ตัวช่วยยกกระชับผิว Ulthera Prime ด้วยพลังอัลตราซาวด์แบบขั้นกว่า
ในยุคที่การดูแลความงามและเทคโนโลยีได้ก้าวล้ำไปอีกขั้น Ulthera Prime ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การยกกระชับใบหน้าแบบไร้การผ่าตัด เป็นทางเลือกใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยและขาดความกระชับ นวัตกรรมนี้ได้รับการต่อยอดมาจาก Ultherapy หรือ Ulthera เทคโนโลยีการยกกระชับที่ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปีและได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Ulthera Prime จึงพร้อมยกระดับมาตรฐานการยกกระชับใบหน้าสู่มิติใหม่ พร้อมมอบผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
- Ulthera Prime คืออะไร
- ความแตกต่างของ Ulthera Prime จากรุ่นปกติ
- เทคโนโลยีและหลักการทำงาน
- Ulthera Prime ช่วยแก้ปัญหาผิวด้านใดได้บ้าง?
- Ulthera Prime เหมาะกับใครบ้าง
- Ulthera Prime ไม่เหมาะกับใคร
- การเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera Prime
- ผลลัพธ์หลังทำ Ulthera Prime
- เปรียบเทียบ Ulthera Prime กับ treatments อื่น ๆ
- คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
- สรุป
Ulthera Prime คือนวัตกรรมล่าสุดแห่งการยกกระชับผิวที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetic ต่อยอดจากเทคโนโลยี Ultherapy ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยมาพร้อมการปรับรูปลักษณ์รูปให้มีความสวยงามทันสมัยมากขึ้น
ด้วยการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งด้านการออกแบบและประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Ulthera Prime ไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องความสะดวกและรวดเร็วให้กับแพทย์ที่ทำการรักษา แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การยกกระชับผิวให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งการพัฒนาที่โดดเด่นของ Ulthera Prime ประกอบด้วย 4 ด้านสำคัญ ดังนี้
- ประสิทธิภาพการประมวลผลที่เหนือกว่า การเพิ่มความเร็วในการประมวลผลถึง 20% ช่วยลดระยะเวลาการทำหัตถการลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายตัวมากขึ้นตลอดการรักษา
- หน้าจอแสดงผลระดับ Full HD ด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและความละเอียดที่เพิ่มขึ้น 35% ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นรายละเอียดของชั้นผิวได้ชัดเจน ส่งผลให้การปรับพลังงานในแต่ละจุดมีความแม่นยำสูง
- ความยืดหยุ่นในการรักษาที่มากขึ้น เทคโนโลยี MFU-V พร้อมฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้แพทย์สามารถปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาเฉพาะของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การออกแบบที่ล้ำสมัย รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัยและกะทัดรัด เอื้อต่อการใช้งานของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
การพัฒนาทั้งหมดนี้ไม่เพียงยกระดับมาตรฐานการรักษา แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ทั้งแพทย์และผู้รับบริการตลอดกระบวนการยกกระชับ
| อ่านเพิ่มเติม Ulthera (อัลเทอร่า) คืออะไร? ยกกระชับหน้าเรียว ดีจริงไหม?
Ulthera Prime ใช้นวัตกรรม Microfocused Ultrasound with Visualization หรือ MFU-V ซึ่งเป็นเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูงที่ได้รับการพัฒนาเพื่อการยกกระชับผิวโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยความสามารถในการส่งพลังงานได้ลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ชั้นผิวสำคัญที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
- การยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ช่วยปรับโครงหน้าให้ชัดเจนขึ้น ลดความหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและกรอบหน้า พร้อมกระชับผิวบริเวณลำคอให้เต่งตึง
- การยกคิ้วและลดปัญหารอบดวงตา ช่วยยกคิ้วให้โค้งสวย ลดถุงใต้ตา และปรับลดริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ดวงตาดูสดใสมากขึ้น
- การกระชับใต้คางและลดเหนียง ช่วยลดปัญหาคางสองชั้นและความหย่อนคล้อยใต้คาง ทำให้ได้รูปคอที่เรียวกระชับสวยงาม
- การฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับตำแหน่งที่นิยมทำหลัก ๆ ได้แก่ บริเวณใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบดวงตา คิ้ว แก้ม กรอบหน้า ลำคอ และบริเวณอื่น ๆ เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เป็นต้น
เทคโนโลยี Ulthera Prime จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบองค์รวม โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด
Ulthera Prime เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด เทคโนโลยีนี้เหมาะกับใครบ้าง ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของผิว โดยเฉพาะบริเวณแก้มและกรอบหน้า ที่ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและมีอายุมากกว่าที่เป็นจริง
- ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชัดเจนของโครงหน้า ให้มีมิติและรูปทรงที่สวยงามขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกราม แก้ม และเรียวหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาบริเวณรอบดวงตา เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หางตาตก หรือความหย่อนคล้อยของขอบตาล่าง ซึ่งทำให้ดวงตาดูอ่อนล้าและมีอายุมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย สำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยทั้งแบบตื้นและลึก รวมถึงความเหี่ยวย่นของผิว เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม ทั้งความกระชับ ความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบองค์รวม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลความกระชับทั้งใบหน้า ลำคอ และเนินอกไปพร้อมกัน เพื่อผลลัพธ์ที่กลมกลืน
- ผู้ที่ต้องการทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่ใกล้เคียงกับการผ่าตัด แต่ไม่ต้องการความเสี่ยงและระยะพักฟื้นที่ยาวนาน
ทั้งนี้ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยของทั้งมารดาและทารก สตรีที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการนี้ และควรรอจนกว่าจะพ้นช่วงให้นมบุตร
- ผู้สูงอายุและผู้ที่มีดัชนีมวลกายสูง เช่น ผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปี และผู้ที่มีค่า BMI สูงกว่า 30 แนะนำให้เข้าปรึกษาแพทยืก่อนตัดสินใจรักษา เนื่องจากอาจไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เพราะสภาพผิวและเนื้อเยื่อมีการเปลี่ยนแปลงตามวัยและสภาพร่างกาย
- ผู้ที่เพิ่งทำหัตถการความงามอื่น หลังจากการทำหัตถการต่าง ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การเลเซอร์ผิวหรือ การฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซิน ควรเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้พักฟื้นอย่างเต็มที่และไม่เกิดผลกระทบต่อการรักษา
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ ควรรักษาให้หายสนิทก่อนทำหัตถการ ในกรณีที่มีสิวอักเสบมาก เป็นผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบ และมีแผลสด หรือแผลติดเชื้อเพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำหัตถการ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน โรคระบบประสาท โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ เพื่อประเมินความเสี่ยงและความเหมาะสมในการรักษา
- ผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ในร่างกาย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีการฝังอุปกรณ์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรืออวัยวะเทียมที่เป็นโลหะ เนื่องจากคลื่นอัลตร้าซาวด์อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษาเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของการรักษา
- งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ เช่น การซาวน่า แช่น้ำร้อน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและการอักเสบหลังการรักษา
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพราะมีผลต่อการไหลเวียนเลือดและการทำงานของตับ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษา
- งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือวิตามิน E ควรงดรับประทานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการบวม และรอยช้ำหลังการรักษา
- ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เช่น เรตินอล เรตินอยด์ กรดวิตามิน หรือผลิตภัณฑ์กลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เพื่อลดความไวของผิวและป้องกันการระคายเคือง
- ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบทุกครั้งก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การรักษาด้วย Ulthera Prime เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งระหว่างและหลังการทำหัตถการ
ผู้เข้ารับการรักษาาด้วย Ulthera Prime จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นหลังทำ โดยใบหน้าจะมีความกระชับและเต่งตึงขึ้นประมาณ 20% จากการที่เนื้อเยื่อใต้ผิวถูกกระตุ้นด้วยคลื่นอัลตราซาวด์
ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ไม่ทันทีหลังทำ เมื่อผ่านไป 1 เดือน ผลลัพธ์จะชัดเจนยิ่งขึ้น โดยผิวหน้าจะเริ่มมีความกระชับมากขึ้นและมีความกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากร่างกายเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นด้วยพลังงานอัลตราซาวด์ ซึ่งผลลัพธ์สูงสุดจะปรากฏชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา เพราะโครงสร้างผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ทำให้ใบหน้ายกกระชับ มีความเรียวขึ้น และกรอบหน้ามีความชัดเจนมากขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี ทั้งนี้ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับการดูแลและปฏิบัติตัวหลังการรักษาของแต่ละบุคคล
-
HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเช่นเดียวกับ Ulthera Prime แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญคือไม่มีระบบ Visualization ทำให้แพทย์ไม่สามารถมองเห็นชั้นผิวในระหว่างการรักษาได้ ด้วยข้อจำกัดนี้ การรักษาด้วย HIFU จึงอาจมีความแม่นยำน้อยกว่าและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์อย่างมากในการให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพ
-
Thermage
Thermage ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว แม้จะสามารถเข้าถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันได้ แต่ไม่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS นอกจากนี้ Thermage ยังไม่มีระบบการมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้ความแม่นยำและความสม่ำเสมอของผลลัพธ์อาจน้อยกว่า Ulthera Prime
การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไขเป็นหลัก โดย Ulthera Prime มีจุดเด่นในด้านความแม่นยำและความสามารถในการเข้าถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นสำคัญในการยกกระชับใบหน้า ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจนและแม่นยำ
- ความเจ็บปวดระหว่างทำ
ระหว่างการรักษาด้วย Ulthera Prime ผู้เข้ารับการรักษาอาจรู้สึกอุ่นร้อนเล็กน้อยในขณะที่พลังงานถูกส่งลงสู่ชั้นผิว ระดับความรู้สึกจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม แพทย์จะมีการให้ยาแก้ปวดหรือยาชาเฉพาะที่ก่อนเริ่มการรักษา เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำหัตถการ นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับความทนของแต่ละบุคคลได้
- ระยะเวลาพักฟื้น
Ulthera Prime เป็นการรักษาที่ไม่ต้องการระยะเวลาพักฟื้นนาน ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำหัตถการ อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยในวันแรก ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปภายใน 1-2 วัน บางรายอาจรู้สึกผิวตึงหรือมีอาการชาเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ระคายเคืองในช่วงแรก
- จำนวนครั้งที่แนะนำ
โดยทั่วไป การทำ Ulthera Prime เพียง 1 ครั้งก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และผลการรักษาสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจแนะนำให้ทำซ้ำทุก 12-18 เดือน เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ จำนวนครั้งที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับอายุ สภาพผิว และความต้องการของแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล
ที่สำคัญ ก่อนตัดสินใจทำ Ulthera Prime ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความพร้อมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ
สรุป
Ulthera Prime นับเป็นนวัตกรรมการยกกระชับใบหน้าที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด ด้วยเทคโนโลยี MFU-V ที่ทันสมัยและระบบการมองเห็นแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและปลอดภัยสูง สามารถเข้าถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผิวกระชับ เต่งตึง และมีความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษายังคงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้มั่นใจว่าการรักษาจะตอบโจทย์ความต้องการและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจที่สุด