ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี? คำถามของใครหลายคนที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตา ทั้งรอยคล้ำ ร่องลึก ถุงใต้ตา หรือผิวหย่อนคล้อย ซึ่งการรักษาด้วยการ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กำลังได้รับความสนใจขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทำได้เร็ว เห็นผลชัด และไม่ต้องพักฟื้น โดยการเลือกยี่ห้อกับรุ่นฟิลเลอร์ให้เหมาะกับสภาพปัญหาใต้ตา เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา
ในบทความจะเป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อประกอบการตัดสินใจเบื้องต้น เท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ เพราะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายบุคคล
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี จะต้องเลือกให้เหมาะกับปัญหาใต้ตาของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะร่องลึก ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ริ้วรอย หรือหย่อนคล้อย ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจ
การเลือกยี่ห้อกับรุ่นฟิลเลอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณารอบคอบ เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะกับปัญหาใต้ตาแตกต่างกัน
Restylane เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากสวีเดน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี NASHA เทคโนโลยีที่ผลิตโมเลกุลของไฮยาลูโรนิคแอซิดให้มีความใกล้เคียงกับที่มีอยู่ในร่างกาย เพื่อลดอัตราการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย มีเนื้อสัมผัสนุ่ม กระจายตัวดี ไม่เป็นก้อน ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก FDA
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน ราคาเริ่มต้น 15,000-35,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและปริมาณที่ใช้ มีทั้งหมด 5 รุ่น คือ
- Restylane Perlane lyft เป็นฟิลเลอร์เนื้อเข้มข้นปานกลางถึงสูง อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Restylane Defyne เป็นฟิลเลอร์เนื้อเข้มข้นปานกลาง อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Restylane Classic เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มปานกลาง อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Restylane Vital เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มบางเบา ผลลัพธ์อยู่ได้ 8-12 เดือน
- Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มที่สุดในตระกูล Restylane ยู่ได้นาน 8-12 เดือน
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากอเมริกา โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี VYCROSS® มีการเชื่อมโยงโมเลกุลไฮยาลูโรนิคแอซิดแบบ Phase Crosslink ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูงขึ้น แต่ยังคงความยืดหยุ่น เกาะตัวได้ดี ไม่แพร่กระจายหรือเคลื่อนไปที่อื่น ให้เนื้อนุ่มพิเศษ กระจายตัวสม่ำเสมอ ไม่เป็นก้อน ได้รับการรับรองจาก FDA และสามารถฉีดสลายได้ด้วยเอนไซม์กรณีเกิดปัญหา
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ราคาเริ่มต้น 15,000-35,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและปริมาณที่ใช้ มีทั้งหมด 5 รุ่น คือ
- Juvederm Ultra XC เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มปานกลาง อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
- Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มที่สุดในตระกูล ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-9 เดือน
- Juvederm Volift มีเนื้อปานกลางพร้อมความยืดหยุ่นดีเยี่ยม อยู่ได้นาน 12-15 เดือน
- Juvederm Voluma มีเนื้อเข้มข้น ให้ผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- Juvederm Volux มีเนื้อเข้มข้นสูงสุด อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
Belotero เป็นฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากเยอรมนี โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี CPM® (Cohesive Polydensified Matrix) ช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทิ้งร่องรอยการฉีดให้การกระจายตัวสม่ำเสมอและเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผิวบางใต้ตา ได้รับการรับรองจาก FDA กรณีเกิดปัญหาสามารถใช้เอนไซม์ฉีดสลายได้
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-18 เดือน ราคาเริ่มต้น 15,000-35,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและปริมาณที่ใช้ มีทั้งหมด 3 รุ่น คือ
- Belotero Volume เป็นฟิลเลอร์เนื้อเข้มข้น อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- Belotero Soft มีเนื้อนุ่ม กระจายตัวดี อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Belotero Revive เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มที่สุด อยู่ได้ 6-9 เดือน
E.P.T.Q เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากเกาหลี ที่ได้รับความนิยมด้วยเทคโนโลยี S.CODE เป็นการผลิตเจลที่มีโครงสร้างโมเลกุลพิเศษ ทำให้เข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อ คงรูป และอยู่ได้นาน โดยไม่เคลื่อนตัว หรือก่อให้เกิดปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อให้การกระจายตัวสม่ำเสมอ เนื้อนุ่มไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับใต้ตา ได้รับการรับรองมาตรฐาน FDA ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
อยู่ได้นาน 8-12 เดือน ราคาเริ่มต้น 12,000-25,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและปริมาณที่ใช้ มีทั้งหมด 2 รุ่น คือ
- EPTQ S300 เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่มพิเศษ อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- EPTQ S500 มีเนื้อเข้มข้นปานกลาง อยู่ได้นาน 10-14 เดือน
ปัญหาใต้ตาแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนร่องตื้น บางคนร่องลึก หรือมีถุงใต้ตา การเลือกฟิลเลอร์จึงต้องพิจารณาตามความลึกของชั้นผิว นอกจากความลึกของชั้นผิวแล้ว ควรพิจารณาถึงสาเหตุของปัญหา, ลักษณะเนื้อเยื่อ และปฏิกิริยาของผิวของแต่ละคนด้วย
| ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม? อะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด
เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติพิเศษที่เหมาะกับปัญหาแตกต่างกัน ซึ่งปัญหาใต้ตาที่พบบ่อย เช่น ผิวบางหรือผิวแพ้ง่าย ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถกระจายตัวและสลายได้เร็ว ป้องกันการเกิดเม็ดฟิลเลอร์ใต้ผิว
มาดูกันว่าปัญหาใต้ตาแบบไหน ควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อใด การเลือกฟิลเลอร์ยังขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์เป็นสำคัญ
สำหรับร่องใต้ตาลึก มีฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- Juvederm Voluma ที่โดดเด่นด้วยเนื้อเข้มข้นพิเศษ ให้การเติมปริมาตรที่ดีเยี่ยมมีเนื้อแน่น ช่วยเติมเต็มร่องใต้ตาลึกให้เรียบเนียน กลบร่องลึกได้ดี เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกมาก หรือใต้ตาลึกจากการยุบตัวของกระดูก ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
- Restylane Perlane lyft เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกและยกกระชับ มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดกลาง ช่วยยกกระชับร่องลึก ทำให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้น ให้ผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- Belotero Volume โดดเด่นด้วยการกระจายตัวที่ดี ไม่เป็นก้อน มีคุณสมบัติเด่นในการปรับร่องลึกให้ตื้นลงอย่างเป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ดูกลมกลืนไปกับใบหน้า เหมาะสำหรับร่องลึกระดับปานกลาง อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
สำหรับร่องใต้ตาตื้นและผิวบางที่ส่วนมากพบในผู้สูงอายุ มักมีริ้วรอยเล็ก ๆ เห็นเส้นเลือดได้ชัด โดยแพทย์ด้านผิวหนังส่วนมากจะแนะนำฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิคสำหรับผิวบาง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาแทรกซ้อน มีฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- Juvederm Volite ที่โดดเด่นด้วยเนื้อนุ่มบางเบา ให้ความชุ่มชื้น กระจายตัวดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Restylane Vital Light พัฒนามาเพื่อผิวบางโดยเฉพาะ ด้วยเนื้อนุ่มบางเบา ไม่เป็นก้อน ไม่บวม เหมาะสำหรับร่องตื้นและเพิ่มความชุ่มชื้น อยู่ได้ 6-8 เดือน
- Belotero Soft โดดเด่นด้วยการกระจายตัวที่สม่ำเสมอ เหมาะกับผิวบางระดับมาก ให้ผลลัพธ์ธรรมชาติ อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
วิธีเลือกยี่ห้อ/รุ่น ฟิลเลอร์ใต้ตา ให้เหมาะกับปัญหา
การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่แค่เลือกยี่ห้อดัง แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับข้อกังวลของคุณ เพราะแต่ละรุ่นถูกพัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นร่องลึก ร่องตื้น หรือถุงใต้ตา ซึ่งการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาไม่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และเลือกรุ่นที่เหมาะสม ตามหลักการทางการแพทย์
ดูจากปัญหาใต้ตา (ใต้ตาคล้ำ, ริ้วรอย, ถุงใต้ตา)
ปัญหาใต้ตาคล้ำ + ร่องตื้น
จะมีลักษณะผิวบางบริเวณใต้ตา มีรอยคล้ำที่ทำให้ใบหน้าหมอง ไม่สดใส มีร่องตื้น ๆ
แนะนำฟิลเลอร์เนื้อนุ่มพิเศษ
- Restylane Vital Light: เนื้อนุ่มที่สุด เหมาะกับผิวบางมาก เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี อยู่ได้ 6-8 เดือน
- Juvederm Volite: กระจายตัวดี เหมาะสำหรับผิวที่ขาดน้ำ ต้องการฟื้นฟู เพิ่มความยืดหยุ่นให้ความชุ่มชื้น อยู่ได้ 6-9 เดือน
- Belotero Soft: เหมาะกับผิวบางมาก ไม่เป็นก้อนอยู่ได้ 8-12 เดือน
นอกจาก 3 แบรนด์ที่แนะนำยังมีฟิลเลอร์รุ่นอื่น ๆ ที่เหมาะกับปัญหานี้ แนะนำควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสม
ร่องใต้ตาลึก + ริ้วรอย
ลักษณะร่องลึกชัดเจน มีริ้วรอย ต้องการการเติมเต็มให้ใต้ตากระชับ ปัญหาร่องลึกส่วนมากเกิดจากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนใต้ผิว รวมถึงการหย่อนคล้อยตามอายุ ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความแน่นหนาปานกลางถึงมาก ช่วยเติมเต็มร่องลึก และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
แนะนำฟิลเลอร์เนื้อเข้มข้นปานกลาง
- Juvederm Voluma: เติมปริมาตรร่องใต้ตาให้เต็มอิ่ม เรียบเนียน อยู่ได้ 18-24 เดือน
- Restylane Lyft: ยกกระชับใต้ตาให้เต่งตึง อยู่ได้ 12-18 เดือน
- Belotero Volume: กระจายตัวดี ช่วยเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน อยู่ได้ 12-18 เดือน
เนื่องจากปัญหาร่องใต้ตาลึก ทำให้ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากกว่าปกติ ควรแบ่งฉีดหลายครั้งเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์มาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
ถุงใต้ตา + หย่อนคล้อย
ลักษณะมีถุงใต้ตาชัดเจน ผิวหย่อนคล้อยต้องการการยกกระชับให้ใต้ตาดูตื้นขึ้นอย่างเหมาะสม ปัญหาถุงใต้ตาและหย่อนคล้อยส่วนมากมีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหย่อนยานตามอายุ และโครงสร้างกระดูกใต้ตาที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นมาก เพื่อปรับโครงสร้างชั้นลึก
แนะนำฟิลเลอร์เนื้อเข้มข้นพิเศษ
- Juvederm Volux: ยกกระชับถุงใต้ตาให้จางลง ลดริ้วรอยให้ใบหน้าเรียบเนียน อยู่ได้ 18-24 เดือน
- Restylane Defyne: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว อยู่ได้ 12-18 เดือน
ก่อนการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ควรตรวจประเมินโดยแพทย์ เพื่อวิเคราะห์สาเหตุ ความรุนแรง และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาจต้องใช้การรักษาอื่นร่วมด้วย เช่น กระตุ้นคอลลาเจน, ร้อยไหม หรือศัลยกรรม ในกรณีที่ปัญหารุนแรง
ผลลัพธ์ที่ต้องการ
ช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้น ทำให้ผิวใต้ตาเรียบเนียน ลดการทิ้งเงาที่ทำให้ดูคล้ำ ช่วยให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ใบหน้าสดชื่นไม่อ่อนล้า รวมถึงช่วยยกกระชับผิวบริเวณใต้ตา ลดริ้วรอย ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ เหมือนได้รับการพักผ่อนเพียงพอ
และนอกจากผลลัพธ์ภายนอก ฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยในระยะยาวด้วย
ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา
การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ควรดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะบริเวณใต้ตาเป็นจุดเสี่ยง มีผิวบางและเส้นเลือดมาก สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือความปลอดภัย โดยต้องเลือกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน FDA และเหมาะกับปัญหาของคุณ
ฟิลเลอร์แบรนด์ชั้นนำที่ได้มาตรฐานจะมีราคาเริ่มต้นที่ 12,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและปริมาณที่ใช้ รวมถึงสังเกตบรรจุภัณฑ์ เลขที่ อย. วันผลิตและหมดอายุที่สังเกตเห็นชัดเจน หากเจอราคาถูกผิดปกติควรระวัง เพราะอาจเสี่ยงต่อฟิลเลอร์ปลอมและอันตรายที่ตามมา
การเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด เพราะความเสียหายจากฟิลเลอร์ปลอมอาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดหรือเสียโฉม มาดูวิธีตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้ที่ครบถ้วนกัน ซึ่งมีเกณฑ์การตรวจสอบ ดังนี้
การตรวจสอบผลิตภัณฑ์
เริ่มจากบรรจุภัณฑ์ภายนอกที่ต้องมีระบบป้องกันการปลอมแปลงที่ได้มาตรฐาน
- ต้องมีกล่องและซีลปิดสนิทจากบริษัท
- เลข อย. ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
ซึ่งผู้อ่านขอดูบรรจุภัณฑ์จากแพทย์ก่อนทำ ตรวจสอบเลข อย. กับเว็บไซต์ที่ให้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนเข้ารับบริการ และเพื่อความสบายใจของผู้เข้ารับบริการเอง
การพิจารณาราคา
ราคาก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญของความน่าเชื่อถือ ฟิลเลอร์คุณภาพจะมีราคาที่เหมาะสม
- ฟิลเลอร์ใต้ตาของแท้เริ่มต้น 12,000 บาทขึ้นไป
- ต้องมีใบเสร็จที่ระบุรายละเอียดครบถ้วน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี ไม่ใช่ว่าราคาที่สูงกว่าจะการันตีคุณภาพเสมอไป ต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ประกอบด้วย
การตรวจสอบสถานที่
สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานต้องมีความพร้อมในทุกด้าน
- คลินิกต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีเลขอนุญาตให้เปิดสถานพยาบาล 11 หลัก
- มีห้องปลอดเชื้อได้มาตรฐาน
การเลือกแพทย์ผู้รักษา
แพทย์ที่ทำการรักษาคือกุญแจสำคัญของความปลอดภัย
- มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- เป็นแพทย์ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านฟิลเลอร์
- สามารถตรวจสอบรายชื่อกับแพทยสภา
เกณฑ์สำคัญในการเลือกคลินิกความงามให้ปลอดภัย มีดังนี้
มาตรฐานการรักษา
- ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
- ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง FDA รับรอง
- มีอุปกรณ์ทันสมัย พร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน
ทีมแพทย์ที่ทำการรักษา
- แพทย์เฉพาะทางด้านความงาม
- มีประสบการณ์และผลงานที่น่าเชื่อถือ
- อัพเดทความรู้และเทคนิคใหม่ๆ สม่ำเสมอ
- มีการวางแผนการรักษาเป็นระบบ
การบริการด้านความงาม
- ให้คำปรึกษาละเอียด ตรงไปตรงมา
- ดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
- ให้ข้อมูลครบถ้วนก่อนการรักษา
ซึ่ง RWC Clinic ของเราเป็นอีกหนึ่งคลินิกที่ตอบโจทย์ทุกมาตรฐานข้างต้น ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการนำโดย ดร.พญ.ภัทรชนน อัศววรฤทธิ์ (หมอขนม) ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมผลลัพธ์ที่ดี ให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และเทคโนโลยีทันสมัย
คลินิกของเราสามารถพิสูจน์ได้ด้วยผลลัพธ์และความประทับใจของลูกค้า เพราะเราเลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้กับผู้เข้ารับบริการทุกท่านเท่านั้น
สรุป
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี? ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล แบรนด์ฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นนำที่ได้รับการยอมรับระดับสากล มีให้เลือกหลากหลายตามคุณสมบัติเด่น ทั้ง Restylane จากสวีเดนด้วยเทคโนโลยี NASHA ให้เนื้อนุ่มกระจายตัวดี อยู่ได้ 6-18 เดือน, Juvederm จากอเมริกาใช้เทคโนโลยี VYCROSS ไม่เป็นก้อน อยู่ได้ 12-18 เดือน, Belotero จากเยอรมนีมีเทคโนโลยี CPM เหมาะกับผิวบาง อยู่ได้ 8-18 เดือน และ EPTQ จากเกาหลีด้วยเทคโนโลยี S.CODE อยู่ได้ 8-12 เดือน
การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ใต้ตาควรขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ ร่วมกับลักษณะปัญหาของผู้รับบริการเป็นหลัก ถึงจะได้ผลการทำที่ดีและปลอดภัย สำคัญที่สุดคือต้องเลือกคลินิกได้มาตรฐาน มีแพทย์เฉพาะทาง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อความปลอดภัยสูงสุด