การใช้เลเซอร์เพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้า เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย และ Q-switch เป็นอีกหนึ่งเครื่องเลเซอร์ที่หลากหลายสถานพยาบาลและหลากหลายคลินิกหยิบยกมาใช้งาน จึงอยากนำเลเซอร์ชนิดนี้มาให้ได้รู้จักและนำไปเปรียบเทียบกับ Dual Yellow Laser ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
Q-switch คืออะไร
Q-Switch คือ หนึ่งในเลเซอร์ที่นิยมนำมาใช้รักษาฝ้า กระ รอยสัก หรือแม้แต่รอยแผลเป็น ที่หลายแห่งยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเลเซอร์ Q-Switch มีประสิทธิภาพในการทำให้ได้ใบหน้าที่เนียน ใส ดูมีออร่า ส่งลำแสงและความเข้มข้นสู่ผิวบนใบหน้า ทำให้เม็ดเซลล์สีใต้ชั้นผิวกระจายแตกตัว ด้วยวิธีการปล่อยคลื่นพลังงานแสงออกมา เมื่อเซลล์เม็ดสีแตกตัว เม็ดเลือดขาวจะเริ่มทำการย่อยสลายทำลายเซลล์เม็ดสีที่ผิดปกติ และขับออกจากร่างกาย ลำแสงที่มีความเข้มข้นและความหนาแน่นที่ปล่อยออกมา แบ่งเป็น 2 ชนิด ดังนี้
- Q-switch ชนิดความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร จะช่วยทำลายเม็ดสีที่อยู่ชั้นตื่น เหมาะกับการลบรอยฝ้า ปานแดง กระแดง เป็นต้น
- Q-switch ชนิดความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร มีส่วนช่วยให้รอยจากแผลเป็นและรอยสัก ดูจางขึ้น จากการรักษาในระดับชั้นผิวหนังลึก
ทั้งฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง ปานดำ สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ รอยสัก รอยไหม้ รอยดำจากแสงแดด สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกรักษาระดับเม็ดสีให้แลดูจาง กระจ่างใสขึ้น ใบหน้าก็จะดูเนียนและใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์จากการทำ Q-switch
การทำ Q-switch ครั้งแรกมักได้ผลประมาณ 70-80 % เม็ดสีและจุดด่างดำจางลง ผิวหน้านุ่มขึ้น ผิวกระจ่างใสมีออร่า ริ้วรอยเล็ก ๆ ลดลง และเห็นผลชัดเจนจะต้องทำประมาณ 3 ครั้ง โดยเว้นห่างกันครั้งละ 2–4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่รักษาและสภาพปัญหาผิว และหลังการทำอาจเกิดเป็นสะเก็ดเล็กๆ หรือรอยดำในบริเวณที่ทำ แต่จะหลุดออกจนหมดภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ขณะทำการรักษาด้วย Q-switch อาจรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยเหมือนโดนเข็มจิ้มเบาๆ สำหรับรอยสักนั้นขึ้นกับความลึกของตัวน้ำหมึก ประเภทสีของน้ำหมึกว่าใช้แบบใดซึ่งจะพิจารณาไปแต่ละคน
อ่านเพิ่มเติม : เลเซอร์ลบรอยสิว มีอะไรบ้าง
Q-switch เจ็บไหม
สำหรับ Q-switch เลเซอร์ ก็มีกลไกการใช้งานที่คล้ายกับเลเซอร์ทั่วไป ดังนั้นขณะที่รับการรักษาจะพบอาการอุ่นร้อนบ้าง แต่ด้วยระยะเวลาการรักษาที่ไม่นานจนเกินไป จึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือทรมาน
Dual Yellow Laser คืออะไร
Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่ผสม 2 ความยาวคลื่นคือ สีเหลืองความยาวคลื่น 578 nm. ที่มีความยาวคลื่น 577 nm. เป็นช่วงคลื่นที่มีเป้าการทำลายที่เส้นเลือดจากเฉพาะเจาะจงที่สุด ช่วยแก้ไขปัญหาเส้นเลือดฝอย รอยแดงจากสิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดหน้าหมองคล้ำ กระ ฝ้า ได้ด้วย
เพราะหลักการทำงานของ Dual Yellow Laser จะเข้าไปตัดเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเม็ดสีทำให้เซลล์เม็ดสีค่อย ๆ ตายลงเองอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีแผลไม่ตกสะเก็ด ให้ผิวดูกระจ่างขึ้น ลำแสงเลเซอร์จะมีความอ่อนโยนต่อผิว โดยมีระบบความเย็นที่ป้องกันผิวหนังชั้นบน และ ระบบให้พลังงานที่ปรับเปลี่ยนได้ตามปัญหาผิว
ถ้าหากใช้ทั้งแสงเลเซอร์ทั้งสองแบบด้วยกัน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้นจะได้เลเซอร์ที่มีพลังงานสูงมากพอที่จะกำจัดตุ่มเนื้องอกบางชนิดได้ เช่น ติ่งเนื้อ ไฝ เนื้องอกใต้ตา ลดการกระตุ้นเส้นเลือดเป็นปัจจัยในการเกิดฝ้า ช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้า กระ ต่าง ๆ มากขึ้น ให้ใบหน้าขาวใสยิ่งขึ้น โดยไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ไม่มีผลข้างเคียงหลังทำ
เลเซอร์ของ Dual Yellow Laser
เลเซอร์แสงสีเหลือง (578 nm)
- ลดรอยแดงและเส้นเลือดฝอยโดยกำจัดเม็ด Oxyhemoglobin
- ต่อต้านสิวด้วยการฆ่าเชื้อสาเหตุและลดขนาดต่อมไขมัน ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูโครงสร้างผิว
- ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็น พร้อมกระชับรูขุมขน
เลเซอร์แสงสีเขียว (511 nm)
- มุ่งเป้าที่เม็ดสี Melanin เพื่อแก้ไขปัญหาเม็ดสีผิดปกติในผิวหนังชั้นบน
- บรรเทาปัญหาจุดด่างดำ กระ ฝ้า และความหมองคล้ำของผิว
- เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวหน้า โดยเห็นผลตั้งแต่การรักษาครั้งแรก
การรวมพลังของเลเซอร์ทั้งสองช่วยฟื้นฟูผิวหน้าอย่างครอบคลุม ทั้งปัญหาสีผิวและโครงสร้างผิว ส่งผลให้ผิวเนียนใส มีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัf
ความแตกต่างระหว่าง Dual Yellow Laser กับ Q-switch
ความเเตกต่างที่อยู่ความรู้สึกขณะทำ Q-Switch ตอนยิงเลเซอร์จะรู้สึกดีด ๆ ที่ผิว เเละอาจจะมีอาการเเสบร้อนหลังทำร่วมด้วย ส่วน Dual Yellow Laser เป็นเลเซอร์ที่อ่อนโยนต่อสภาพผิวที่สุด ไม่เจ็บไม่ดีด ไม่ทำให้สภาพผิวภายนอกเสียหาย หากได้ยิง กระ ฝ้า ด้วยเครื่อง Dual Yellow Laser จะหายเเล้วหายเลยไม่เกิดซ้ำ
อ่านเพิ่มเติม : เลเซอร์หน้าใสที่ไหนดี
สรุป
Q-switch เป็นเลเซอร์ที่จำเพาะเจาะจงสำหรับการรักษาในเรื่องของเม็ดสีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดสีดำที่เกิดจากเมลานิน หรือ การลบเม็ดสีที่เกิดจากรอยสักต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยลดรอยหมองคล้ำ ทำให้ผิวสว่างขึ้น สีผิวสม่ำเสมอขึ้น ได้รับการรับรองโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย