ร้อยไหม ยกกระชับหน้าเรียวสวย ไม่ต้องผ่าตัด | ทุกเรื่องควรรู้ 2024

บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร้อยไหม ซึ่งเป็นวิธีการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด ร้อยไหม คือ การใช้เข็มปลายทู่ที่ปลอดภัยสอดไหมละลายเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง โดยกลไกการทำงานของการร้อยไหมจะช่วยดึงยกผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ใบหน้ากระชับขึ้น

การร้อยไหมโครงตาข่าย (Thread lift soft) เป็นหนึ่งในเทคนิคการร้อยไหมที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่มีแผลเป็น และเห็นผลไว การร้อยไหมจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจที่แพทย์แนะนำ

1. ไหมที่ไม่ละลาย

ไหมที่ไม่ละลาย เป็นเส้นไหมที่ทำมาจากพลาสติกหรือโลหะ หากทำการร้อยเข้าไปในชั้นผิวแล้ว จะไม่สามารถละลายเองได้ตามธรรมชาติ

2. ไหมละลาย

ไหมละลาย เป็นเส้นไหมที่เกิดจากการสังเคราะห์ เมื่อร้อยไหมเข้ากับใบหน้า ไหมชนิดนี้สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ โดยจะแบ่งได้ ดังนี้

สำหรับราคาการร้อยไหมนั้นจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของไหมที่ใช้ จำนวนเส้นไหม  ตำแหน่งที่ทำการร้อย และประสบการณ์ของแพทย์ผู้รักษา  โดยทั่วไปราคาการร้อยไหมอาจอยู่ระหว่าง  8,000 – 60,000 บาทต่อครั้ง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคามีดังนี้:

• ชนิดและคุณภาพของเส้นไหมที่ใช้
• จำนวนเส้นไหมที่ใช้ในการรักษา
• ตำแหน่งและขนาดของบริเวณที่ทำการร้อย
• เทคนิคที่ใช้ในการร้อยไหม
• ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้รักษา
• สถานที่ให้บริการ (คลินิกหรือโรงพยาบาล)

อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมบริเวณเล็ก ๆ อาจมีราคาถูกกว่า ในขณะที่การร้อยไหมทั้งใบหน้าจะมีราคาสูงกว่า ดังนั้น ผู้สนใจร้อยไหมยกกระชับหน้าควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปัญหาและราคาที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล

ขั้นตอนการร้อยไหม

• ทำความสะอาดใบหน้า
• ฉีดหรือทายาชาในตำแหน่งที่จะทำการร้อยไหม
• แพทย์สอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนังตามตำแหน่งที่วางแผนไว้
• ดึงไหมเพื่อยกและกระชับผิว
• แพทย์ตรวจสอบความสมมาตรและปรับแต่งตามความจำเป็น

โดยทั่วไป ขั้นตอนการร้อยไหมจะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขอบเขตของการรักษาและปัญหาของแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม

• หลีกเลี่ยงการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
• งดการทานอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, โสม, กระเทียม
• งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ
• งดสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
• ทำความสะอาดใบหน้าให้ปราศจากเครื่องสำอางในวันทำหัตถการ
• แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาหรือมีโรคประจำตัว
• งดดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทุกชนิดในวันที่ร้อยไหม

ข้อควรระวัง: ข้อห้ามและข้อควรระวังเหล่านี้ถือเป็นมาตรฐานทั่วไป แต่ก่อนทำจริง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเพิ่มเติม เนื่องจากแต่ละคนอาจมีข้อห้ามเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกัน

การดูแลตัวเองหลังร้อยไหม

• นอนหงายและยกศีรษะสูงในช่วงแรกเพื่อลดอาการบวม
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากเป็นเวลา 1 สัปดาห์
• ใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ
• ทานอาหารอ่อนในช่วงแรกและหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในการใช้ยาและการทำความสะอาดบริเวณที่ทำ
• กลับไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

ร้อยไหมอันตรายไหม

การร้อยไหมมีความปลอดภัยสูง เมื่อได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้ชำนาญการ ถ้าหากทำการร้อยไหมด้วยวิธีที่ถูกต้อง แต่ก็มีกรณีที่เกิดผลข้างเคียงจากเทคนิคการร้อยไหมที่ไม่ถูกต้อง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ไม่รุนแรงมากนัก สามารถแก้ไขได้

• ใบหน้าไม่เท่ากัน คนไข้อาจมีใบหน้าไม่สมมาตรกันอยุู่แล้วหรือเกิดความไม่เท่ากันของใบหน้าจากการ ร้อยไหม ได้ แพทย์จึงอาจให้ผู้ป่วยส่องกระจกไปด้วยในระหว่างทำเพื่อสังเกตความผิดปกติดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้น
• การติดเชื้อ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้น้อย เพราะแพทย์มักใช้กระบวนการฆ่าเชื้อเพื่อความปลอดภัยเสมอ
• การอักเสบของเนื้อเยื่อ เนื่องจากไหมจะถูกร้อยลงไปที่บริเวณผิวหนังชั้นค่อนข้างลึก จึงเสี่ยงทำให้เกิดกลุ่มเนื้อเยื่อที่อักเสบขึ้นได้
• ไหมหลุด หลังจากสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง แพทย์จะตัดปลายไหมส่วนเกินออก เพราะหากไหมยื่นออกมา คนไข้อาจเสี่ยงเกิดการติดเชื้อและการอักเสบของเนื้อเยื่อตามมา
• ไหมแตกหัก เส้นไหมอาจเกิดการแตกหักในระหว่างขั้นตอนการสอดเข้าไปใต้ผิวหนังหรือขณะดึงรัดเส้นไหม

ข้อดีของการร้อยไหม

• การร้อยไหมยังเป็นเทคนิคที่ช่วยปรับรูปหน้าโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ทำให้ผู้รับการรักษาเจ็บตัวน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ 
• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณใต้ผิว ส่งผลให้ผิวกระชับขึ้น ดูอิ่มฟูและแน่นมากขึ้น
• การร้อยไหมสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ร่องน้ำตา มุมปากตก และร่องแก้มที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิว
• เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ผู้รับการรักษาฟื้นตัวได้เร็วและสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังทำ
• วัสดุที่นำมาทำไหมนั้นสามารถสลายได้เองตามกลไกธรรมชาติของร่างกาย ไม่ตกค้าง และได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงมีความปลอดภัยสูงสำหรับผู้รับการรักษา

ข้อเสียของการร้อยไหม

• หลังการร้อยไหม อาจเกิดอาการบวมหรือช้ำบริเวณที่ทำหัตถการ ส่วนใหญ่จะเป็นอาการชั่วคราวที่ไม่รุนแรง และหายได้เองในเวลาไม่นาน ไม่เป็นอันตราย ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
• ผลลัพธ์การร้อยไหมไม่ถาวร ทำให้ต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อรักษาผลลัพธ์ เพราะการร้อยไหมให้ผลคงอยู่เฉลี่ยประมาณ 1-2 ปี ก่อนที่ผลจะค่อย ๆ สลายไป
• มีค่าใช้จ่ายในการทำหัตถการนี้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ 
• หากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ อาจเกิดความไม่สมมาตรของใบหน้าได้ 
• การร้อยไหมอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ขึ้นอยู่กับลักษณะผิว ปัญหา และความต้องการเฉพาะบุคคล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง

ผลข้างเคียงของการร้อยไหม

ผลข้างเคียงของการร้อยไหมอาจรวมถึงรอยช้ำ อาการบวม และผิวหนังแดงบริเวณที่ร้อยไหม ผู้รับการรักษาอาจรู้สึกไม่สบายหรือรู้สึกตึงบริเวณที่ร้อยไหม นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากไม่ดูแลแผลอย่างเหมาะสม บางรายอาจเกิดการระคายเคืองหรือแพ้วัสดุที่ใช้ทำไหม และในกรณีที่พบได้น้อยมาก อาจเกิดการเคลื่อนที่ของไหมหรือไหมทะลุผิวหนัง

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นชั่วคราวหลังทำการร้อยไหม และไม่อันตรายถึงขั้นทำลายใบหน้าแต่อย่างใด การเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญและใช้ไหมที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้มาก หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรง หรือไม่ดีขึ้นเป็นเวลานาน ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที

เพื่อความปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลการร้อยไหม ประเภทไหม แพทย์ที่ทำการรักษา และสถานพยาบาลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ

ร้อยไหมกับหัตถการอื่น ๆ

การร้อยไหมสามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับใบหน้า แพทย์อาจแนะนำให้ทำร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์ Botulinum Toxin หรือการทำThermage  Ulthera เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับการรักษามากที่สุด  ซึ่งการผสมผสานหัตถการต่าง ๆ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

ร้อยไหม vs ฟิลเลอร์

ร้อยไหม vs โบท็อกซ์

ร้อยไหม vs Ulthera / Hifu

เลือกคลินิกร้อยไหม ที่ไหนดี

ก่อนจะทำการร้อยไหม ควรพิจารณาหัวข้อดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

• แพทย์ที่ทำการร้อยไหมจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง : รวมทั้งมีประสบการณ์การในการร้อยไหม เป็นแพทย์ผิวหนังที่เข้าใจสภาพผิวและปัญหาใบหน้าของคนไข้ รู้ถึงกายวิภาคใบหน้าเป็นอย่างดี เพราะบนใบหน้าของเรามีทั้งเส้นเลือด เส้นประสาท เป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะสามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลังการร้อยไหมได้
• คลินิกต้องผ่านการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง : มีเลขใบอนุญาตการเปิดคลินิกที่สามรถตรวจสอบได้แปะไว้ทางด้านหน้าของคลินิกเสมอ โดยเฉพาะสถานประกอบการคลินิกเสริมความงามศัลยกรรม เนื่องจากปัจจุบันมีคลินิกศัลยกรรมเปิดใหม่จำนวนมาก ทั้งที่ถูกกฎหมาย และ ไม่ถูกกฎหมาย

โดยคลินิกที่มีบริการร้อยไหม จะมีป้ายชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลัก และคลินิกต้องมีความน่าเชื่อถือ มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง มีรูปก่อนและหลังทำการรักษาเปรียบเทียบให้ดู ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น

ทำไมถึงต้องยกกระชับถึงชั้น SMAS

ชั้นน SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) คือชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นลึก ซึ่งอยู่ถัดจากชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ชั้นนี้เป็นสาเหตุหลักของปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้า และมีบทบาทสำคัญในการแสดงออกทางสีหน้า

การยกกระชับถึงชั้น SMAS มีความสำคัญเพราะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า เนื่องจากเป็นการจัดการกับต้นตอของปัญหาความหย่อนคล้อยโดยตรง ในทางตรงกันข้าม การยกกระชับเพียงแค่ชั้นผิวหนังอย่างเดียวจะให้ผลเพียงชั่วคราว และอาจทำให้เกิดการดึงรั้งที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า

สำหรับการร้อยไหม หากไม่สามารถเข้าถึงชั้น SMAS ได้ อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่อยู่นานเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าในแต่ละกรณีนั้นจำเป็นต้องยกกระชับถึงชั้น SMAS หรือไม่ โดยพิจารณาจากสภาพผิวและระดับความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคลเป็นหลัก

นอกจากนี้  การรักษาด้วยการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อยแบบดั้งเดิม ด้วยวิธีการดึงยกกระชับเฉพาะบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ระหว่างชั้นของ SMAS และชั้นผิวหนัง จะช่วยแก้ปัญหาได้แบบชั่วคราวเท่านั้นและไม่ได้ผลการรักษาที่ดีเพียงพอ ดังนั้น การยกกระชับถึงชั้น SMAS จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าในระยะยาว

FAQ คำถามที่พบบ่อย การร้อยไหม

• ร้อยไหม เจ็บไหม?

การร้อยไหมอาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อยระหว่างทำหัตถการ อย่างไรก็ตาม ระดับความเจ็บปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ทั่วไปแล้ว แพทย์มักจะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการ ทำให้ผู้รับการรักษาสามารถทนต่อความรู้สึกไม่สบายได้ดีขึ้น และในช่วงหลังทำหัตถการ อาจมีความรู้สึกตึงหรือไม่สบายเล็กน้อยซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์

• ร้อยไหมอยู่ได้นานแค่ไหน?

โดยปกติไหมจะเข้าที่ประมาณ 1 เดือน และสามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน ไปจนถึง 2 ปี จะค่อย ๆ สลายไปเอง ทั้งนี้ หากเวลาผ่านไป 6 เดือน แนะนำให้กลับมาร้อยซ้ำ เพื่อเพิ่มคอลลาเจนและคงความกระชับให้นานยิ่งขึ้น

• ร้อยไหมกี่ครั้งถึงเห็นผลชัดเจน?

สำหรับจำนวนครั้งที่ต้องร้อยไหมเพื่อให้เห็นผลชัดเจนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น สภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข อายุของผู้รับการรักษา และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล โดยทั่วไป ผู้รับการรักษามักเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการร้อยไหมครั้งแรก

แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน อาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างประมาณ 6 เดือนระหว่างแต่ละครั้ง แพทย์จะประเมินและแนะนำจำนวนครั้งที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

• มีโรคประจำตัว ร้อยไหมได้ไหม?

สามารถทำได้ ยกเว้นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไทรอยด์เป็นพิษ หากต้องการจะทำ สามารถปรึกษาแพทย์ก่อนได้ค่ะ