ปัญหารอบดวงตาเป็นหนึ่งในความกังวลด้านความงามที่พบเห็นได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ผิวใต้ตาดำคล้ำ หรือถุงใต้ตา ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย ขาดความสดใส และดูมีอายุมากกว่าที่เป็นจริง หลายคนจึงหันมาสนใจการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คำถามที่พบบ่อยคือ ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน? บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจ พร้อมคำแนะนำการดูแลหลังการฉีดเพื่อยืดอายุยาให้อยู่ได้นานขึ้น
1. ชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้
ฟิลเลอร์ที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันเป็นสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งมีหลายยี่ห้อและหลายรุ่นให้เลือกใช้ แต่ละรุ่นจะมีลักษณะเนื้อที่แตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีการผลิตและจุดประสงค์ในการใช้งาน ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมีดังนี้
Restylane (สวีเดน)
- Restylane Classic – อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งปานกลาง
- Restylane Vital Light – อยู่ได้นาน 6-12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์มีอนุภาคขนาดเล็กและอ่อนนุ่ม
- Restylane Lyft – อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งและคงตัวสูง
- Restylane Defyne – อยู่ได้นาน 18 เดือน มีความยืดหยุ่นสูง
Juvederm (อเมริกา)
- Juvederm Ultra Plus – อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์นิ่มและฟู
- Juvederm Volite – อยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด เพิ่มความชุ่มชื้น
- Juvederm Voluma – อยู่ได้ประมาณ 18 เดือน เนื้อฟิลเลอร์แข็ง มีความยืดหยุ่นสูง
2. ตำแหน่งและชั้นผิวที่ฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ที่ฉีดในชั้นผิวที่ลึกจะสลายตัวช้ากว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดในผิวชั้นตื้น เนื่องจากผิวชั้นลึกมีการไหลเวียนของเลือดและการเผาผลาญที่น้อยกว่า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ต้องฉีดฟิลเลอร์ในชั้นชิดกระดูก จะอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดในผิวชั้นตื้น
3. การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
การดูแลผิวหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความสำคัญมากต่อระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ การหลีกเลี่ยงความร้อน การงดนวดหรือกดทับบริเวณที่ฉีด จะช่วยยืดอายุฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น
4. ระบบเผาผลาญของร่างกาย
แต่ละคนมีระบบเผาผลาญที่แตกต่างกัน บางคนมีการเผาผลาญที่เร็วกว่า ทำให้ฟิลเลอร์ถูกสลายเร็วขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องฮอร์โมน การไหลเวียนของเลือด และระบบภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันในแต่ละคนก็ส่งผลต่ออายุของฟิลเลอร์เช่นกัน จึงอาจพบว่าบางคนฉีดฟิลเลอร์แล้วอยู่ได้นานกว่าคนอื่น แม้จะใช้ฟิลเลอร์ชนิดเดียวกันก็ตาม
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอยู่ได้ถาวรจริงหรือไม่?
ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร เพราะฟิลเลอร์แท้ที่เป็นสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะถูกร่างกายค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ หากมีการโฆษณาว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอยู่ได้ถาวร สารที่ใช้อาจไม่ใช่ Hyaluronic Acid แต่เป็นสารในกลุ่มซิลิโคนเหลว ซึ่ง อย. จัดให้อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์ปลอม ไม่ปลอดภัย และห้ามใช้
- งดสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีด ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อให้ฟิลเลอร์มีเวลาเซตตัว
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น แสงแดด อากาศร้อนจัด การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น การซาวหน้า เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูและคงสภาพได้ดีขึ้น
- ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA หรือวิตามินซีในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- นอนหนุนหมอนสูง และไม่นอนตะแคงในช่วง 2-3 คืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับและลดอาการบวม
- การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ สารเคมีในแอลกอฮอล์และบุหรี่สามารถทำลายฟิลเลอร์และทำให้สลายตัวเร็วขึ้น ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 14 วันหลังฉีด
- การรับประทานอาหารรสจัด อาหารเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด อาหารหมักดอง และอาหารดิบ อาจทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคือง
- การทำหัตถการที่ใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์ผิว Hifu, Ulthera, Thermage ควรงดอย่างน้อย 1 เดือน
- การทำสปาหรือนวดหน้า ควรงดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- การเกา สัมผัส ขยี้ หรือหยีตาบ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 วันแรก
บทสรุป
ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้แค่ไหน โดยเฉลี่ยประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ ตำแหน่งและชั้นผิวที่ฉีด การดูแลตัวเองหลังฉีด และระบบเผาผลาญของแต่ละบุคคล ฟิลเลอร์ที่ฉีดในชั้นลึกและมีความหนาแน่นสูงจะอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ในขณะที่ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่ฉีดในชั้นตื้นอาจอยู่ได้เพียง 6-12 เดือน
สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้อยู่ได้นานที่สุด ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาของตนเอง ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังฉีด และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกคนควรตระหนักว่าฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร และควรฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด