ULTHERA ยกกระชับใบหน้า ให้เรียวสวย เป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องผ่าตัด
Ulthera (อัลเทอร่า) คือ นวัตกรรมใหม่ในการรักษาและแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย โดยการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ช่วยยกกระชับผิวถึงระดับชั้นผิว SMAS (Superficial musculoaponeurotic system) ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ที่ผสมผสานกับเทคโนโลยี See&Treat เป็นหน้าจอแสดงชั้นผิวเเบบ Real time ทำให้แพทย์รักษาได้แม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ
อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า ถูกคิดค้นโดย Dr.Rox Anderson แพทย์ผิวหนังระดับโลก ทำการวิจัยพัฒนาตัวเครื่องและทำการทดลองกับคนไข้จนได้เครื่องที่มีเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยอัลตราซาวด์เครื่องแรกของโลกเมื่อปี 2004 และได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา เครื่องเดียวในโลก ในด้านของการยกกระชับใบหน้า,คิ้ว และ ลำคอ
หลักการทำงานของอัลเทอร่า จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน 65-70°C เมื่อคลื่นกระทบกับพื้นผิว โดยจะส่งพลังงานผ่านไปยังใต้ผิวลงลึกไปถึงชั้นผิวบริเวณเนื้อเยื่อ SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือทำลายชั้นผิว ไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ หรือ การไหม้ของผิวหนังด้านบน กระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง โดยหลายคนอาจจะรู้จักอัลเทอร่า ในชื่อการรักษาแบบ Ultherapy (อัลเทอร่าปี)
คลื่นพลังงานของอัลเทอร่าจะลงไปเป็นจุดเล็ก ๆ เป็นเส้นไลน์สม่ำเสมอ และเกิดการหดตัวขนาดประมาณ 1 มม. ส่งผลให้กระตุ้นคอลลาเจนบนผิวชั้นบนให้กระชับมากขึ้น ทำให้ผิวหย่อนคล้อยเกิดความกระชับ และตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังทำ Ulthera ทันที
ทั้งนี้ คุณสมบัติพิเศษของอัลเทอร่า คือ เทคโนโลยี See & Treat ซึ่งมีหน้าจอแสดงผลชั้นผิวแบบ Real-Time ทำให้แพทย์สามารถเห็นสภาพผิวหนังที่กำลังรักษาผ่านหน้าจอเครื่องตลอดเวลา ทำให้การรักษาแม่นยำมากขึ้น และรักษาได้ตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพ
Ulthera ดีไหม
ความโดดเด่นของอัลเทอร่า คือ ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงที่มีความเฉพาะเจาะจงแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นผิวหนัง SMAS
ซึ่งเทคโนโลยีทางด้านความงามในปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือไหนสามารถทำได้ นอกจากการทำศัลยกรรมยกกระชับหน้าเท่านั้น นอกจากนี้เครื่องอัลเทอร่าจะมีหน้าจอแสดงผลของผิวหนัง ทำให้มีความแม่นยำในการรักษาเพิ่มมากขึ้น
โดยการทำอัลเทอร่าจะไม่ส่งผลรบกวนกับหัตถการอื่น ๆ เช่น การฉีดโบท็อกซ์ การฉีดฟิลเลอร์ เพียงแค่ต้องทำในระยะเวลา และลำดับการทำที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและประหยัดงบประมาณของตัวเอง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางว่าสามารถทำอัลเทอร่าก่อนหรือหลังหัตถการอื่นได้หรือไม่
หัวยิงของ Ulthera ทำงานในแต่ละชั้นผิวอย่างไร
Ulthera หัวมี 3 ระดับความลึก แต่ละหัวก็จะเหมาะกับผิวในชั้นที่แตกต่างกัน ใช้แก้ปัญหาผิวที่ต่างกันไป ซึ่งเครื่องอัลเทอร่าสามารถแก้ปัญหาผิวในด้านต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมทุกชั้นผิวแบบลงลึก
- หัวระดับความลึก 1.5 mm. แก้ปัญหาไปจนถึงริ้วรอยที่ผิวชั้นบน ผิวในชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
- หัวระดับความลึก 3.0 mm. แก้ปัญหาผิวบริเวณหน้าผาก กรอบตาที่หย่อนคล้อย ช่วยให้ชั้นไขมันกระชับยิ่งขึ้น
- หัวระดับความลึก 4.5 mm. เป็นส่วนที่ใช้ยกกระชับเหนียง แก้ม ลำคอ จะเป็นการยิงผิวหนังชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมผิวหน้า คือในชั้น smas ซึ่งมีคอลลาเจนในแนวนอน แพทย์จะเลือกใช้หัว 4.5 ม.ม.
อัลเทอร่า เหมาะกับใคร
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำอัลเทอร่า มีดังนี้
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- ผู้ที่มีปัญหาหางคิ้วตก
- ผู้ที่ต้องการปรับกรอบหน้าให้มีความเรียวและชัดเจน
- ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก จากวัยที่มากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าทั้ง 2 ข้าง ไม่เท่ากัน
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดทำศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า
- อยากฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิวหน้าสดใส
อัลเทอร่า เป็นนวัตกรรมการยกกระชับหน้า ด้วยการใช้คลื่นพลังงานความร้อนที่สามารถส่งตรงไปยังเนื้อเยื่อ ทำให้ไม่ต้องทำการผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้า ไม่ต้องเจ็บ ไม่บวม ไม่มีรอยช้ำรอยเข็มตามใบหน้า สามารถเห็นผลได้ทันทีไม่ต้องพักฟื้น และยังได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า เป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง
ข้อเสียของการทำอัลเทอร่า
- ขณะทำอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยบริเวณกระดูกบนใบหน้า รู้สึกเหมือนมีหนามเล็ก ๆ แทงลงบนผิว หรือรู้สึกอุ่น ๆ ใต้ผิวหนัง ขณะทำการปล่อยคลื่นพลังงานเพื่อรักษา แต่แพทย์จะใช้ยาชาก่อนลงมือรักษาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
- หลังทำอัลเทอร่าในบางคนอาจมีรอยแดง แต่จะหายเป็นปกติภายใน 1 ชั่วโมง
- ในบางคนอาจมีรอยเขียวหรือบวม ประมาณ 1 สัปดาห์
- มีอัตราค่าบริการรักษาที่ค่อนข้างสูง
ผลลัพธ์ของการรักษาด้วยอัลเทอร่า
สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกหลังทำ เมื่อสังเกตจะเห็นว่าใบหน้านั้นดูยกกระชับ กรอบหน้าชัดเจนขึ้น แต่ผลลัพธ์จะค่อย ๆ แสดงออกมาให้เห็นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หลังจากเวลาผ่านไป 1 เดือน
ผิวหน้าจะเริ่มตึง และใสขึ้น จากนี้ผลลัพธ์ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากร่างกายจะมีการสร้างคอลลาเจนใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องจากการกระตุ้นด้วยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ โครงสร้างผิวทั้งหมดจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์
โดยผลลัพธ์ของการยกกระชับจะสังเกตได้ตั้งแต่ 2-3 เดือนแรกหลังทำโดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ สภาพผิว อายุ การใช้ชีวิตประจำวัน และการปฏิบัติตัวหลังทำอัลเทอร่า
ก่อนทำ Ulthera
- งดการรับประทานยากลุ่มแอสไพริน วิตามินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เตรียมสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อม ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีปัญหาผิวบาง หรือมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
หลังทำ Ulthera
การปฏิบัติตัวหลังทำอัลเทอร่า จำเป็นมากสำหรับการดูแลผิวหน้า หากไม่ดูแลให้ดีอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้ โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือความร้อน เช่น สตรีม ซาวด์น่า ภายหลังทำ 4-5 วัน
- ทาครีมบำรุง และครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- นอนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวม ในกรณีที่มีอาการบวม
- สามารถประคบเย็นในกรณีที่มีอาการบวมแดงมาก
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
หากมีอาการบวม : ให้ทำการประคบเย็นหลังทำอัลเทอร่า เพื่อช่วยลดบวม โดยปกติอาการบวมจะหายภายใน 2-3 วัน
หากผิวแห้งลงจากการทายาชา : ให้บำรุงผิวด้วยมอยเจอไรซ์เซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยงดการบำรุงด้วยครีมประเภทไวท์เทนนิ่งหรือการผลัดเซลล์ผิวประมาณ 1 อาทิตย์
หากมีอาการระบมใต้ผิว : เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นหลังทำหัตถการ โดยต้องไม่สัมผัสผิวหน้าแรง ๆ ให้ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลระงับอาการ ซึ่งอาการระบมจะหายภายใน 1 อาทิตย์
Ulthera ที่ไหนดี
ปัจจัยในการพิจารณาว่า อัลเทอร่า ที่ไหนดี มีดังนี้
- คลินิกต้องมีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน ได้รับอนุญาตให้ประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง พร้อมติดแบบแสดงรูปถ่าย และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพมีการบริการที่ดีเยี่ยมตั้งแต่ก่อนเข้ารับบริการจนถึงหลังทำ
- คลินิกต้องมีพนักงานที่มีความรู้ทางด้านอัลเทอร่า มีความเต็มใจที่จะบริการ มีรีวิวจากคนไข้มีช่องทางติดต่ออย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สามารถติดต่อได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และติดต่อได้จริง
- ดำเนินการด้วยเครื่องอัลเทอร่า แท้ที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง โดยต้องผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศไทย (อย.) และประเทศสหรัฐอเมริกา (S. FDA) และต้องนำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics Thailand เท่านั้น (สำหรับในประเทศไทย) โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ http://www.merzclubthailand.comโดยภายในคลินิกจะมีใบประกาศนียบัตรและคริสตัลรูปเพชร เพื่อรับรองว่าคลินิกใช้เครื่องแท้ จาก บริษัท Merz Aesthetics Thailand โดยมีการระบุชื่อคลินิกอย่างชัดเจน ซึ่งจะมีเครื่องหมายยืนยันอื่น ๆ ด้วย เช่น สติกเกอร์ Ultherapy Certified และสติกเกอร์ที่หน้าเครื่องอัลเทอร่า ฯลฯ
- ดำเนินการกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ประสบการณ์ในการใช้เครื่องอัลเทอร่าและความชำนาญในการออกแบบใบหน้าร่วมด้วย เพื่อวางแผนการทำได้ตามความเหมาะสม ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และคงอยู่ได้นานอีกทั้งเพื่อความปลอดภัยต่อตัวคนไข้เองด้วยเนื่องจากแพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม สามารถวิเคราะห์ใบหน้าได้อย่างละเอียดและประเมินจำนวนการยิงไลน์ของอัลเทอร่าที่เหมาะสมกับปัญหา มีความชำนาญในการใช้เครื่องอัลเทอร่า
- ระวังการยิงอัลเทอร่า แบบไม่จำกัดช็อต
คลินิกหรือสถานบริการความงามส่วนมากจะตั้งราคาโปรโมชั่นยิง Ulthera แบบไม่จำกัดช็อตเพื่อดึงดูดลูกค้า หรือสำหรับใครที่ไม่รู้ว่าควรยิง Ulthera กี่ช็อต เพื่อตัดปัญหา โดยจะตั้งเป็นราคาเหมา หรือ บุฟเฟ่ต์ ที่ไม่จำกัดจำนวนการยิงไลน์ แต่เนื่องจากต้นทุนของตัวอัลเทอร่านั้นสูงมาก จึงเป็นเรื่องยากที่คลินิกจะจัดโปรโมชั่นยิง Ulthera โดยไม่จำกัดจำนวน
Ulthera ราคาเท่าไร
การทำอัลเทอร่า ราคาขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหนังที่ต้องการแก้ไข ซึ่งปัญหาของแต่ละคนนั้น ก็ใช้ไลน์จำนวนไม่เท่ากัน จึงทำให้ราคาแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับแพทย์จะประเมินด้วย โดยเลเซอร์ทั่วไปจะนับเป็นจำนวนช็อต
แต่อัลเทอร่าจะนับเป็นจำนวนไลน์ เนื่องจากการยิงอัลเทอร่าแต่ละครั้งจะเป็นการยิงพลังงานลงไปเป็นจุดเล็ก ๆ ต่อกันคล้ายเส้นประ และเส้นประนั้นก็ถูกเรียกว่า “ไลน์” ที่สำคัญหัวของอัลเทอร่ามีการจำกัดจำนวนไลน์ที่จะใช้ต่อครั้ง เมื่อใช้งานจนหมดไม่สามารถนำกลับมาทำซ้ำได้ จึงทำให้การทำอัลเทอร่านั้นมีราคาสูงมาก โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1xx ต่อ 1 ไลน์
คลินิกหรือสถานบริการความงามส่วนมากจะตั้งราคาโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยจะตั้งเป็นราคาเหมา หรือ บุฟเฟ่ต์ ที่ไม่จำกัดจำนวนการยิงไลน์
แต่เนื่องจากต้นทุนของตัวอัลเทอร่านั้นสูงมาก จึงเป็นเรื่องยากที่คลินิกจะยอมใจป้ำยิงไลน์โดยไม่จำกัดจำนวน ส่วนมากจะเป็นโปรโมชั่นยกกระชับใบหน้าทั่วหน้า 300 ไลน์ ต่อราคา 3x,000 ซึ่งอาจจะคุ้มค่าสำหรับคนที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าต้องใช้จำนวนเท่านี้
แต่ในบางเคสได้ทำการซื้อโปรโมชั่นดังกล่าว แต่ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดในการทำอัลเทอร่าได้ คือ สามารถทนความเจ็บได้แค่ 100 ไลน์เท่านั้น ก็จะไม่คุ้มค่าในราคาดังกล่าว ทางที่ดีที่สุด คือ ควรยิงไลน์ตามจำนวนที่แพทย์วินิจฉัยตามสมควร
ขณะทำการปล่อยคลื่นพลังงานเพื่อรักษา ความร้อนที่ส่งไปเป็นระดับความร้อนที่ 65-70°C ซึ่งในกระบวนการจะมีการทายาชาให้ก่อนการทำหัตถการอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลในส่วนนี้
แต่ถ้าหากเจ็บมากจนไม่สามารถทนได้จริง ๆ ก็สามารถบอกแพทย์ได้ตลอดเวลา แพทย์อาจจะให้หยุดพักสักครู่หรืออาจจะต้องลดพลังงานความร้อนลงมาอีก แต่ประสิทธิภาพก็อาจจะลดลงได้
เจาะลึกอัลเทอร่า : ทำ Ulthera เจ็บไหม บางคนบอกเจ็บ บางคนบอกไม่เจ็บ เพราะอะไร
Ulthera กับ Hifu มีสิ่งที่เหมือนกัน คือ เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ ที่สามารถยกกระชับได้ถึงชั้น SMAS
- ลักษณะเฉพาะของอัลเทอร่า คือ มีหน้าจอที่สามารถมองเห็นชั้นใต้ผิวหนังขณะทำหัตถการ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการยกกระชับใบหน้าหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดีกว่า อีกทั้งปล่อยพลังงานได้อย่างตรงจุด
- อัลเทอร่ามีจุด Focus ที่ใหญ่กว่า และมีความเสถียรในการส่งผ่านพลังงานที่ดีกว่า ซึ่งทำให้การทำอัลเทอร่าให้ผลลัพธ์ ลดการเกิดผลข้างเคียงต่าง และการคงอยู่ที่นานกว่า Hifu จึงเป็นที่มาของราคาที่แตกต่างกันพอสมควร
- จุด Focus ของเครื่อง Hifu จะมีขนาดเล็กไปจนถึงกลาง จะไม่รู้สึกเจ็บมากขณะทำหัตถการเท่าการทำอัลเทอร่า อ่านเพิ่มเติม
>>> “หมอขนม” ผู้นำยุคใหม่ด้านการใช้เครื่องเลเซอร์ งาน IMCAS Asia 2022
ทั้งสองอย่างนั้นมีประสิทธิภาพที่คล้ายคลึงกันหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นยกกระชับใบหน้า การลดเลือนริ้วรอย การปรับรูปหน้าที่ดี โดยสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนแล้ว แถมยังไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกด้วย
แต่ถึงแม้ว่าจะคล้ายกันอย่างไรก็ตาม ทั้งสองหัตถการมีความแตกต่างกันในเรื่องของวิธีการทำงานและผลลัพธ์ ทั้งสองแบบสามารถเห็นผลได้ทันที และผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปีเช่นกัน โดยจะขอแบ่งเป็นประเภทไปเพื่อให้เปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น ดังนี้
การทำ Ulthera
เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง ทำให้มีความแม่นยำ โดยส่งผ่านพลังงานเป็นการยิงคลื่นเล็ก ๆ ถี่ ๆ ลงไป ถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นแผ่นเนื้อเยื่อพังผืด ส่งผลให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันน้อย มีเนื้อแก้มน้อยแต่หย่อนคล้อยและต้องการยกกระชับใบหน้า
การทำ Thermage
เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว โดยส่งผ่านพลังงานความร้อนลักษณะเป็น Column ลงไปลึกสุดถึงชั้นไขมัน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน พร้อมกับการเกลียวเส้นใยคอลลาเจนให้แข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าแน่นขึ้น ชั้นไขมันบางลง กรอบหน้าชัดขึ้น เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันหนาและขาดการกระชับ ย้วยลง แก้มเยอะหย่อนตามแนวขอบกราม มีไขมันบริเวณเหนียงเป็นคางสองชั้น
เลือกทำแบบใดดีที่สุด?
ทั้งสองแบบก็มีทั้งข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการทำหัตถการแบบใด หรือเราเหมาะสมกับการทำอะไรมากกว่ากัน ถ้าหากใบหน้าเรามีไขมันเยอะก็อาจจะเลือกไปทำ Thermage จะได้ประสิทธิภาพมากกว่า
ส่วนอัลเทอร่า จะเหมาะกับคนที่มีไขมันหน้าน้อยมากกว่า ก็จะส่งผลให้ผิวยกกระชับมากกว่าเทคนิคสลายไขมันแบบ Thermage แต่ทั้งสองก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกันทั้งคู่ขึ้นกับลักษณะแต่ละบุคคล
อัลเทอร่า VS ร้อยไหม
อัลเทอร่า กับ ร้อยไหม เป็นหัตถการที่มีจุดประสงค์หลักในการยกกระชับใบหน้า หรือการเข้าไปยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยถึงชั้น SMAS เหมือนกัน ทำให้ใบหน้ากลับมากระชับ เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ลงอีกครั้ง โดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ริ้วรอยลดน้อยลง ผิวเรียบเนียน ดูสว่างกระจ่างใสมากขึ้น
แต่การยกกระชับหน้าโดยใช้ไหมที่สามารถละลายได้จำนวนหลายเส้นร้อยเข้าไปในใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิว ทำให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่บริเวณรอบเส้นไหม ทำให้ผิวหน้าถูกดึงรั้งจนเต่งตึง ทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณที่ร้อยไหม
แต่การร้อยไหมเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงพอสมควร จึงต้องรับการร้อยไหมกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการร้อยไหมและยกกระชับหน้าเท่านั้น และเป็นการยกกระชับเพียงชั่วคราว โดยมีโอกาสกลับมาหย่อนคล้อยได้
ทำให้อาจต้องเข้ารับการร้อยไหมอีกครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ให้นานมากขึ้น มีผลข้างเคียงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเข็มตามใบหน้า ติดเชื้อภาวะแทรกซ้อน ไหมทะลุ ไหมขาด มีโอกาสที่จะเกิดพังผืดขึ้นได้ง่ายกว่า
สามารถทำได้ทั้งตัวแต่นิยมใช้กับใบหน้ามากกว่า ราคาจะต่ำกว่าอัลเทอร่า แต่อย่างไรก็ตามการร้อยไหมก็ยังเป็นหัตถการที่หลายคนเลือกใช้
อ่านเพิ่มเติม อัลเทอร่า กับ ร้อยไหมต่างกันอย่างไร
หลังทำอัลเทอร่าอาจจะมีอาการรู้สึกบวมใต้ผิว เมื่อลองกดลงไปบริเวณที่ทำหัตถการอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติแต่ถ้าผ่านไป 2 อาทิตย์ อาการบวมจะหายไป และจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าแรง ๆ ให้ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลระงับอาการ ซึ่งอาการระบมจะหายภายใน 1 อาทิตย์ หรือถ้ารู้สึกว่าผิวแห้งลง ให้บำรุงผิวด้วยมอยเจอไรซ์เซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
โดยงดการบำรุงด้วยครีมประเภทไวท์เทนนิ่งหรือการผลัดเซลล์ผิว ประมาณ 1 อาทิตย์
เจาะลึกอัลเทอร่า : ทำอัลเทอร่าแล้วหน้าบวม ถือว่าปกติไหม
ทำอัลเทอร่า กี่ช็อตดี?
การยิงช็อตอัลเทอร่าที่มากเกินไปทำให้ผิวไหม้ จึงต้องมีการยิงอัลเทอร่าอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวไหม้ เพราะแต่ละบุคคลก็มีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป ความ Sensitive ของผิวก็มีความสำคัญสำหรับการทำอัลเทอร่า
เพราะหากมีผิวที่ไม่ค่อย Sensitive หรือมีความทนทาน ไม่แพ้ง่ายหรือบอบบาง ก็สามารถทนความร้อนได้ หากมีปัญหาหย่อนคล้อยหนักมากและต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในครั้งเดียวที่ทำ สามารถยิงอัลเทอร่าได้จำนวนหลายช็อตภายในรอบเดียว
สำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปี จะมีความหย่อนคล้อยมากพอสมควร จึงแนะนำว่าควรจะทำมากกว่า 300 ช็อต จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ไม่เกิดผลข้างเคียง
แต่ถ้ามีผิวที่ Sensitive หรือ ผิวที่มีความบอบบาง ก็ไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ จึงต้องแบ่งจำนวนช็อตในรอบถัดไป แล้วแต่กรณีและความสะดวกของแพทย์หรือคนไข้เองค่ะ
SMAS เป็นชั้นเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อใบหน้า อยู่บริเวณใต้ชั้นไขมันผิวหนัง มีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อพังผืดห่อหุ้มกล้ามเนื้อ เมื่ออายุมากขึ้นก็จะปรากฏผิวหย่อนคล้อยที่เป็นไปตามแรงโน้มถ่วง เป็นปัจจัยหลักของการเกิดริ้วรอย ร่องลึก ความเหี่ยวย่นของผิว
กล้ามเนื้อชั้น SMAS นับเป็นชั้นที่ใช้การผ่าตัดศัลยกรรมหรือหัตถการเพื่อการดึงหน้าให้ยกกระชับ ซึ่งอัลเทอร่าเป็นหัตถการที่สามารถยกกระชับได้ถึงกล้ามเนื้อชั้น SMAS ด้วยพลังงานคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ความถี่สูง โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือทำลายชั้นผิว
ตำแหน่งที่สามารถทำได้ ดังนี้
การผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวบริเวณหน้าอกนั้นลดลง โดยสาเหตุนั้นมาจากวัยที่มากขึ้น รวมไปถึงกิจวัตรประจำวันที่ทำให้ผิวหน้าบริเวณหน้าอกนั้นเหี่ยวย่น ดังนั้น การทำอัลเทอร่า จะช่วยดึงคอลลาเจนบนผิวชั้นบนให้กระชับมากขึ้น ทำให้ผิวหย่อนคล้อยเกิดความกระชับและตึงขึ้น ได้หน้าอกที่เรียบเนียนไม่เหี่ยวย่น
คอก็สามารถเกิดการหย่อนยานได้เช่นกัน จึงต้องได้รับการดูแลเฉกแช่นเดียวกับใบหน้า การทำอัลเทอร่าที่คอ จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาคอย่น ด้วยการยกกระชับคอให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง พร้อมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาอื่น ๆ ที่บริเวณลำคอด้วย เช่น ริ้วรอย รอยย่น ความขรุขระไม่เรียบเนียน
รวมถึงไขมันที่ลำคอเป็นชั้น ๆ คอของเราก็จะดูยกกระชับขึ้นมาทันทีและ เรียบขึ้น ตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม
ดวงตาก็สามารถเหี่ยวย่นได้เช่นกัน รวมไปถึงรอยตีนกา ดวงตาตก และปัญหาอื่น ๆ การทำอัลเทอร่าจะเข้าไปช่วยยกกระชับรอบดวงตาและฟื้นฟูโครงสร้างผิวบริเวณรอบดวงตา ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ทำการรักษาเกิดความตึงกระชับขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวรอบดวงตากระชับ เต่งตึง ริ้วรอยลดน้อยลง อ่านเพิ่มเติม
Ulthera ปลอม
เครื่องอัลเทอร่าปลอมจากประเทศอื่นที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ และดึงดูดให้ใครหลายคนมาใช้บริการด้วยราคาที่แสนหอมหวาน แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะทำให้เราขื่นขมไปทั้งชีวิตแน่ ๆ เพราะถ้าหากทำอัลเทอร่าปลอมเมื่อไร จะทำให้หน้าไหม้ บวม เป็นแผล ไม่ได้ช่วยยกกระชับใบหน้า มิหนำซ้ำยังได้ใบหน้าพัง ๆ กลับมาพร้อมน้ำตาแน่ ไม่สวยแถมยังเสียเงินฟรีอีก
ข้อเสียของการทำ Ulthera >>>อ่านเพิ่มเติม<<<
ภาพรีวิว
คลิปรีวิว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ulthera
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าการยิงช็อต ที่มากเกินไปทำให้ผิวไหม้ เนื่องจากแต่ละบุคคลก็มีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป ความ Sensitive ของผิวก็แตกต่างกัน โดยสำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปี จะมีความหย่อนคล้อยมากพอสมควร จึงแนะนำว่าควรจะทำมากกว่า 300 ช็อต จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ไม่เกิดผลข้างเคียง จากนั้นก็จะรู้สึกว่าผิวจะค่อย ๆ กระชับและดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การยิง Ulthera ไม่จำกัดช็อตนั้น ไม่มีอยู่จริงค่ะ เพราะในการยิงแต่ละครั้ง ต้องจำกัดช็อตในการยิงในแต่บริเวณ เพื่อไม่ให้พลังงานสูงเกินไปจนทำให้เกิดผิวไหม้ รวมไปถึงหัวอัลเทอร่านั้นมีช็อตที่จำกัดอยู่ หากใช้หมดแล้ว ต้องมีการเปลี่ยนหัวเพื่อให้ใช้การได้ต่อไป ทางที่ดีที่สุดในการทำ Ulthera คือการปรึกษาแพทย์ประเมินหน้า วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น จากนั้นแพทย์จะทราบถึงจำนวนช็อตที่ต้องใช้เพื่อทำการรักษาค่ะ
ปกติค่ะ เพราะผลข้างเคียงหลังจากทำ Ulthera หน้าบวม ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษา สำหรับบางคนอาจจะเกิดรอยแดง หรือมีผื่นร่วมด้วย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 1 ชั่วโมง และในบางรายอาจมีอาการบวมบนใบหน้า ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการปกติที่พบเจอได้บ่อยแต่จะสามารถหายไปภายใน 1 สัปดาห์ โดยการเปลี่ยนแปลงจากการยกกระชับใบหน้าด้วยอัลเทอร่าจะเห็นผลได้ชัดหลังการรักษา 3 เดือน ผลการรักษาของอัลเทอร่าจะอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี
สรุป
Ulthera เป็นนวัตกรรมหนึ่งเดียวที่ช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ด้วยเทคโนโลยี See & Treat ที่มองเห็นชั้นใต้ผิวระหว่างการรักษา อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย ผลการรักษาสามารถอยู่ได้ถึง 1-2 ปี เรียกว่าครบจบภายในเครื่องเดียว จึงสามารถบอกได้ว่า อัลเทอร่า เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คู่ควรกับการยกกระชับใบหน้าสำหรับคนที่กำลังมองหาเทคโนโลยีในการยกกระชับ โดยไม่ต้องพึ่งเข็ม
ได้รับความสนใจจากสื่อหลากหลายช่องทาง เกี่ยวกับเทรนด์การปรับรูปหน้า
ลงสื่อออนไลน์หลากหลายช่องทาง อาทิ Zolitic / Bright today / อมรินทร์ / 77ข่าวเด็ด / สมาร์ท SME Channel / SMEชี้ช่องรวย / NEW18 / สยามรัฐ / บิสเนสทูเดย์ / ThaiQuote
อันดับ 1 คลินิกฉีดฟิลเลอร์จาก Thaitopclinic
1 ในคลินิกฉีดฟิลเลอร์ชื่อดังจาก Wongnai