การตัดสินใจที่จะทำการ ดูดไขมัน ต้องอาศัยเวลาในการศึกษาหาข้อมูลในหลายด้านประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งข้อดี ข้อเสีย ผลลัพธ์ที่ได้ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นว่ามาจากสาเหตุใด รวมถึงอีกข้อที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันเลย คือความถนัดและความเชี่ยวชาญของแพทย์
สารบัญ
- ดูดไขมันต้องคำนึงถึงสิ่งใด
- รูปแบบการดูดไขมัน
- การดูดไขมัน เหมาะกับใคร
- การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมัน
- การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
การดูดไขมันคืออะไร อันตรายหรือไม่ >>อ่านที่นี่<<
ดูดไขมัน ที่ไหนดี ต้องคำนึงถึงสิ่งใด
เนื่องจากแพทย์แต่ละท่านมีความเชี่ยวชาญที่ไม่เท่ากัน ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ และเครื่องมือที่แพทย์ถนัด และที่สำคัญเลยคือ ความน่าเชื่อถือของคลินิกที่จะดูดไขมัน และแพทย์ของคลินิก โดยอาจจะดูได้จากผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ได้ผลลัพธ์ดีหรือไม่ เรียกว่าพิสูจน์กันที่ความจริง ที่สามารถมองเห็นกันได้เลย คงสามารถเพิ่มความมั่นใจได้ว่าควรเลือกดูดไขมันที่ไหนดี ?
นอกจากแพทย์ที่ทำการรักษาแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาด้วยการดูดไขมันจะต้องเข้าถึงผลลัพธ์ และ อาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะการดูดไขมันนั้นมีความเสี่ยง ถึงในปัจจุบันนี้จะมีความอันตรายน้อยลงกว่าแต่ก่อนแล้วก็ตาม
รูปแบบการดูดไขมัน
การดูดไขมันด้วยวิธี Vaser
เป็นการดูดไขมันด้วยการใช้เครื่องมือในการช่วย โดยจะปล่อยพลังงานคลื่นเสียง หรือที่เรียกกันว่า Ultrasound ในระดับความถี่ที่เหมาะสม เพื่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมัน ทำให้ไขมันกลายเป็นของเหลว จากนั้น จึงใช้เครื่องมือดูดไขมันที่เป็นของเหลวออกมา
ข้อดี : ไม่มีแผล ไม่บวมมาก ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน
ข้อเสีย : อาจมีน้ำคั่งหลังดูดไขมัน
การดูดไขมันด้วยวิธี Bodytite
การดูดไขมันด้วยวิธี Bodytite นี้ เป็นการใช้พลังงาน RF (Radio Frequency) ยิงใส่ชั้นลึกของผิวหนังไขมัน ทำให้ไขมันสลายเป็นของเหลวก่อนจะถูกดูดออกมา พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เป็นการปล่อยคลื่นไฟฟ้าในระดับความถี่ที่เหมาะสมและคลื่นความร้อน เพื่อไปสลายไขมัน
ข้อดี : ทำให้ผิวหนังกระชับ และลดการเสียเลือดได้
ข้อเสีย : สลายไขมันตรงบริเวณที่เป็นพังผืดแน่นๆ ได้ไม่ค่อยดี ราคาค่อนข้างสูง
การดูดไขมันด้วยวิธี Water Jet
ใช้พลังงานงานน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ไขมันดังกล่าวมีสภาพที่สมบูรณ์ ทำให้นำมาใช้ประโยชน์ต่อได้
ข้อดี : ทำให้ไขมันสภาพสมบูรณ์นำไปใช้ต่อได้ เช่น การฉีดไขมัน
ข้อเสีย : อาจมีน้ำ หรือไขมันตกค้างได้
การดูดไขมันด้วยวิธี PAL
PAL หรือ Power Assisted Liposuction เป็นเครื่องมือทุ่นแรงที่แพทย์ใช้ช่วยในการดูดไขมันต้นแขนและต้นขา
เครื่องมือนี้จะเพิ่มความถี่ของเข็มดูดไขมัน คล้ายๆ กับการสั่นของแปรงสีฟันไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาง่ายขึ้น ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับวิธีดูดไขมันแบบ Bodytite ได้
ข้อดี : ดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาได้ง่าย บอบช้ำน้อย
ข้อเสีย : มีเสียงดังรบกวน ราคาค่อนข้างสูง
การดูดไขมัน เหมาะกับใคร
ผู้ที่เหมาะที่จะทำการดูดไขมัน คือผู้ที่มีปัญหาสัดส่วนเกิน สรีระไม่สมส่วน เช่น ต้นขาใหญ่ ต้นแขนใหญ่ พุงหนา ต้องการเห็นผลทันที ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน โดยแพทย์จะทำการประเมินบริเวณที่คนไข้ต้องการดูด ส่วนเกินนั้นออก หลังจากนั้นทำสัญลักษณ์ ในระหว่างตอนที่ผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต่อท่อขนาดเล็กเข้าไปสร้างหลุมในชั้นไขมัน และจัดการปรับแก้ไข ให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดูดไขมัน
- สิ่งแรกเลยก็คือ การศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมัน และความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน เพื่อจะได้ทราบถึงขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ
- ในการเลือกดูดไขมัน ควรรับบริการดูดไขมันกับแพทย์ที่ได้รับใบประกอบ และคลินิกที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตถูกต้องเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงและเอฟเฟคที่จะเกิดผลเสียกับเราหลังจากทำการดูดไขมัน
- ปรึกษาแพทย์และสอบถามเกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆให้ละเอียด ถามให้เรื่องที่เรามีความกังวลเรื่องการดูดไขมัน แล้วค่อยตัดสินใจทำการรักษา
- การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนทำการดูดไขมันก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน ก่อนเข้าทำการรักษาดูดการดูดไขมันนั้น จำเป็นต้องงดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ อาหารเสริมต่างๆ และยากลุ่มแอสไพริน ก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อยเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หากมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ มีโรคประจำตัว หรือมีอาการแพ้ยา ต้องทำการแจ้งแพทย์ก่อนทำการดูดไขมัน
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
- หลังการผ่าตัด คนไข้จำเป็นต้องประคบเย็นสม่ำเสมอ เพื่อให้ความเย็นของแผ่นประคบทำให้เลือดแข็งตัวและหยุดไหลเร็วขึ้น เป็นการลดความบวมหลังผ่าตัด
- ประคบเย็นอย่างน้อย 3 วันหลังผ่าตัด
- พยายามเดินเยอะๆ เพื่อให้เลือดไหลเวียนเป็นการลดอาการบวม
- คลึงบริเวณใต้คาง คอ บริเวณที่มีไตแข็งเกิดจากร่างกายสร้างพังผืดขึ้นมาทดแทนไขมันที่ถูกดูดออกไป ซึ่งการคลึงจะช่วยคลายให้บริเวณดังกล่าวอ่อนนุ่มลง ร่วมกับการทานยาเพื่อสลายพังผืดต่อเนื่องหนึ่งเดือน จะทำให้อาการดีขึ้น
- ใช้สายรัดหน้า รัดหน้าวันละ 3 ชั่วโมง เพื่อให้ใบหน้าได้รูปหลังการผ่าตัด โดยการรัดหน้าอย่างต่อเนื่อง 30 นาทีแล้วถอดออก รวมกันให้ได้วันละ 3 ชั่วโมง โดยต้องไม่ให้รัดเกินหรือแน่นเกินไปจะทำให้เลือดไม่ไหลเวียนและทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้น
หลังดูดไขมัน ห้ามกินอะไร อย่าให้ของกินมาหยุดความสวย
สรุป
ดูดไขมัน ที่ไหนดี ? การดูดไขมันไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก เป็นเพียงการกำจัดส่วนเกินและปรับลดสัดส่วนเท่านั้น ไม่ใช่การกำจัดไขมันแบบถาวร ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหารร่วมด้วย ผลลัพธ์หลังจากการรักษาก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล อาจเกิดอาการบวม รอยช้ำเขียว หลังจากการทำได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ผู้เชียวชาญ คลินิกที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรอง
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic
บทความยอดนิยม
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร
- ฉีดฟิลเลอร์คาง ดีจริงไหม
- ฉีดไขมันหน้าเด็กคืออะไร
- ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์กับหมอขนม