FRACTORA คืออะไร? รวมทุกเรื่องต้องรู้ก่อนเลเซอร์รักษาหลุมสิว
FRACTORA คือ เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุแบบแฟรกชั่นนอล (Fractional radio-frequency) ช่วยรักษาปัญหาของโครงสร้างผิว เช่น รักษาหลุมสิว แผลเป็น ช่วยฟื้นฟูความตึงตัวของผิว ลดริ้วรอยแห่งวัย ฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวจากภายในสู่ภายนอก ผิวมีสุขภาพดี เหมาะสำหรับคนที่ผิวหนังหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึกและตื้นรวมไปถึงปัญหาแผลเป็นที่เกิดจากสิว ช่วยใบหน้าให้ดูอ่อนวัยลง ที่การันตีคุณภาพด้วยรางวัลยอดสั่งซื้อสูงสุด โดย Inmode ปี 2020
Fractora คืออะไร
FRACTORA เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเทคโนโลยี Fractional RF ซึ่งมีการส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุผ่าน pin fractional laser เป็นนวัตกรรมในการรักษาผิวด้วยเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยสูง และทรงประสิทธิภาพในการรักษา ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (USFDA)
FRACTORA ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่และทำให้การเรียงตัวคอลลาเจนเดิมดีขึ้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้ ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อย ริ้วรอยที่ลึกและตื้นได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งปัญหาแผลเป็นที่เกิดจากสิว ช่วยให้ดูอ่อนวัยลง
อ่านเพิ่มเติม เลเซอร์หน้าใส
การรักษาด้วยวิธีนี้ เป็นการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่าแฟรกชั่นนอล โฟโตเธอร์โมไลซิส (Fractional photothermolysis) ซึ่งรักษาผิวทีละส่วนโดยไม่มีการรบกวนเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ เนื่องจากเลเซอร์สามารถแทรกลงไปยังเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นแท้ (Dermis) โดยแพทย์สามารถเลือกได้ว่าจะรักษาครอบคลุมพื้นที่มากน้อยเพียงใด ทำให้เหมาะสำหรับผิวทุกประเภทและทุกสีผิว
การรักษาด้วยลำแสงเลเซอร์แบบแฟรกชั่นนอล เป็นการเลเซอร์หลุมสิวชนิดมีแผล เป็นเลเซอร์ที่มีเซลล์เป้าหมายเป็นน้ำ เนื่องจากเมื่อให้พลังงานแสงและแปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังงานความร้อน น้ำที่อยู่ในเซลล์เมื่อได้รับความร้อนจนอุณหภูมิสูง เนื้อเยื่อที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบจะถูกทำลายออกไป เป็นวิธีที่เห็นผลเร็วและชัดเจนกว่าแบบอื่น ๆ แต่ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ อาจเกิดการบวม อักเสบ แผลติดเชื้อ หรือเกิดรอยดำหลังเลเซอร์
การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่เจ็บปวดและไม่มีภาวะแทรกซ้อนเหมือนการรักษาด้วยเลเซอร์แบบเดิม ลำแสงเลเซอร์แบบแฟรกชั่นนอลจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างผิวหนังที่อ่อนเยาว์ เนียนและแข็งแรงกว่าเดิมขึ้นทดแทนผิวเก่าที่เสีย
หลักการทำงานของ FRACTORA จะส่งผ่านพลังงานในลักษณะ Fractional RF ลงสู่ผิว ลำแสงที่มีอนุภาคเล็กมากจะเจาะลึกลงไปใต้ผิวหนัง ก่อให้เกิดความร้อนในผิวชั้นลึก ซึ่งเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่อ่อนแอและเม็ดสีส่วนเกิน พร้อมทั้งกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวและเร่งสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ
เลเซอร์จะรักษาผิวทีละส่วนเท่านั้นจึงไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียง ทำให้หายเป็นปกติในเวลารวดเร็ว วิธีการนี้ช่วยผลัดเปลี่ยนผิวโดยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังใหม่ที่แข็งแรงค่อยๆ สร้างมาทดแทน ผลที่ได้ คือ ผิวแข็งแรงขึ้น ผิวกระชับขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ดีขึ้น กระชับรูขุมขน รอยแผลเป็นจากสิวจางลง รวมถึงผิวขาวใสขึ้น จาการที่เม็ดสีส่วนเกินถูกทำลายออกไป
- ริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา
- รอยแผลเป็นจากสิว
- แผลเป็นจากการผ่าตัด
- กระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ
- กระชับรูขุมขน ปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน
- จุดด่างดำและรอยกระที่เกิดตามวัย รอยฝ้า
- ช่วยลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผื่นผิวหนังที่เกิดจากถูกแสงแดดมาก ซึ่งจัดเป็นมะเร็งในระยะเริ่มแรก
- การฟื้นฟูผิวหน้า เพิ่มคุณภาพผิว ให้ผิวดูเด็กลง
ระหว่างทำการรักษาด้วย FRACTORA จะรู้สึกอย่างไร
ผู้ที่รักษาด้วย FRACTORA จะรู้สึกร้อนระหว่างทำการรักษา เป็นความรู้สึกถึงปฏิกิริยาความร้อนที่ส่งผ่าน FRACTORA pin ผ่านสู่ผิว แพทย์จะทายาชาลงบนผิวก่อนทำการรักษาเพื่อให้ไม่รู้สึกแสบร้อนมากนักและจะใช้ลมเย็นเป่าบริเวณที่รักษาไปด้วย หลังรักษาด้วยเลเซอร์แล้วอาจรู้สึกแสบร้อนใบหน้าเล็กน้อยคล้ายเมื่อถูกแดดเผา ซึ่งจะดีขึ้นภายใน 1–3 ชั่วโมง ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นตัวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และทำลายเซลล์ผิวที่อ่อนแอ เพื่อให้การรักษาที่ดีขึ้นต่อไป
ขั้นตอนการรักษาด้วย FRACTORA
สำหรับขั้นตอนแรกในรักษาด้วย FRACTORA คือทำความสะอาดผิวหนัง แล้วทาครีมยาชาตรงบริเวณที่จะรักษาทิ้งไว้ประมาณ 60 นาที เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ก่อนจะรักษา หากรักษาทั้งใบหน้าจะใช้เวลาประมาณ 20–25 นาที
อ่านเพิ่มเติม FRACTORA ขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
ประสิทธิภาพในการรักษาด้วยเลเซอร์หลุมสิว FRACTORA ให้ได้ผลดีนั้นต้องมีการมารักษาอย่างน้อย 4-6 ครั้ง และทิ้งช่วงการรักษาประมาณ 2-3 สัปดาห์เพื่อให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียหาย ร่วมกับการดูแลผิวหน้า หลังทำเลเซอร์ หลุมสิว ด้วย ดังนั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการดูแลหลังการรักษาด้วย FRACTORA
อาการหลังทำการรักษา
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังรับการรักษาด้วย FRACTORA อาจรู้สึกแสบเหมือนเวลาผิวไหม้ เพราะถูกแดดเผา ผิวจะเริ่มมีสีเข้มขึ้นออกเป็นสีน้ำตาลในช่วง 1–2 สัปดาห์หลังรับการรักษา และจะมีอาการดังกล่าวอีกครั้งเมื่อมารักษาด้วยเลเซอร์ซ้ำ
- อาการบวม – ปกติผิวมักบวมอยู่ 2–3 วัน วันแรกหลังจากรักษาด้วย FRACTORA จะบวมมากที่สุดโดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา คืนแรกควรนอนยกศีรษะให้สูง ควรประคบเย็นบริเวณที่รักษา 5–10 นาทีทุกชั่วโมงระหว่าง 1–2 วันแรกหลังรักษา
- ผิวแดง – คุณสามารถใช้เครื่องสำอางกลบเกลื่อนสีผิวที่แดงขึ้นได้ทันทีหลังรับการรักษาด้วย FRACTORA ผิวอาจแดงอยู่นานถึงหนึ่งสัปดาห์
- ผิวแห้ง – การรักษาด้วยวิธีนี้มักทำให้ผิวแห้งและลอก ซึ่งอาการมักหายไปภายในหนึ่งสัปดาห์ ควรทาครีมหรือโลชั่นเพื่อช่วยให้ผิวไม่แห้งจนเกินไป
หากผิวถลอกเป็นแผลหลังรักษาด้วย FRACTORA ให้ทาครีมหรือโลชั่นเพื่อทำให้ผิวบริเวณนั้นชุ่มชื้น ไม่จำเป็นต้องติดพลาสเตอร์บริเวณแผล แต่ต้องหมั่นทาครีมให้ผิวชื้น อย่าแกะแผล แผลจะหายไปเองในเวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม หลังรักษาด้วย FRACTORA มีโอกาสที่ผิวจะอักเสบ สีเข้มขึ้นหรือเกิดรอยแผลเป็นบ้างแต่น้อยมาก ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์นี้จะรุนแรงหรือไม่และเกิดนานเท่าไรขึ้นอยู่กับว่าการรักษาใช้คลื่นแรงเพียงใดและปกติร่างกายฟื้นตัวเร็วเพียงใดเมื่อมีแผล แพทย์ผู้รักษาจะอธิบายถึงอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังรักษาด้วย FRACTORA และให้คำแนะนำว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้มีปัญหาน้อยที่สุด
การดูแลภายหลังการรักษา
หลังการรักษาด้วย FRACTORA ควรทาครีมบำรุงผิว (Moisturizer) และครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อป้องกันผิวใหม่ถูกทำลายจากการสัมผัสแสงUV โดยเซลล์ผิวเก่าที่ยังไม่ถูกผลักให้ลอกหลุดไปนั้นจะปรากฏภายหลังการรักษา 1-3 วัน และจะหลุดออกเองตามธรรมชาติ ภายใน 3-7 วัน ภายหลังการรักษา
ความถี่ของการรักษาด้วย FRACTORA โดยทั่วไปแล้วหากจะให้ได้ผลดีที่สุดควรรักษา 4–6 ครั้ง โดยเว้นระยะครั้งละ 2–4 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล หรือแพทย์จะพิจารณาสภาพผิว จากนั้นจึงทำการนัดเวลารักษาตามความเหมาะสม ซึ่งอาจทิ้งระยะห่างมากกว่านั้นก็ได้
การรักษาด้วย FRACTORA วิธีนี้สามารถเห็นผลทันที และจะเห็นพัฒนาการเมื่อเวลาผ่านไป โดยจะเห็นผลได้ชัดเจนใน 2–3 เดือน วิธีการรักษาและการทิ้งช่วงเวลาเช่นนี้ จะเปิดโอกาสให้ผิวหายเป็นปกติ และร่างกายได้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียหาย
รักษาด้วย FRACTORA ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
หลังรักษาด้วย FRACTORA แล้วผิวจะดีอยู่นานเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลเอาใจใส่ หลังรับการรักษาแล้วควรปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการดูแลหลังการรักษาด้วย FRACTORA ที่กล่าวถึงไว้ก่อนหน้านี้ โดยปกติแพทย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะกับผิวของแต่ละบุคคล
ข้อควรระวังในการรักษา FRACTORA
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ เช่น Peacemaker หรือ ใส่ intetnal defibrillator หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย
- ผู้ที่ผ่าตัดใส่โลหะ เช่น metal plates, Screws หรือ silicon ในร่างกาย
- ผู้ที่ทำหัตถการฉีดมาก่อนหน้านี้ ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง หรือ มีประวัติเคยรักษามะเร็งผิวหนัง หรือ มีpre-maligmant moles
- ผู้ที่ป่วยภาวะโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ
RWC สามารถให้บริการ Fractora แก่ผู้ที่มีการฝังโลหะในร่างกายได้ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์โดยละเอียดก่อนเข้ารับการรักษาทุกครั้งนะคะ
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่ป่วยภาวะของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น HIV
- ผู้ที่มีภาวะของโรคที่สามารถกระตุ้นด้วยความร้อน เช่น herpes simplex อาจต้องใช่ยากลุ่ม prophylactic
- ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้
- ผู้ที่มีภาวะ active skin เช่น แผลกดทับ สะเก็ดเงิน ผื่น กลาก
- ผู้ที่มีประวัติของ skin disorder เช่น การเกิด keloid ความผิดปกติของการซ่อมแซมผิว ผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวบาง
- ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และหากมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ต้องหยุดใช้ยา 10 วันก่อนทำการรักษา
- ผู้ที่มีการผ่าตัดบริเวณใบหน้า น้อยกว่า 1 ปีก่อนทำการรักษา
- ผู้ที่มีการผลัดผิวหน้า เช่น facial dermabration, facial resurfacing หรือ Deep chemical peeling น้อยกว่า 3 เดือนก่อนทำการรักษา
- ผู้ที่เคยรักษาด้วย IPL laser หรือ RF ควรเว้นระยะห่างก่อนทำการรักษาอย่างน้อย 6 สัปดาห์
- ผู้ที่ทานยา Isotretinoin ควรหยุดยาอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนทำการรักษา
- ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAIDS เช่น ibuprofen ควรหยุดยาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำการรักษา
- ห้ามทำการรักษาบริเวณรอยสัก หรือ บริเวณที่สักคิ้ว ขอบตา ริมฝีปากถาวร
- ห้ามทำการรักษาบริเวณขอบไรผม
- ผู้ป่วยที่มี skin type VI และผู้ที่มีผิวสีแทนจาการอาบแดด ใช้ยาทำสีผิวแทน และ ใช้ tanning bed ควรเว้นระยะห่างการทำการรักษา 2 สัปดาห์
รู้จักหลุมสิวทั้ง 3 ระดับ โดยทั้งหมดมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน
- ระดับ Rolling scar เป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ
- ระดับ Box scar มีลักษณะเป็นบ่อ กินความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น
- ระดับ Ice pick scar เป็นหลุมลึก มีปากแคบ รักษาได้ยาก
อ่านเพิ่มเติม เจาะลึกปัญหาหลุมสิว
เนื่องจากการรักษาหลุมสิวด้วย FRACTORA ที่เป็นการเลเซอร์หลุมสิวแบบมีแผล จึงสามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกระดับ แต่จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนในหลุมสิวระดับ Rolling Scar และ Box Scar ที่มีระดับความลึกไม่มาก ไม่ถึงชั้นระดับรูขุมขน แต่การจะรักษาหลุมสิวในระดับ Ice pick Scar นั้นอาจต้องเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพราะเป็นหลุมสิวที่มีขนาดลึกมากที่สุด กัดกินเข้าไปถึงรูขุมขน และมีพังผืด อาจต้องมีการเลาะพังผืดภายใต้ชั้นผิวออก ก่อนเข้ารับการเลเซอร์หลุมสิว FRACTORA ซึ่งทำได้แค่ทำให้หลุมสิวนั้นตื้นขึ้นเท่านั้น
อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังการรักษา
สำหรับอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังการรักษา ผู้เข้ารับบริการต้องเข้าใจถึงคำแนะนำก่อนและหลังการรักษาด้วย FRACTORA รวมถึงความรู้สึกขณะทำการรักษาด้วย FRACTORA อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจตรงกัน
- อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น หลังการรักษาด้วย FRACTORA อาการ Erythem การแดงขึ้นเรื่อย ๆ น้อยกว่า 24 ชั่วโมง อาการบวม 2-3 วัน อาจพบจุดแดงปรากฏประมาณ 1-3 วัน หลังการรักษา วันที่4 หลังการรักษา อาจพบผิวลอกเป็นขรุย ซึ่งจะหลุดออกไปภายใน 1-3 สัปดาห์
- อาการบวมหลังการรักษาด้วย FRACTORA ในบางราย อาจพบได้ 2-3 สัปดาห์
- อาการเจ็บจะคงอยู่ประมาณ 1-2 ชัวโมง หลังการรักษาด้วย FRACTORA
- อาจพบสะเก็ดละเอียดขนาดเล็ก คงอยู่บริเวณผิวที่ทำการรักษาด้วย FRACTORA หลังการรักษา 7-10 วัน
- อาการบวมอาจคงอยู่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ ในกรณีที่ใช้ Tulmescent
- กระบวนการซ่อมแซมผิวใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังทำการรักษาด้วย FRACTORA นั้นแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล
- ผลการยกกระชับหลังจากการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจน จะให้ผลสูงสุดหลังการรักษาด้วย FRACTORA 6-12 สัปดาห์
อ่านเพิ่มเติม การดูแลหลังทำเลเซอร์หลุมสิว ด้วย FRACTORA
การดูแลผิวหน้าหลังทำเลเซอร์
ในช่วงแรกหลังทำเลเซอร์หลุมสิว จะรู้สึกแสบร้อนเหมือนโดนแดดเผาไหม้ใบหน้า สีผิวจะดูเข้มขึ้นเล็กน้อยและมีแผลเป็น ใบหน้ามีรอยลอกเพราะขาดความชุ่มชื้น
แนะนำ ห้ามแกะหรือลอกผิวหนังบริเวณนั้น ๆ ออกโดยเด็ดขาด เพราะผลข้างเคียงดังกล่าวนั้นจะอยู่กับเราไม่นาน ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาผิวหน้าของเราต้องใช้คลื่นแรงเพียงใดและร่างกายสามารถฟื้นฟูตัวเองได้เร็วเพียงใดเมื่อเกิดแผล ดังนั้น ควรดูแลผิวหน้าให้ดี ดังนี้
- ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเพื่อป้องกันผิวหน้าจากแสงแดด
- หลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะผิวหน้าหลังการทำเลเซอร์จะบางลงและอ่อนไหวอย่างมาก การทำให้ผิวหน้าที่เพิ่งฟื้นฟูจากการทำเลเซอร์โดนแสงแดดเป็นการทำร้ายผิวหน้า และทำให้การทำเลเซอร์ของเราเสื่อมประสิทธิภาพ
2. Fractora รักษาหลุมสิวได้ลึกไหม?
Fractora สามารถรักษาหลุมสิวได้ทุกระดับ แต่จะเห็นผลชัดเจนกับหลุมสิวระดับ Rolling Scar และ Box Scar ที่ไม่ลึกมาก ไม่ถึงระดับรูขุมขน ส่วนหลุมสิวลึกที่สุดอย่าง Ice Pick Scar อาจต้องรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งจึงจะเห็นผล
3. อาการข้างเคียงหลังทำมีอะไรบ้าง?
สำหรับอาการข้างเคียงที่อาจพบได้หลังการรักษาด้วย Fractora มีดังนี้
- ผิวแดงขึ้นเรื่อย ๆ (Erythem) ภายใน 24 ชั่วโมง
- บวมนาน 2-3 วัน
- มีจุดแดงปรากฏ 1-3 วันหลังรักษา
- ผิวลอกเป็นขุย ในวันที่ 4 และจะหลุดออกไปเองภายใน 1-3 สัปดาห์
การรักษาหลุมสิวด้วย Fractora ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดี แทบไม่เจ็บ และมีอาการข้างเคียงน้อย แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมก่อนตัดสินใจรักษานะคะ
สรุป
Fractora เป็นการรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็นต่าง ๆ โดยแพทย์ ด้วยการใช้คลื่นความถี่วิทยุ Fractional RF ช่วยรักษาปัญหาโครงสร้างผิวจากภายใน ส่งผ่านพลังงานคลื่นความถี่วิทยุผ่าน pin เข้าไปกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยฟื้นฟูความตึงตัวของผิว ลดริ้วรอยแห่งวัย ฟื้นฟูความแข็งแรงของโครงสร้างผิวจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวมีสุขภาพดี หลุมสิวดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic
