รักษาหลุมสิว ให้หายขาด แบบไม่ทำร้ายผิว
บทความนี้จะรวมหลายวิธีการ รักษาหลุมสิว ให้ได้ผลจริง ลดปัญหาหลุมสิวที่กำจัดยาก อีกหลายตัวเลือกดี ๆ จากแพทย์ผิวหนัง เพื่อช่วยให้ผู้ที่สนใจการรักษาหลุมสิว ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพราะการรักษาหลุมสิวอย่างถูกวิธี จะช่วยทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น และไม่ก่อให้เกิดการทำร้ายผิวซ้ำ หลุมสิวไม่รุนแรงมากเกินจนรักษาให้หายไม่ได้
สารบัญ การรักษาหลุมสิว
รักษาหลุมสิว คืออะไร
การ รักษาหลุมสิว เป็นการรักษาที่ยากมากที่สุด การรักษาหลุมสิวที่ดี หายเร็ว รักษาให้ได้ผลระยะยาว แบบไม่ทำร้ายผิว หรือเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด อาจต้องใช้เวลานมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความลึกและชนิดของหลุมสิว
เนื่องจากคอลลาเจนที่หายไปจากการถูกทำร้ายลึกในชั้นผิว ถูกสร้างเซลล์ขึ้นใหม่มาทดแทน ฉะนั้น การรักษาหลุมสิวเลยต้องมีการกระตุ้น เพื่อเรียกคอลลาเจนให้เนื้อเยื่อกลับขึ้นมา หลุมสิวนั้นจึงดูตื้นขึ้น และผิวกลับมาเรียบเนียนในที่สุด
หลุมสิว เกิดจากอะไร
หลุมสิว (Atrophic Scars) สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งเกิดจากการอักเสบของสิว ที่กินลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ทำให้คอลลาเจนในบริเวณนั้น ๆ ถูกทำลาย เมื่อการอักเสบหายไป แต่กลับไม่มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาซ่อมแซม หรือการซ่อมแซมเป็นไปได้ช้าจนในที่สุดก็กลายเป็นพังผืด เป็นหลุมบนผิวหน้าทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ระดับ Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด)
หลุมสิวระดับนี้ จะมีลักษณะเป็นหลุมลึก ปากแคบ รักษาได้ยาก เนื่องจากเป็นหลุมลึก ยากต่อการฟื้นฟู ซึ่งการรักษาหลุมสิว ประเภท Ice pick scar ต้องใช้เวลานาน ซึ่งหลุมระดับนี้ใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่ แต่ทำได้เพียงแค่ช่วยให้รอยหลุมสิวนั้นตื้นขึ้นมาเท่านั้น ต้องพยายามไม่ให้หลุมสิวรุนแรงจนถึงระดับนี้
อ่านเพิ่มเติม หลุมสิว Ice pick ได้ที่นี่
ระดับ Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง)
หลุมสิวระดับนี้ จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดและกว้าง แต่จะมีความตื้นมากกว่าระดับ Ice pick scar แต่มีความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่ลงลึกจนถึงชั้นรูขุมขน สามารถใช้วิธีการทายาทา ควบคู่ไปกับการทำทรีตเมนต์
ระดับ Rolling scar (ระดับทั่วไป)
หลุมสิวระดับนี้ มีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น เป็นแอ่งเว้าแค่เล็กน้อย ซึ่งหลุมระดับนี้มักจะเกิดจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากนัก และทำการ รักษาหลุมสิว ได้ง่ายกว่าระดับอื่น ๆ
อ่านเพิ่มเติม เจาะลึกประเภทหลุมสิวมีอะไรบ้าง
การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ
การ รักษาหลุมสิว ด้วยสมุนไพรธรรมชาติอาจเห็นผลช้า แต่ข้อดี คือ ไม่ก่อการระคายเคืองผิวเหมือนวิธีใช้สารเคมีอื่น ๆ เหมาะกับคนที่มีหลุมสิวระดับทั่วไป (Rolling scar) ที่หลุมสิวนั้นไม่ได้กินลึกถึงผิวชั้นลึก โดยส่วนประกอบที่สำคัญในการนำมารักษาสิวคือ กรด AHA จากธรรมชาติ ซึ่งกรด AHA นั้น คือ สารกัดที่ได้จากผลไม้ธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากมะนาว หรือ มะขามช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และ รักษาหลุมสิว ให้ดีขึ้น ด้วยการทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
ว่านหางจระเข้
ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น สมานผิวได้ดี ช่วยกระชับรูขุมขน และมีสารอะลอคตินเอ (Aloctin A) ช่วยป้องกันการอักเสบของผิว
ใบบัวบก
ช่วยฟื้นฟูผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีสารไกลโคไซด์ (Glucosides) ช่วยฟื้นฟูรอยแผล รักษาหลุมสิว ให้จางลงได้
มะละกอสุก
ในมะละกอมีเอนไซม์ชื่อปาเปน (Enzyme Papain) และโคโมปาเปน (Chymopapain) มีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ ยังกระตุ้นการสมานแผลโดยออกฤทธิ์ช่วยย่อยสลายคอลลาเจนให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะนำไปใช้ในการสร้างเซลล์ใหม่ได้เร็วขึ้น
น้ำมะพร้าวสกัดเย็น
น้ำมะพร้าวสกัดเย็นจะช่วยให้หลุมสิวนุ่มและจางลง เพราะน้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริก (Lauric acid) ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและสารต้านอนุมูลอิสระ
รักษาด้วยครีมสูตรผสมเคมี
การรักษาด้วยครีมสูตรผสมเคมี เพราะแก้ไขหลุมสิวได้อย่างล้ำลึก ดังนี้
แต้มกรด TCA
การใช้กรด TCA ในการ รักษาหลุมสิว จะช่วยเร่งผิวใหม่ให้เกิดการแบ่งตัวเร็วขึ้น จึงช่วยทำให้รอยหลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น หากเราทำอาทิตย์ละครั้งจะมีระยะเวลาเห็นผลประมาณ 3-6 เดือน
ซึ่งการทานั้นจะเป็นการแต้มเฉพาะรอยหลุมสิวที่เป็นเท่านั้น เพราะการใช้กรด TCA ในการ รักษาหลุมสิว จะทำให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษาเป็นสะเก็ดดำๆได้
กรดวิตามินเอ
สำหรับคนที่กลัวการเป็นสะเก็ดและไม่ได้รีบร้อนในการ รักษาหลุมสิว คุณสามารถใช้ยาทาอีกตัวที่ช่วยให้หลุมสิวนั้นดูตื้นขึ้นมาได้ นั่นก็คือ “กรดวิตามินเอ” โดยนำมาทาบนรอยหลุมสิวเพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยังสามารถทาได้บ่อยกว่ากรด TCA อีกด้วย เพราะสามารถทาได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ใช้การทายาในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินเอ ในการ รักษาหลุมสิว เช่น Retin A เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
รักษาด้วยการผลัดเซลล์ผิว
วิธีการรักษาหลุมสิว ด้วยการกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี หรือ MD (Microdermabrasion) เป็นวิธีการนำผง Aluminum oxide, Sodium chloride หรือ Sodium bicarbonate ขนาดเล็กมากกว่า 100 ไมครอน (Micron) มาใช้ในการรักษา
ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ได้กับหลุมสิวทุกประเภท แต่จะเห็นผลดีในหลุมสิวประเภท Rolling scar และต้องเว้นระยะห่างในการทำ เพราะการกรอผิวเพื่อให้ผิวตื้น และการผลัดเซลล์ผิวเก่าจะทำให้ผิวหน้าบางไปด้วย
โดยการรักษาหลุมสิว ด้วยวิธีการกรอผิวแบบนี้แพทย์จะนัด 1-2 สัปดาห์ ต่อการทำ 1 ครั้ง ใช้เวลาในการทำ 6-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลในการ รักษาหลุมสิว
Cool touch laser
เป็นการยิงเลเซอร์เข้าไปที่ผิวชั้นกลางให้น้ำในผิวอุ่นเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิธีนี้จะไม่รู้สึกเจ็บมาก เพราะแพทย์จะทายาชาเพื่อลดความรู้สึกขณะทำก่อนยิงเลเซอร์ จะพบรอยแดงบนใบหน้าหลังทำ ปรากฏอยู่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง วิธีนี้เหมาะกับใช้รักษาหลุมสิว ประเภท Rolling scar ทำติดต่อกัน 5-7 ครั้งจึงจะเห็นผล โดยการรักษาแต่ละครั้งแพทย์ผิวหนังจะนัดห่างกัน 2-4 สัปดาห์
Laser Fraxel
เลเซอร์ชนิดนี้จะใช้คลื่นแสงในช่วงกลางที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากยิงเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้เซลล์เกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยคลื่นแสงชนิดนี้จะยิงเข้าไป ซึ่งกระบวนการก็คือการทำให้เซลล์ตายและเกิดการสร้างเซลล์ใหม่และผลัดเซลล์ผิวเกิดขึ้น ขณะยิงเลเซอร์ค่อนข้างเจ็บ หลังทำต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด การรักษาหลุมสิว ด้วยวิธีนี้ควรทำประมาณ 4-5 ครั้ง โดยทำได้เพียงเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้ผิวนั้นเกิดการอักเสบมากเกินไป
Laser fractional CO2
เลเซอร์ชนิดนี้มีความรุนแรงกว่า 2 ชนิดข้างต้น เป็นอีกเลเซอร์ รักษาหลุมสิว ที่ให้ผลลัพธ์ดี มีความรุนแรงมาก เป็นตัวช่วยให้เกิดการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ผลของเลเซอร์ชนิดนี้สามารถตัดพังผืดแบบแนวดิ่งได้ดี แต่ก็ทำลายผิวชั้นบนไปมากเช่นกัน เรียกได้ว่า ข้อดีข้อเสียพอ ๆ กัน
คนที่คิดจะ รักษาหลุมสิว ด้วยการทำเลเซอร์ชนิดนี้ ต้องทำใจไว้เลยว่า อาจใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน ก่อนที่ผิวจะค่อย ๆ เริ่มสร้างตัวขึ้นใหม่อย่างธรรมชาติ แต่ก็ได้ผลดีในการรักษาหลุมสิว 70% การรักษาจะทำประมาณ 4 ครั้ง ห่างกันเดือนละ 1 ครั้ง ระหว่างรักษาให้หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะผิวจะคล้ำดำ เป็นรอยได้ง่าย
รักษาหลุมสิวด้วย IPL
การรักษาหลุมสิวด้วย IPL (Intense pulsed light) จะเป็นการใช้แสงหลายความยาวคลื่นยิงเข้าไปบริเวณที่เกิดหลุมสิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สามารถใช้ได้ดีกับการรักษาหลุมสิว ระดับทั่วไป (Rolling scar)
ถ้านำไปใช้กับหลุมสิวแบบอื่น อาจเห็นผลช้ามากหรือแทบไม่เห็นผลเลย ทำติดต่อกัน 4 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 เดือน
อาการข้างเคียงอาจเกิดรอยแดงคล้ำ และกลายเป็นสะเก็ด การรักษาหลุมสิว วิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะ ถ้าใช้พลังงานแสงสูงเกินไป ผิวจะเกิดรอยไหม้ แต่ถ้าใช้พลังงานแสงต่ำไปการ รักษาหลุมสิว จะไม่มีประสิทธิภาพ
รักษาด้วยเข็มขนาดเล็ก
เป็นการรักษาหลุมสิว แบบใช้เข็มขนาดเล็กมาก ๆ จิ้มลงไปโดยตัวยาผ่านเข้าไปในผิว จึงทำให้ผิวสร้างตัวและฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น หลุมสิวจึงตื้นขึ้น โดยใช้เครื่องมือ Derma Roller ที่มีลักษณะเป็นลูกกลิ้งติดเข็มเล็ก ๆ กลิ้งไปบนใบหน้าเข็มจะเจาะลงไปถึงชั้นหนังแท้
หลังจากนั้นจะเกิดการอักเสบของชั้นผิว ร่างกายจะเกิดกระบวนการซ่อมแซมผิวใหม่ เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่
วิธีนี้ควรทำห่างกัน 2-4 สัปดาห์ และทำติดต่อกัน 5 ครั้ง จะช่วยทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
รักษาด้วยการเลาะพังผืด
อีกหนึ่งการรักษาหลุมสิว คือการเลาะพังผืด หรือการรักษาหลุมสิวด้วยวิธี Subcision เป็นการใช้เข็มสอดเข้าไปที่ใต้หลุมสิว เพื่อเลาะพังผืดที่ดึงรั้งผิวออกไป ทำให้ผิวสามารถซ่อมแซมได้โดยที่ไม่ต้องผลัดผิวชั้นตื้น หลังทำการเลาะพังผืด ควรงดตากแดด และงดใช้เครื่องสำอาง 2-3 วัน
ผลข้างเคียงอาจจะมีอาการเจ็บช้ำบริเวณใบหน้า 1-2 สัปดาห์ ทำได้เดือนละ 1 ครั้ง และจะได้ผลเมื่อทำประมาณ 3-5 ครั้ง แต่วิธีนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการติดเชื้อใต้ผิวหนัง เกิดเป็นแผลใหม่ และกลายเป็นแผลเป็นนูนจากการรักษา วิธีการรักษาหลุมสิว วิธีนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เพราะผลที่ได้อาจไม่คุ้มกับความเจ็บตัว
รักษาด้วยการศัลยกรรมหลุมสิว
ศัลยกรรมผ่าตัดหลุมสิว (Punch Excision & Grafting) เป็นวิธีที่เหมาะกับคนที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่หาย วิธีนี้เหมาะกับการ รักษาหลุมสิว ประเภท Ice Pick scar ขนาดไม่เกิน 3 มิลลิเมตร เป็นการตัดหลุมสิวออก
โดยวิธีการรักษาหลุมสิวแบบนี้จะแบ่งย่อยเป็น 4 วิธี คือ Punch excision / Punch elevation / Punch grafting และ Elliptical excision
หลังทำแผลจะแห้งประมาณ 1 สัปดาห์ อาจพบรอยแผลเป็นบาง ๆ ต้องรักษาต่อด้วยการทำเลเซอร์ วิธีนี้เป็นการรักษาหลุมสิว แบบครั้งเดียวแต่ก็ทิ้งรอยแผลเป็นใหม่ไว้ได้ง่ายเช่นกัน
รักษาหลุมสิวด้วยการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มหลุมสิว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสำหรับการรักษาหลุมสิวระดับตื้นถึงปานกลาง โดยฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มชั่วคราวที่สามารถเสื่อมสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงปลอดภัยกว่าการใช้สารเติมเต็มแบบถาวร
การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีนี้ค่อนข้างได้ผลดี ประมาณ 30-70% เนื่องจากเป็นการฉีดสารเข้าไปเติมเต็มรอยหลุมโดยตรงและเห็นผลทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์มักอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ก่อนที่ไฮยาลูรอนิก แอซิดจะค่อยๆ ถูกย่อยสลายไปตามกระบวนการธรรมชาติ
วิธีการรักษาคือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่ก้นหลุมเพื่อยกระดับผิวให้ตื้นขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับหลุมสิวประเภท Rolling Scar ที่ไม่มีพังผืดเกาะอยู่ เพราะถ้ามีพังผืดจะเป็นตัวขัดขวางการสร้างคอลลาเจนและทำให้การรักษาไม่ได้ผล หลังการรักษา อาจพบอาการบวมแดงหรือช้ำได้บ้างเล็กน้อย แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นเองตามลำดับ
ถึงแม้การฉีดฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาแบบชั่วคราว ผู้ที่สนใจอาจต้องทำซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อคงความเรียบเนียนของผิว และควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมก่อนตัดสินใจรักษา เพื่อให้ได้วิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดีที่สุดค่ะ
อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์ช่วยรักษาหลุมสิว
รักษาหลุมสิวด้วย Pico Laser
การรักษาหลุมสิวด้วย Pico Laser เป็นเลเซอร์รักษาหลุมสิวอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ได้รับการพัฒนาให้ระบบทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอีกด้วย โดยเปลี่ยนวิธีทำงานของเลเซอร์ด้วยคลื่นแสงความถี่สูง ปล่อยลำแสงเลเซอร์ในช่วงเวลาสั้น มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก
ช่วยรักษาแผลเป็นจากรอยสิว หลุมสิว กระชับรูขุมขน และให้ผิวกระจ่างใสด้วย ทำให้ขณะยิงเลเซอร์จะรู้สึกระคายเคือง และเจ็บน้อยมาก เห็นผลเร็ว ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าเครื่องเลเซอร์แบบเดิม ที่สำคัญผลข้างเคียงและระยะเวลาในการพักฟื้นก็น้อยมากๆ
รักษาด้วยคลื่นวิทยุ
การรักษาหลุมสิวด้วย (Radiofrequency – RF) วิธีนี้เป็นการรักษาหลุมสิว โดยการส่งคลื่นวิทยุลงไปที่ชั้นผิวหนังแท้ ทำให้เกิดการทำลายผิวหนัง (Ablation) บริเวณนั้น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิธีนี้อาจรู้สึกเจ็บขณะทำ แต่แพทย์ผิวหนังจะทายาชาเพื่อลดความรู้สึกขณะทำ ก่อนทำการรักษาผลการรักษาจะมีประสิทธิภาพเมื่อทำ 3-4 ครั้ง และควรทำเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น
เครื่องมือที่ใช้ก็มีหลายแบบด้วยกัน อย่างเช่นเครื่อง E-matrix ที่มีประโยชน์ในด้านการยกกระชับใบหน้าด้วย ในปัจจุบันเครื่องนี้สามารถให้ผลในการ รักษาหลุมสิว ได้ดีมาก หรือประมาณ 70% หากทำประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อย แต่ที่สำคัญคือราคาทำค่อนข้างแพง
Fractora เครื่องรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดในตอนนี้
โปรแกรมรักษาหลุมสิว ด้วย FRACTORA เป็นการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มที่ ใช้พลังงานความถี่วิทยุ (Radio frequency) ลงไปใต้ชั้นผิวหนังแท้ แบบ Fractional โดยทำให้เกิด 3 กระบวนการ ได้แก่ Ablation ร่วมกับกระบวนการ Coagulation และกระบวนการ Sub-necrotic heating ในคราวเดียวกัน และก่อให้เกิดกระบวนการการผลัดผิวชั้นบนแบบมีแผล และยังคงกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
และทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น ริ้วรอยเหี่ยวย่นจางลง รวมถึงปัญหาแผลเป็นหรือแผลหลุมสิวนั้นดีขึ้น จึงเป็นการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดในขณะนี้
การรักษาหลุมสิวด้วยฟิลเลอร์และเลเซอร์ เหมาะกับใครบ้าง
- เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นหลุมสิวชนิด Rolling และ Box Scar
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นเพื่อฟื้นฟูใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในขั้นตอนการดูแลตัวเอง
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิว
ข้อควรระวังเป็นอย่างมากในการรักษาหลุมสิว มีดังนี้
- การใช้กรด AHA ควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากกรดชนิดนี้มีความไวต่อแดด
- ไม่ควรใช้การใช้กรด AHA ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจทำให้เซลล์ผิวบางได้ และหากใช้แล้วเกิดระคายเคืองหรือเกิดผื่น ควรหยุดใช้ทันที
- การใช้สมุนไพรในการรักษาผิวหน้า ควรล้างสมุนไพรให้สะอาดทุกครั้ง เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดมีน้ำยาง อาจระคายเคืองต่อผิวได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง ควันรถ หรือควันโดยตรง เพราะจะมีแบคทีเรีย และคราบสกปรกมาอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอักเสบเพิ่มขึ้นอีก
- หลีกเลี่ยง การแคะ แกะ เกา ลูบหน้า เช็ดหน้าแรง ๆ เพราะในแต่ละวันมือของเราเจอสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียมานับไม่ถ้วน
- ห้ามใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่าย และพยายามกำจัดความันใบหน้า โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ เป็นเจล และมีส่วนผมของ Tree Tea Oil ที่ช่วยควบคุมความมัน และลดการเกิดไขมัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์พวก Whithening เพราะหลายคนอาจจะยังเป็นสิว หรือมีอาการผิวติดสเตียรอยด์อยู่ จะทำให้ผิวไวต่อแดดได้
2. Fractora สามารถรักษาหลุมสิวระดับไหนได้บ้าง
สามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกระดับค่ะ แต่จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนในหลุมสิวระดับ Rolling Scar และ Box Scar ที่มีระดับความลึกไม่มาก ไม่ถึงชั้นระดับรูขุมขน แต่การจะรักษาหลุมสิวในระดับ Ice pick Scar นั้นอาจต้องเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลาหนึ่งอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นหลุมสิวที่มีขนาดลึกมากที่สุดค่ะ
3. อาการข้างเคียงหลังทำมีอะไรบ้าง
สำหรับอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น หลังการรักษาด้วย FRACTORA อาการ Erythem การแดงขึ้นเรื่อย ๆ น้อยกว่า 24 ชั่วโมง อาการบวม 2-3 วัน อาจพบจุดแดงปรากฏประมาณ 1-3 วัน หลังการรักษา วันที่4 หลังการรักษา อาจพบผิวลอกเป็นขรุย ซึ่งจหลุดออกไปภายใน 1-3 สัปดาห์
สรุป
ขั้นตอนการ รักษาหลุมสิว ที่ดี ควรจะรักษาสิวให้หายก่อน แล้วค่อยมาจัดการกับจุดด่างดำและปัญหาหลุมสิวภายหลัง ที่สำคัญคือ ต้องใจเย็นๆ ต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดี หากใจร้อนหรือเร่งรีบเกินไปอาจเกิดการทำร้ายผิวให้เสียหายหนักกว่าเดิม และสำหรับเครื่องมือการรักษาหลุมสิว