การดูแลตัวเอง หลังฉีดฟิลเลอร์ | คำแนะนำสำคัญที่ควรทราบ

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าการดูแลตัวเอง หลังฉีดฟิลเลอร์ นั้นสำคัญไม่แพ้การเลือกแพทย์และคลินิกที่ไว้ใจได้ เพราะการดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้

ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังฉีดและผลข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์

อาการที่พบได้ทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์

แม้การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและฟื้นตัวได้เร็ว อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาผู้เข้ารับบริการควรทราบว่าอาจพบอาการข้างเคียงบางประการ ซึ่งถือเป็นกระบวนการฟื้นตัวตามปกติของร่างกาย โดยอาการเหล่านี้มักหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่วันถึงสัปดาห์

อาการที่พบได้ทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์

อาการที่พบได้ทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

  • อาการบวม: จะเกิดขึ้นทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์และคงอยู่ 3-7 วัน โดยจะมีอาการมากที่สุดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
  • รอยช้ำเขียว: อาจพบได้บริเวณจุดฉีด มักหายภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยรอยช้ำอาจมีสีที่เปลี่ยนไปตามระยะเวลา เริ่มจากสีแดง ม่วง เขียว และเหลืองก่อนจะจางหายไป
  • ความรู้สึกไม่สบาย: อาจรู้สึกตึง เจ็บเล็กน้อย หรือสัมผัสได้ถึงตัวฟิลเลอร์ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ 
  • ผิวแดงและรู้สึกร้อน: บริเวณที่ได้รับการฉีดอาจมีอาการแดงและรู้สึกร้อนในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรก เนื่องจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการบาดเจ็บ
  • จุดฉีดอาจมีรอยเข็ม: อาจสังเกตเห็นรอยเข็มเล็ก ๆ บริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปภายใน 1-2 วัน 
  • อาการคัน: บางรายอาจมีอาการคันบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหายของแผล มักพบในช่วง 3-7 วันแรกและจะค่อย ๆ ดีขึ้น

อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน? พร้อมแชร์วิธียืดอายุฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น

คำแนะนำสำหรับ 24 ชั่วโมงแรก

สำหรับการดูแลตัวเองในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์การรักษาและการลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากเป็นช่วงที่เนื้อเยื่อมีการตอบสนองต่อการบาดเจ็บมากที่สุด การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

คำแนะนำสำหรับ 24 ชั่วโมงแรก

คำแนะนำสำหรับ 24 ชั่วโมงแรก ควรปฏิบัติดังนี้

  • ประคบเย็น: ใช้ถุงน้ำแข็งหรือเจลเย็นประคบครั้งละ 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมและช้ำ โดยควรห่อผ้าหรือผ้าเช็ดหน้าบางๆ ก่อนประคบเพื่อป้องกันผิวหนังถูกความเย็นโดยตรง
  • นอนศีรษะสูง: ใช้หมอน 2 ใบรองศีรษะเพื่อลดการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง ควรรักษาท่านี้แม้ในขณะพักผ่อนระหว่างวัน 
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด : เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • งดการออกกำลังกายหนักและกิจกรรมที่ต้องก้มหน้านานๆ : เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบวมมากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์: เพราะอาจทำให้เกิดการบวมมากขึ้นและเพิ่มโอกาสการเกิดรอยช้ำ
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือแช่น้ำร้อน: ความร้อนอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มอาการบวม
  • งดการแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด: เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง: ควรใช้ครีมกันแดดและสวมหมวกหากจำเป็นต้องออกแดด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: เพื่อช่วยในการขับของเสียและลดอาการบวม
  • สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดรุนแรง บวมมาก หรือมีไข้ ควรรีบติดต่อแพทย์ผู้ทำการรักษาทันที

การดูแลตัวเองในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก

หลังจากผ่านช่วง 24 ชั่วโมงแรกไปแล้ว การดูแลตัวเองในช่วง 1-2 สัปดาห์ต่อมาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ฟิลเลอร์กำลังเข้าที่และผสานกับเนื้อเยื่อ การปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและยาวนาน อีกทั้งยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง

การดูแลตัวเองในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก

การดูแลตัวเองในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

  • ทำความสะอาดผิวหน้า: ควรทำความสะอาดใบหน้าแบบเบาๆ ด้วยคลีนเซอร์อ่อนๆ หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูแรงๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับการฉีด
  • งดการแต่งหน้า : และเมื่อแต่งหน้าควรทาเบาๆ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สะอาด ไม่หมดอายุ และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  • หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อน: เนื่องจากความร้อนอาจทำให้เกิดการบวมและส่งผลต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์
  • ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน: และทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการเกิดรอยดำ
  • งดการทำทรีทเมนต์ใบหน้าอื่นๆ : เช่น เลเซอร์ อัลตร้าซาวด์ หรือการร้อยไหม จนกว่าแพทย์จะอนุญาต
  • ระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว : โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารที่ทำให้ผิวหนังลอก เช่น AHA, BHA, เรตินอล ในช่วงสัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือกดทับบริเวณที่ฉีด : แนะนำให้นอนหงายและใช้หมอนนุ่ม ๆ เพื่อลดการนอนกดทับบริเวณที่ฉีด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ : อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเร่งการฟื้นฟู
  • สังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างต่อเนื่อง : หากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาทันที

สัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ในบางกรณี การสังเกตอาการผิดปกติและรีบพบแพทย์เมื่อมีสัญญาณอันตรายเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้เข้ารับการรักษาควรมีช่องทางติดต่อแพทย์ผู้ทำการรักษาในกรณีฉุกเฉิน

สัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์

สัญญาณอันตรายที่ต้องพบแพทย์ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันทีหากพบอาการต่อไปนี้

  • ปวดรุนแรงผิดปกติ โดยเฉพาะอาการปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หรือปวดจนรบกวนการนอนหลับ
  • บวมมากผิดปกติหรือบวมไม่ยุบหลัง 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากบวมไม่สมมาตรหรือบวมลามบริเวณกว้าง
  • ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีขาวซีดหรือคล้ำผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการอุดตันของหลอดเลือด
  • มีไข้ หรือบริเวณที่ฉีดมีอาการร้อนผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
  • เกิดตุ่มหนอง หรือมีหนองไหล รวมถึงมีอาการบวมแดงร่วมกับมีหนอง
  • มีอาการชา หรือความรู้สึกสัมผัสที่ผิดปกติบริเวณที่ฉีดหรือบริเวณใกล้เคียง
  • เกิดจุดด่างขาวหรือรอยจ้ำสีม่วงคล้ำที่ขยายวงกว้างขึ้น
  • มีอาการปวดตุบ ๆ หรือรู้สึกเป็นจังหวะตามชีพจร
  • เกิดตุ่มนูนแดงหรือผื่นลักษณะคล้ายลมพิษ
  • มีอาการคันรุนแรงหรือแสบร้อนผิดปกติ โดยเฉพาะหากอาการเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ

การสังเกตอาการผิดปกติและรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อมีสัญญาณอันตรายเหล่านี้จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: หลังฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่? 

A: ผลลัพธ์เบื้องต้นจะเห็นทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะเห็นหลังจากอาการบวมยุบตัวหมด ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ในช่วงแรกอาจดูว่าได้ปริมาณมากเกินไป แต่เมื่อหายบวมแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

Q: ควรนัดติดตามผลเมื่อไหร่? 

A: โดยทั่วไปแพทย์จะนัดติดตามผลหลังฉีด 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และความจำเป็นในการฉีดเพิ่มเติม การมาตามนัดมีความสำคัญเพื่อให้แพทย์ได้ติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด

Q: ฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่?

 A: ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และตำแหน่งที่ฉีด โดยทั่วไปอยู่ได้ 9-18 เดือน บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ริมฝีปาก มักจะสลายเร็วกว่าบริเวณที่เคลื่อนไหวน้อย

Q: ต้องงดอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรบ้าง? 

A: ควรงดแอลกอฮอล์และอาหารเสริมที่มีฤทธิ์บางอย่าง เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี หรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังฉีด

Q: สามารถทำทรีทเมนต์อื่นได้เมื่อไหร่? 

A: ควรรอประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ก่อนทำทรีทเมนต์อื่น เช่น เลเซอร์ อัลตร้าซาวด์ หรือการร้อยไหม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

สรุป 

การดูแลตัวเอง หลังฉีดฟิลเลอร์ อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และหากมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องและการป้องกันแสงแดดจะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ได้ นอกจากนี้ การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาประสบความสำเร็จและปลอดภัยในระยะยาว

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า