง ซึ่งสามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์ได้ที่ เว็บไซต์ของแพทย์สภา แพทย์ที่ทำการรักษาจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาค และ เส้นเลือดบนใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์บนใบหน้านั้นหากพลาดพลั้งฉีดโดนเส้นเลือด หรือ วางตำแหน่งยาผิดชั้นผิวไปแล้วนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมาได้
เพราะแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะไม่ทำให้เกิดปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้ทำการรักษากับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ แพทย์จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าของมนุษย์ ตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์จะต้องถูกต้องและเหมาะสมกับคนไข้ ชนิดของฟิลเลอร์ที่จะฉีด
โปรดระวังหมอกระเป๋า เพราะเขาคือผู้ช่วยแพทย์ที่เห็นการหัตถการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจจะจดจำเทคนิคต่าง ๆ แล้วนำไปลองฉีดให้เราแบบผิด ๆ ถูก ๆ หากคนฉีดไม่ใช่แพทย์ที่มีใบรับรองจริงๆ เพราะแพทย์ที่มีใบรับรองจะสามารถสั่งซื้อฟิลเลอร์ของแท้มาฉีดได้ เนื่องจากบริษัทยาจะจำหน่ายฟิลเลอร์แท้ให้แก่หมอที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ต่างจากหมอกระเป๋าที่ต้องซื้อฟิลเลอร์ปลอมตามอินเตอร์เน็ต
อ่านเพิ่มเติม วิธีการเลือกแพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์
3. เลือกสถานที่ โรงพยาบาลหรือคลินิก
คลินิก หรือ โรงพยาบาล ที่ไปใช้บริการจะต้องได้มาตรฐาน สะอาด ทั้งสถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ เพื่อลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อจากการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะแท้หรือปลอม ถ้าไม่สะอาดก็อาจจะเกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน
ความน่าเชื่อถือของคลินิกสถานพยาบาลเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้การฉีดฟิลเลอร์จะปลอดภัย ก็อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ดังนั้นสถานพยาบาลควรมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย โดยสถานพยาบาลนั้นต้องได้รับใบประกอบสถานพยาบาล มีป้ายชื่อสถานพยาบาล เลขที่ใบอนุญาต 11 หลักครบถ้วนถูกต้อง และภายในคลินิกมีความสะอาดถูกหลักอนามัย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำการอยู่
ความน่าเชื่อถือที่ควรดูก่อนตัดสินใจว่า ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี อีกอย่างคือ รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ควรเลือกดูรีวิวจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และมีความเป็นกลาง สามารถเห็นถึงประสิทธิภาพของที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิป หรือรูปภาพ ทั้งก่อน-หลังทำ สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจได้มากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม ฉีดฟิลเลอร์คลินิกไหนดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ถึงแม้ว่าการตรวจสอบฟิลเลอร์ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือ ฟิลเลอร์ปลอม จะค่อนข้างดูยาก เพราะของเลียนแบบนั้นก็ทำออกมาได้เหมือนกับของแท้มาก แม้กระทั่งแพทย์เองยังดูแทบไม่ออก โดยมีวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ดังนี้
- มีเลขทะเบียน อย. และมีภาษาไทยกำกับ : ฟิลเลอร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีเพียงไฮยาลูรอนิก แอซิด ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศและเป็นสารที่ใช้ในทางการแพทย์โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- มีเลข LOT บนหน้ากล่องเข็มด้านใน : สามารถดูเลขที่หรืออักษรแสดงครั้งที่ผลิต หรือ Lot No. ที่กล่องของฟิลเลอร์ แล้วนำโทรไปตรวจสอบได้
- มีการบรรจุเข็มภายในกล่องในจำนวนที่ถูกต้อง : ภายในกล่องฟิลเลอร์ของแท้ 1 กล่องนั้นจะประกอบด้วยเข็มจำนวน 2 อัน พร้อมระบุวันหมดอายุอย่างชัดเจน
- ต้องมีเอกสารกำกับ : เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญของฟิลเลอร์ที่มีประโยชน์และให้ความปลอดภัยแก่ผู้รับบริการ จะมีฉลากหรือเอกสารกำกับทุกกล่อง มีบาร์โค้ดชัดเจนที่ด้านข้างตัวกล่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้รับบริการสามารถติดตามและตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดตามกฎหมาย
- เลข LOT บนกล่องและด้านในต้องตรงกันฟิลเลอร์ของแท้ : เลข LOT บนกล่องและซองด้านใน จะต้องปรากฏเป็นตัวเลขชุดเดียวกันทั้งสองที่
- ควรงดอาหารเสริมหรือยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน และวิตตามินอี
- หากต้องทำการเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรทำก่อนอย่างน้อย 3 วัน เพราะหลังจากฉีดฟิลเลอร์ต้องงดเป็นเวลา 2 อาทิตย์
- งดดื่มแอลกฮอล์ และ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกาย cardio เป็นเวลา 24 ชม.ก่อนทำ
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
- ห้ามนอนราบหลังการฉีดฟิลเลอร์ 3 – 4 ชั่วโมง และช่วง 12 ชั่วโมงแรก ห้ามแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด
- ห้ามออกกำลังกายภายใน 48 ชั่วโมงแรก หรือสัมผัสความร้อนด้วยวิธีต่างๆ รวมทั้งห้ามถูหน้าแรงๆ ด้วยเช่นกัน
- ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณวันละ 12 แก้ว เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
- การประคบเย็นอย่างผิดวิธีอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีด เกิดการเคลื่อนและไม่เกาะผิวได้ ควรประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น
- ให้งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดอย่างน้อย 2 อาทิตย์
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
ปัจจุบันคลินิกเสริมความงามนั้นเติบโตขึ้นมากมาย เยอะจนเลือกไม่ถูก จะไปที่คลินิกไหนดี วันนี้หมอจะมาแนะนำปัจจัยในการเลือกคลินิกที่จะฉีด
- แพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ แน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์การเลือกหมอนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ต้องอาศัยฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของแพทย์ที่จะทำการรักษา
- ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เนื่องจากฟิลเลอร์นั้นมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ทั้งยังต้องเลือกให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะทำการรักษาด้วย หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกรุ่นในแต่ละตำแหน่งที่ต้องการ อาจจะทำให้ผลลัพท์ของการฉีดนั้นออกมาไม่ดี จนอาจเกิดอันตรายได้เช่นกัน
- ความน่าเชื่อถือของคลินิก ถือเป็นอีกปัจจัยที่ขาดไม่ได้ เพราะคลินิกที่จะทำการฉีดฟิลเลอร์ได้ ต้องเป็นคลินิกที่ขึ้นทะเบียนเวชกรรมอย่างถูกต้องได้มาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
- ศึกษารีวิวจากผู้เข้ารับบริการ แต่การดูรีวิวไม่ควรจะดูแค่ภาพที่ถ่าย Before-After เท่านั้น ควรดูที่เป็นแบบคลิป Video ด้วย และสามารถดูความเห็นคนไข้ที่เข้ามา Complain ได้ และไม่ควรดูแค่ภาพรีวิวของทางคลินิกเพียงอย่างเดียว ควรจะดูในแหล่งอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
- คลินิกจะต้องมีการติดตามผล Follow up เพราะหากมีปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ของแพทย์ ก็จะสามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที
- ที่ตั้งของคลินิกต้องง่ายและสะดวกต่อการเดินทาง
สรุป
ถ้าถามหมอว่า ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม หมอขอตอบว่าทั้งอันตรายและไม่อันตรายค่ะ ฟิลเลอร์นอกจากช่วยแก้ปัญหาความงามเราได้หลายปัญหาแล้ว ถ้าหากทำการรักษาโดยไม่ถูกต้อง อาจส่งผลเสียแก่คนที่ต้องทำการรักษาเช่นกัน ฉะนั้นใครที่อยากสวยด้วยฟิลเลอร์ต้องตัดสินใจดี ๆ ก่อนเข้ารับการรักษากันนะคะ