ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ มีร่องลึก หรือผิวหย่อนคล้อย เป็นสิ่งที่สาว ๆ หลายคนกังวล เพราะทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจ แต่เมื่อถามว่า ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่? หลายคนอาจตกใจ เพราะราคาใช้จ่ายสูงกว่าทรีตเมนต์ความงามทั่วไป บางคนก็หันไปเลือกคลินิกเล็ก ๆ ที่ราคาถูก
แต่อาจไม่รู้ว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก แท้จริง ถูกเพราะอะไร ฟิลเลอร์ได้มาตรฐานหรือไม่ ปลอดภัยแค่ไหน และผลลัพธ์จะออกมาสวยตามที่หวังหรือเปล่า?
บทความนี้ RWC Clinic เราขอมาตอบทุกเรื่องเกี่ยวกับ ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตั้งแต่ปัจจัยที่มีผลต่อราคา สิ่งที่ต้องระวังเมื่อเจอราคาถูกเกินจริง รวมถึงเทคนิคการฉีดและการเลือกแพทย์กันค่ะ
- ฟิลเลอร์ใต้ตาราคา ตามยี่ห้อ ปริมาณ และตำแหน่งที่ใช้
การเลือกเทคนิคฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้เหมาะกับปัญหา
ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC? ปริมาณและเนื้อฟิลเลอร์ต่างกัน ราคาต่างกันไหม? - ฟิลเลอร์ใต้ตาราคาแต่ละยี่ห้อ
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Restylane
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Juvederm
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ e.p.t.q.
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อ Belotero - ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก ระวังเจอฟิลเลอร์ปลอม!
วิธีเช็คฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม
วิธีเช็คฟิลเลอร์ใต้ตาแท้ แต่ละยี่ห้อ - อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก และไม่ได้มาตรฐาน
- ฉีดไขมันใต้ตา กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาต่างกัน ให้ผลลัพธ์ต่างกันไหม เลือกอะไรดี?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตา - บทสรุป
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือยี่ห้อ ปริมาณ และตำแหน่งที่ใช้ฟิลเลอร์ฉีด
ประเภทและยี่ห้อฟิลเลอร์
ระดับพรีเมียม (25,000-35,000 บาท/cc) เช่น Juvederm Volbella และ Restylane Vital โดยมีคุณสมบัติพิเศษ ดังนี้
- เนื้อสารนุ่มพิเศษ เหมาะกับผิวบางใต้ตา
- ลดความเสี่ยงการเกิดก้อนหรือการคลำเห็น
- อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
ระดับมาตรฐาน (15,000-25,000 บาท/cc) เช่น Neuramis
- คุณภาพดี ราคาประหยัดกว่า
- อยู่ได้ 8-12 เดือน
ปริมาณการใช้
- ร่องตื้น – ใช้ 0.5-0.7 cc
- ร่องลึกปานกลาง – 0.8-1.0 cc
- ร่องลึกมาก – 1.0-1.5 cc
*ยิ่งใช้ปริมาณมาก ราคายิ่งสูง
ขอบเขตการรักษา
- เฉพาะใต้ตาส่วนใน – 15,000-25,000 บาท
- ใต้ตาทั้งหมด – 25,000-45,000 บาท
- รวมแก้มและใต้ตา – 35,000-60,000 บาท
สิ่งสำคัญในการเลือกทำฟิลเลอร์ใต้ตา คือต้องเลือกแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน FDA รับรอง ระวังราคาที่ถูกผิดปกติ เพราะเสี่ยงเจอของปลอม และคำนึงเรื่องความปลอดภัยมากกว่าฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาเริ่มต้นที่ 15,000 จนถึง 60,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพผลิตภัณฑ์ ปริมาณที่ใช้ และขอบเขตการรักษา สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยและการเลือกแพทย์ผู้ชำนาญเป็นคนฉีดค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องเลือกเทคนิคให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่ง ทั้งบริเวณร่องลึก ผิวบาง หรือใต้ตาคล้ำ โดยแพทย์จะประเมินและเลือกวิธีฉีดที่แตกต่างกัน เช่น ฉีดแบบจุดเล็ก ๆ สำหรับผิวบาง ฉีดเป็นชั้นสำหรับร่องลึก หรือฉีดแบบกระจายสำหรับพื้นที่กว้าง
ราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเริ่มต้น 15,000 บาท จนถึง 60,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเทคนิคและขอบเขตการรักษา ซึ่งการเลือกวิธีฉีดจะส่งผลต่อความปลอดภัยและความเป็นธรรมชาติของผลลัพธ์ด้วย
ฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC? ปริมาณและเนื้อฟิลเลอร์ต่างกัน ราคาต่างกันไหม?
ปริมาณที่ใช้ตามสภาพผิว
- ร่องตื้น – 0.5-1.0 cc ต่อข้าง ซึ่งอย่างน้อยต้องใช้ 1 cc ราคา cc ละ 15,000-25,000 บาท
- ร่องลึก – 0.8-1.0 cc ต่อข้าง ทำให้อย่างน้อยต้องใช้ประมาณ 1-2 cc จะตก cc ละ 15,000-25,000 บาท หรือราคารวมประมาณ 15,000 – 50,000 บาท
- ร่องลึกมากหรือต้องการเติมเต็ม – 1.0-1.5 cc ต่อข้าง ทำให้ต่อการรักษาอย่างน้อยต้อง 2-3 cc ราคาประมาณ 30,000-75,000 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษา
อ่านแบบเจาะลึก : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ CC. ?
เนื้อฟิลเลอร์แต่ละแบบ
- เนื้อนุ่มพิเศษ – เหมาะกับใต้ตา ไม่เป็นก้อน ราคาสูง
- เนื้อเข้มข้นปานกลาง – เติมเต็มทั่วไป ราคาปานกลาง
- เนื้อเข้มข้นมาก – ไม่แนะนำสำหรับใต้ตา
ทั้งปริมาณและเนื้อฟิลเลอร์ส่งผลต่อราคาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะยิ่งใช้ปริมาณมาก หรือเนื้อพิเศษ ราคาก็จะยิ่งสูง เนื้อฟิลเลอร์แต่ละแบบมีราคาที่ต่างกัน เนื่องจากเนื้อนุ่มพิเศษเหมาะกับผิวบางที่ต้องการความเนียนเรียบ ราคาจึงสูงกว่าเนื้อปานกลางที่เหมาะกับการเติมเต็มทั่วไป แต่ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยกว่า
แน่นอนว่ายังมีฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐานออกมาหลอกลวง เพราะการเติมให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ต้องใช้ฟิลเลอร์หลายซีซี ซึ่งฟิลเลอร์แท้ราคาจะค่อนข้างสูง (ต่ำ ๆ ประมาณ 1X,000 บาท/CC.) จึงมีการจัดโปรโมชั่นโดยใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และเมื่อไม่สลายผ่านไปหลาย ๆ ปี ก็ทำให้ไหลย้อย หรือบางชนิดอาจสลายไวและทำให้ผังผืดเป็นคลื่นได้
Restylane Vital
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 15,000-20,000 บาท | เนื้อนุ่มที่สุดในตระกูล Restylane |
1 cc ราคาประมาณ 25,000-30,000 บาท | เหมาะกับผิวบางและร่องตาตื้น |
อยู่ได้ 8-12 เดือน | |
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น |
Restylane Perlane lyft
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc: 18,000-23,000 บาท | เนื้อเข้มข้นปานกลาง |
1 cc: 28,000-33,000 บาท | เหมาะกับร่องลึก |
อยู่ได้ 12-18 เดือน | |
เพิ่มปริมาตรได้ดี |
Restylane Defyne
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 18,000-25,000 บาท | เนื้อเข้มข้นปานกลาง |
1 cc ราคาประมาณ 28,000-35,000 บาท | ยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ |
อยู่ได้ 12-18 เดือน | |
เหมาะกับร่องลึก |
Restylane Classic
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 15,000-20,000 บาท | เนื้อนุ่มปานกลาง |
1 cc ราคาประมาณ 25,000-30,000 บาท | กระจายตัวดี |
อยู่ได้ 8-12 เดือน | |
เหมาะกับร่องตาตื้น-ปานกลาง |
Restylane Vital Light
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 12,000-18,000 บาท | เนื้อนุ่มที่สุด |
1 cc ราคาประมาณ 20,000-25,000 บาท | เพิ่มความชุ่มชื้น |
อยู่ได้ 6-8 เดือน | |
เหมาะกับผิวบางและรอยตื้น |
Juvederm Voluma
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 20,000-28,000 บาท | เติมปริมาตรได้ดี |
1 cc ราคาประมาณ 30,000-38,000 บาท | เหมาะกับร่องลึก |
อยู่ได้ 18-24 เดือน | |
ยกกระชับได้ดี |
Juvederm Volux
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc: 20,000-28,000 บาท | เนื้อเข้มข้นสูง |
1 cc: 30,000-38,000 บาท | เพิ่มปริมาตรได้ดีมาก |
อยู่ได้ 18-24 เดือน | |
เหมาะกับการเติมเต็มและยกกระชับ |
Juvederm Volite
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc: 15,000-20,000 บาท | เนื้อนุ่ม บางเบา |
1 cc: 25,000-30,000 บาท | เพิ่มความชุ่มชื้น |
อยู่ได้ 6-9 เดือน | |
เหมาะกับผิวบางและรอยตื้น |
EPTQ S300
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 12,000-15,000 บาท | เนื้อนุ่ม เหมาะกับใต้ตา |
1 cc ราคาประมาณ 18,000-22,000 บาท | ไม่เป็นก้อน กระจายตัวดี |
อยู่ได้ 8-12 เดือน | |
เหมาะกับร่องตาตื้น-ปานกลาง |
EPTQ S500
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 15,000-18,000 บาท | เนื้อเข้มข้นปานกลาง |
1 cc ราคาประมาณ 20,000-25,000 บาท | เพิ่มปริมาตรได้ดี |
อยู่ได้ 12-18 เดือน | |
เหมาะกับร่องลึก |
Belotero Volume
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 18,000-25,000 บาท | เนื้อเข้มข้นสูง |
1 cc ราคาประมาณ 28,000-35,000 บาท | เพิ่มปริมาตรได้ดี |
อยู่ได้ 12-18 เดือน | |
เหมาะกับร่องลึก |
Belotero Soft
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 15,000-20,000 บาท | เนื้อนุ่ม กระจายตัวดี |
1 cc ราคาประมาณ 25,000-30,000 บาท | ไม่เป็นก้อน |
อยู่ได้ 8-12 เดือน | |
เหมาะกับร่องตื้น-ปานกลาง |
Belotero Revive
ราคา | คุณสมบัติ |
---|---|
0.5-0.7 cc ราคาประมาณ 12,000-18,000 บาท | เนื้อนุ่มที่สุด |
1 cc ราคาประมาณ 20,000-25,000 บาท | เพิ่มความชุ่มชื้น |
อยู่ได้ 6-9 เดือน | |
เหมาะกับผิวบางและรอยตื้น |
ซึ่งการเลือกใช้ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับความลึกของร่อง ความบางของผิว ปริมาตรที่ต้องการเติมเต็ม และผลลัพธ์ที่ต้องการ
หลายคนถูกใจฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก แต่รู้หรือไม่ว่า ฟิลเลอร์ปลอม อาจทำให้คุณเสียดวงตา เกิดการติดเชื้อ หรือผิวเน่าตาย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่มีผิวบางและเส้นเลือดสำคัญ จำเป็นมากที่ต้องรู้วิธีเช็คฟิลเลอร์แท้ หรือ ปลอม ดังนี้
วิธีเช็คฟิลเลอร์ใต้ตาปลอม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ปลอดภัย เริ่มจากการตรวจเช็คอย่างรอบคอบ เริ่มจากราคา – ระวังราคาที่ถูกผิดปกติ (ต่ำกว่า 10,000 บาท) หรือโปรโมชั่นลดเกิน 50% และต้องมีใบเสร็จถูกต้อง
ตัวผลิตภัณฑ์ต้องมีกล่องซีลปิดสนิท เลข อย. ชัดเจน และมี QR Code ให้ตรวจสอบ สถานที่ทำต้องเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาต มีห้องปลอดเชื้อ และอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อม
สำคัญที่สุดคือแพทย์ผู้ทำต้องมีใบประกอบวิชาชีพ และพร้อมแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ตรวจสอบ อย่าเสี่ยงทำในสถานที่ไม่ได้มาตรฐานแค่เพราะราคาถูก เพราะความเสียหายที่ตามมาอาจแก้ไขไม่ได้
วิธีเช็คฟิลเลอร์ใต้ตาแท้ แต่ละยี่ห้อ
วิธีเช็คฟิลเลอร์ใต้ตาแท้แต่ละยี่ห้อที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีคุณภาพ มีดังนี้
JUVEDERM
ตรวจสอบผ่าน
- QR Code บนกล่อง
- Website: Juvederm.com
- เลข LOT number ชัดเจน
- ฉลาก hologram 3 มิติ
- ซีลกล่องสีน้ำเงิน Allergan
RESTYLANE
ตรวจสอบผ่าน
- QR Code มุมกล่อง
- Website: Restylane.com
- รหัส authentic code
- สติ๊กเกอร์ hologram เฉพาะ
- ซีลปิดแน่นหนา
BELOTERO
ตรวจสอบผ่าน
- QR Code ด้านข้างกล่อง
- Website: Belotero.com
- Serial number บนกล่อง
- สัญลักษณ์ Merz hologram
- ซีลกล่องใสไม่มีรอยฉีกขาด
ก่อนทำฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ให้ครบถ้วน เริ่มจากเลข อย. ที่ต้องชัดเจนและตรวจสอบได้ วันหมดอายุต้องไม่เกิน 2-3 ปี และต้องเก็บในระบบควบคุมอุณหภูมิเฉพาะตลอดการขนส่ง
สำคัญที่สุดคือต้องมีเอกสารรับรองการนำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย และซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองเท่านั้น เพื่อมั่นใจว่าได้ฟิลเลอร์แท้ 100% และปลอดภัยต่อการนำมาใช้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาถูก ไม่ได้มาตรฐาน อาจนำไปสู่อันตรายที่ร้ายแรง โดยเฉพาะการตาบอดถาวรจากการฉีดเข้าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตา ซึ่งเกิดขึ้นได้ทันทีหรือภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีด
นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อตาย ผิวเปลี่ยนสีและเน่า ต้องผ่าตัดแก้ไข หรือการติดเชื้อรุนแรงที่อาจลามถึงสมอง รวมถึงการเกิดก้อนแข็งใต้ผิวที่แก้ไขยากและต้องผ่าตัดเอาออก
แนะนำอย่าเสี่ยงกับความสวยราคาถูก เพราะค่ารักษาและความเสียหายที่ตามมาอาจแพงกว่าและแก้ไขไม่ได้ค่ะ ควรเลือกรับบริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
การแก้ไขร่องใต้ตาลึกมีสองตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ละวิธีให้ผลลัพธ์และมีค่าใช้จ่ายของฟิลเลอร์ใต้ตาราคาแตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอได้ทำการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียมาให้เห็นกันชัด ๆ ดังนี้
ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|
ทำง่าย ใช้เวลาน้อย | อยู่ได้ 6-18 เดือน |
ไม่ต้องพักฟื้น | ต้องทำซ้ำ |
แก้ไขได้หากไม่พอใจ | ราคาสูงในระยะยาว |
ควบคุมปริมาณแม่นยำ |
ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|
ผลลัพธ์ธรรมชาติ | ต้องดูดไขมัน |
อยู่ได้นาน 3-5 ปี | พักฟื้น 1-2 สัปดาห์ |
ปลอดภัยเพราะใช้ไขมันตัวเอง | ควบคุมปริมาณยากกว่า |
คุ้มค่าในระยะยาว | อาจดูดซึมไม่เท่ากัน |
ซึ่งผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกวิธีการรักษาได้ หากดูจากการเปรียบเทียบฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาราคาจะถูกกว่าฉีดไขมัน และได้ผลแบบเห็นชัดตั้งแต่ครั้งแรก หรือผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกบริการได้ตามความต้องการ และตามความเหมาะสมของปัญหา โดยมีแพทย์คอยให้คำปรึกษาก่อนตัดสินใจ เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
อ่านแบบเจาะลึก : เปรียบเทียบการ ฉีดไขมันใต้ตา กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
สรุป
ถามว่า ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่? หมอขอตอบแบบนี้ค่ะว่า ราคาของการฉีดฟิลเลอร์ไต้ตานั้นถูกกำหนดโดยแบรนด์ของฟิลเลอร์ซึ่งเราต้องเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย ความชำนาญของแพทย์ที่ทำการรักษา นอกจากเลือกฟิลเลอร์แบรนด์ที่มีคุณภาพและเลือกแพทย์แล้ว สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ เพราะการมีระบบควบคุมความสะอาดและความปลอดภัยที่ดี จะช่วยป้องกันการติดเชื้อหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เพราะเมื่อเป็นแพทย์เฉพาะทางเราก็สามารถวางใจได้ในเรื่องของผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง