ปัญหาใหญ่ที่กวนใจใครหลาย ๆ คน หลุมสิวเกิดง่ายแต่หายยาก ปัญหาหลุมสิว บ้างลุกลามไปถึงผิวลึกลงไปจนอาจถึงเนื้อใน ทำให้เนื้อเกิดเป็นหลุม กว่าจะรักษาให้หายดีได้ ต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดี เพราะหากใจร้อนหรือเร่งรีบจนเกินไปอาจเกิดการทำร้ายผิวได้
สารบัญ
- หลุมสิวคืออะไร
- หลุมสิวเกิดจาก
- 3 ระดับความรุนแรงของหลุมสิว
- 5 วิธีรักษาหลุมสิว
- ข้อควรระวังเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิว
- แก้ปัญหาหลุมสิวด้วยโปรแกรม Fractora
มารู้จักนวัตกรรมรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด ได้ที่นี่
หลุมสิวคืออะไร
หลุมสิว คือ สิวอักเสบ สิวหัวช้าง ทำให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย และถึงสิวอักเสบจะหายแล้ว แต่มันก็จะกลายเป็นแผลเป็น ทำให้เกิดพังผืดมารั้งผิวหนังไว้จนทำให้กลายเป็นหลุมสิว
หลุมสิวเกิดจาก
- สิวหัวช้างเม็ดโต
- ผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม
- สิวอักเสบรุนแรง
สิวเหล่านี้ถ้าขึ้นมานาน หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณนั้น ๆ เกิดเป็นหนอง เป็นโพรงขึ้นมา ถ้าหากรักษาผิดวิธี อาทิ หลายคนชอบไปบีบ แคะ แกะ เกา บ้างปล่อยให้หายเอง จนเป็นแผล ผิวก็จะยุบตัวลง ทำให้คอลลาเจนภายในผิวลดลง จนกลายเป็นพังผืดขึ้นมาใต้รอยแผล กลายเป็นหลุมสิว
ระดับความรุนแรงของหลุมสิว
- ระดับ Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด) หลุมสิวระดับนี้จะเป็นหลุมลึก มีปากแคบ รักษาได้ยากมาก เพราะแนวหลุมเป็นไปในทางลึก กว่าผิวจะฟื้นฟูจนเต็มคงต้องใช้เวลานานในการรักษา ซึ่งหลุมระดับนี้ใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่ แต่ทำได้แค่ช่วยให้รอยมันตื้นขึ้นมาเท่านั้น
- ระดับ Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นบ่อ มีขอบชัดเจนและมีขอบกว้างกว่าระดับ Ice pick scar แต่จะมีความตื้นกว่า เพราะมันจะกินความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่ได้กินไปจนถึงชั้นรูขุมขน หลุมสิวระดับนี้ รักษาหลุมสิว นั้นสามารถใช้วิธีการทายาทา ควบคู่ไปกับการทำทรีตเมนต์ เลเซอร์ ซึ่งรอยหลุมอาจจะเหลือร่องรอยจุดด่างดำอยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างจะให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจหลังการรักษา
- ระดับ Rolling scar (ระดับทั่วไป) หลุมสิวระดับนี้เป็นลักษณะแบบตื้น ๆ เป็นแบบเว้าลงไป กินพื้นที่แค่ส่วนบนของผิวเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลุมระดับนี้มักจะเกิดจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมาก และสามารถรักษาหลุมสิว ได้ง่ายกว่าระดับอื่น ๆ
วิธีรักษาหลุมสิว
บอกลาปัญหาหลุมสิวกวนใจด้วย 5 วิธีการรักษา ดังนี้
-
ทาครีมที่มีส่วนผสมธรรมชาติ
หากใครที่อยากรักษาหลุมสิว แต่ก็กลัวการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้หน้าพังกว่าเดิม ให้เริ่มจากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติค่ะ หรือจะใช้เป็นสูตร DIY ที่นำวัตถุดิบธรรมชาติแต่ละอย่างมาใช้โดยเฉพาะ ส่วนผสมธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ ที่มีสาร Aloctin A มาช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ จึงทำให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น
-
ทาครีมที่มีส่วนผสมเคมี
หากลองวิธีรักษาตามธรรมชาติแล้วหายช้า ลองมาใช้ครีมที่มีส่วนผสมเคมีอย่าง Retin-A เพราะใช้แล้วจะช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้นั่นเอง แต่ครีมที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามินเออย่าง Retin-A อาจจะค่อนข้างออกฤทธิ์แรงกับผิวหน้า แต่ในระหว่างที่ทา ก็ควรหลีกเลี่ยงแสง
3. ผลัดเซลล์ผิว
นอกจากการใช้ครีมช่วยในการรักษาหลุมสิวแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องผลัดเซลล์ผิวด้วยเช่นกัน เพราะการผลัดเซลล์ผิว จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก ทำให้เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้นได้นั่นเอง อาจจะลองใช้เป็นโทนเนอร์ ครีม หรือมาส์กหน้า ที่มีคุณสมบัติช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และใช้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้เช่นกัน
-
ฉีดฟิลเลอร์
อีกหนึ่งวิธีที่ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) นั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกแทน “สารเติมเต็ม” โดยสารที่นิยมนำมาใช้กันมากก็คือ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ส่วนใหญ่แล้วการ รักษาหลุมสิว ด้วยวิธีนี้จะค่อนข้างได้ผลประมาณ 30-70% เลยทีเดียว เพราะมันเป็นการฉีดสารเข้าไปเพื่อเติมเต็มรอยหลุมในทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้ร่างกายสร้างเนื้อขึ้นมาเอง
การรักษาวิธีนี้จะใช้กับหลุมสิวประเภท Rolling scar เพราะไม่มีพังผืดเกาะที่หลุมวิธีนี้ใช้กับหลุมสิวที่มีพังผืดเกาะไม่ได้ผล เพราะพังผืดเป็นตัวกั้นการสร้างคอลลาเจน
5.เลเซอร์หลุมสิว
สำหรับคนที่รู้สึกว่าการใช้ครีมและผลัดเซลล์ผิวแล้วหลุมสิวหายช้าไป การเลเซอร์ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยรักษาหลุมสิวได้เร็วขึ้น ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ เช่น
- Cool Touch Laser: ยิงเลเซอร์ไปที่ผิวชั้นกลางเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับหลุมสิวแบบ Rolling Scar ไม่ค่อยเจ็บเพราะมีการทายาชา ทำ 5-7 ครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์จึงเห็นผล
- Laser Fraxel: ใช้แสงเลเซอร์กระตุ้นให้เซลล์ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่และผลัดเซลล์ผิว ค่อนข้างเจ็บและต้องหลีกเลี่ยงแดดหลังทำ ควรทำ 4-5 ครั้ง เดือนละครั้งเพื่อป้องกันผิวอักเสบ
- Laser Fractional CO2: เลเซอร์ที่รุนแรงและให้ผลลัพธ์ดีที่สุด สามารถตัดพังผืดแนวดิ่ง แต่ก็ทำลายผิวชั้นบนมากเช่นกัน ต้องเตรียมใจพักฟื้นนานกว่าผิวจะสร้างใหม่ ได้ผลถึง 70% ควรทำ 4 ครั้ง เดือนละครั้ง ระหว่างนั้นต้องหลีกเลี่ยงแดดเพื่อไม่ให้ผิวคล้ำเป็นรอย
- Intense Pulsed Light (IPL): ใช้แสงหลายความยาวคลื่นกระตุ้นคอลลาเจนบริเวณหลุมสิว เหมาะสำหรับหลุมสิวทั่วไป (Rolling Scar) แต่ไม่ค่อยได้ผลกับแบบอื่น ทำ 4 ครั้ง ห่างกันเดือนละครั้ง อาจมีผลข้างเคียงอย่างผิวแดง คล้ำ และเป็นสะเก็ด ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะพลังงานแสงที่ไม่พอดีจะทำให้เกิดรอยไหม้หรือรักษาไม่ได้ผล
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิว
- ใช้ครีมกันแดดทุกวันเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรด AHA เพราะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด
- อย่าใช้กรด AHA ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบางลง หากระคายเคืองหรือเป็นผื่น ให้หยุดใช้ทันที
- ล้างสมุนไพรให้สะอาดทุกครั้งก่อนนำมาใช้กับผิวหน้า เพื่อป้องกันการระคายเคืองจากน้ำยางในสมุนไพรบางชนิด
ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนในการรักษาหลุมสิว ควรศึกษาให้ดีและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลดีที่สุดค่ะ
แก้ปัญหาหลุมสิวด้วยโปรแกรม Fractora
Fractora เครื่องรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดในตอนนี้ โปรแกรมรักษาหลุมสิว ด้วย Fractora เป็นการใช้เทคโนโลยีในกลุ่มที่ ใช้พลังงานความถี่วิทยุ (Radio frequency) ความถี่ 1 MHz โดยหลักการทำงานของเครื่อง คือการปล่อยความร้อน (อุณหภูมิ 40-100 องศา) จากพลังงานความถี่วิทยุ แบบ 2 ขั้ว (Biporlar) ส่งพลังงานผ่านเข็มขนาดเล็ก (Pin) ลงไปใต้ชั้นผิวหนังแท้ แบบ Fractional
กระบวนการ Ablation ร่วมกับกระบวนการ Coagulation และกระบวนการ Sub-necrotic heating ก่อให้เกิดกระบวนการการผลัดผิวชั้นบนแบบมีแผล และยังคงกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นมาใหม่
ทำให้การจัดเรียงตัวของคอลลาเจนเดิมดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น ริ้วรอยเหี่ยวย่นจางลง รวมถึงปัญหาแผลเป็นหรือแผลหลุมสิวนั้นดีขึ้น จึงเป็นการรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดในขณะนี้
สรุป
ปัญหาหลุมสิว นั้นเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการแกะ แคะ เกา หรือการบีบสิวด้วยมือที่สกปรก จนทำให้เกิดเป็นหลุม เป็นแผล และวิธีการรักษาก็มีหลายวิธีเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและความพึงพอใจในการเลือกการรักษา แต่สำคัญที่สุดคือ ต้องใจเย็น รักษาแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วผลลัพธ์ที่ได้จะออกมาดี หากใจร้อนหรือเร่งรีบเกินไปอาจเกิดการทำร้ายผิวให้เสียหายหนักกว่าเดิม