ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน? พร้อมแชร์วิธียืดอายุฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น

ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน

ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาใต้ตาด้วยฟิลเลอร์มือใหม่อาจจะยังไม่รู้ว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน แม้ว่าฟิลเลอร์จะเป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่หลายคนอาจยังกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาที่ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ และวิธีการดูแลเพื่อยืดอายุยา ซึ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุยาของฟิลเลอร์ รวมถึงเทคนิคการดูแลที่ถูกต้อง จะช่วยให้สามารถรักษาผลลัพธ์ที่สวยงามได้ยาวนานขึ้น และคุ้มค่ากับการลงทุน

บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับระยะเวลาที่ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน พร้อมเคล็ดลับการดูแลและเทคนิคการยืดอายุของฟิลเลอร์ เพื่อให้สามารถรักษาผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ได้ยาวนานขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าผลลัพธ์จะจางหายเร็วเกินไป

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร

ในยุคที่การดูแลความงามไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอยด้วยฟิลเลอร์กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วและฟื้นตัวไว แต่ก่อนจะตัดสินใจทำ มาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ใต้ตาให้มากขึ้นกันก่อน

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ เข้าไปในชั้นผิวบริเวณใต้ตา สารชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำได้ดี สามารถเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อของร่างกาย และมีความปลอดภัยสูง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะช่วยได้หลากหลาย ดังนี้

ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเรื่องอะไรบ้าง
  • เติมเต็มร่องลึกใต้ตาที่เกิดจากถุงไขมันยุบตัว
  • ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา
  • ปรับแต่งรูปทรงให้ดูอ่อนเยาว์
  • แก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตา ถุงใต้ตา
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณรอบดวงตา

ระยะเวลาการอยู่ของฟิลเลอร์ใต้ตา

หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ผู้สนใจทำฟิลเลอร์ใต้ตามักสงสัย คือ “ฟิลเลอร์อยู่ได้กี่เดือน?” โดยทั่วไประยะเวลาการอยู่ของฟิลเลอร์ในแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน

ระยะเวลาการอยู่ของฟิลเลอร์ใต้ตา

โดยทั่วไปฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

ชนิดและความเข้มข้นของฟิลเลอร์

  • ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีความเข้มข้นและขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกัน
  • ฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นสูงมักอยู่ได้นานกว่า
  • บางรุ่นมีเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน

อายุและสภาพผิวของผู้ทำ

  • ผู้ที่มีอายุน้อยและผิวยังมีความยืดหยุ่นดี มักจะเห็นผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่า
  • สภาพผิวที่มีการเผาผลาญดี จะส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น
  • ความยืดหยุ่นของผิวและปริมาณคอลลาเจนมีผลต่อการคงอยู่ของฟิลเลอร์

พฤติกรรมและการดูแลผิว

  • การสัมผัสแสงแดดบ่อยๆ อาจเร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์
  • การดูแลผิวที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งาน
  • พฤติกรรมการนอน การกิน และการออกกำลังกายมีผลต่อการคงอยู่ของฟิลเลอร์

ตำแหน่งที่ฉีด

  • บริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก ฟิลเลอร์มักสลายตัวเร็วกว่า
  • ความลึกในการฉีดมีผลต่อระยะเวลาการอยู่ของฟิลเลอร์
  • เทคนิคการฉีดของแพทย์มีส่วนสำคัญ

| อ่านเพิ่มเติม  การดูแลตัวเอง หลังฉีดฟิลเลอร์ คำแนะนำสำคัญที่ควรทราบ

วิธียืดอายุฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น

การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและยาวนานคุ้มค่ากับการลงทุน โดยแบ่งการดูแลออกเป็นสองช่วงหลัก คือช่วงแรกหลังทำและการดูแลระยะยาว

การดูแลช่วงแรก (1-2 สัปดาห์)

การดูแลช่วงแรก (1-2 สัปดาห์)
  • การนอนและการพักผ่อน

ในคืนแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนหงายและยกหัวสูงเล็กน้อยเพื่อช่วยลดอาการบวม การนอนในท่านี้ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 วันแรก และพึงระวังไม่นอนคว่ำหรือตะแคงที่จะทำให้เกิดการกดทับบริเวณที่ได้รับการฉีด การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การประคบและดูแลรอยฟกช้ำ

ในวันแรกหลังการรักษา การประคบเย็นจะช่วยบรรเทาอาการบวมได้ดี แต่ต้องระมัดระวังไม่นวดหรือกดบริเวณที่ฉีดโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ หากพบรอยช้ำ สามารถใช้ยาบรรเทารอยช้ำตามคำแนะนำของแพทย์ได้ การดูแลส่วนนี้จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

  • การออกกำลังกายและกิจกรรม

ในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก ควรงดการออกกำลังกายที่หนัก และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องก้มหน้าเป็นเวลานาน เพราะอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของฟิลเลอร์ นอกจากนี้ ควรงดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น การดำน้ำ การแช่น้ำร้อน รวมถึงการอบซาวน่าหรือสปาหน้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

  • การดูแลผิวและการแต่งหน้า

ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ควรงดการแต่งหน้าบริเวณที่ได้รับการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และเมื่อจำเป็นต้องออกแดด ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว การทำความสะอาดผิวหน้าควรทำอย่างนุ่มนวล ไม่ขัดถูแรง เพื่อไม่ให้กระทบต่อบริเวณที่ได้รับการฉีด การดูแลเหล่านี้จะช่วยให้ผลการรักษาออกมาดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

การดูแลระยะยาว

เมื่อผ่านช่วงแรกไปแล้ว การดูแลระยะยาวก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการยืดอายุฟิลเลอร์และรักษาผลลัพธ์ที่สวยงาม

การดูแลระยะยาว
  • การดูแลผิวพื้นฐาน

การดูแลผิวพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก การใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกวันจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสื่อมสภาพของฟิลเลอร์ ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกเพื่อเสริมความชุ่มชื้นให้ผิว และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรงที่อาจระคายเคืองผิว การรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ดูดีอยู่เสมอ

  • การดูแลสุขภาพโดยรวม

การดูแลสุขภาพโดยรวมก็มีผลต่อความคงทนของฟิลเลอร์เช่นกัน การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอช่วยให้ผิวได้ซ่อมแซมตัวเอง และการลดการดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิว

  • การป้องกันการเสื่อมสภาพ

การป้องกันการเสื่อมสภาพของฟิลเลอร์เป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจ ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้าแรงๆ ที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ การใช้แว่นกันแดดเมื่อออกแดดจะช่วยลดการขยี้ตาและการหยีตาเพื่อหลบแสง ควรลดการแตะต้องบริเวณรอบดวงตาโดยไม่จำเป็น และหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหันที่อาจกระทบต่อโครงสร้างของฟิลเลอร์

  • การติดตามผล

การเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลเป็นสิ่งสำคัญ ควรสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างสม่ำเสมอ และหากพบความผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที การดูแลอย่างต่อเนื่องเหล่านี้จะช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์คงอยู่ได้ยาวนานและสวยงามตามที่ต้องการ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

การตัดสินใจทำฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะนอกจากจะเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังเป็นการทำหัตถการที่ต้องการความละเอียดและความเชี่ยวชาญสูง การเตรียมตัวที่ดีและการทำความเข้าใจในทุกด้านจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

การเตรียมตัวก่อน-หลัง

ข้อควรปฏิบัติก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ก่อนตัดสินใจเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งประวัติแพทย์ผู้ทำการรักษา ความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล และประสบการณ์จากผู้ที่เคยรับการรักษา เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมีข้อปฏิบัติดังนี้

ข้อควรปฏิบัติก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • งดรับประทานยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) ยาแอสไพริน และไอบูโพรเฟน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรที่อาจส่งผลต่อการรักษา โดยเฉพาะกระเทียม โสม และแปะก๊วย เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA BHA หรือ เรตินอล เป็นเวลา 3 วันก่อนการรักษา เพื่อลดความระคายเคืองของผิว
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและการบวม
  • แจ้งประวัติสุขภาพและการใช้ยาประจำให้แพทย์ทราบทุกครั้ง เพื่อประเมินความเหมาะสมในการรักษา

ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

การดูแลหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ กด หรือนวดบริเวณที่ได้รับการฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
  • งดทำทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อนหรือเลเซอร์บริเวณใต้ตาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการละลายหรือเคลื่อนที่ของฟิลเลอร์
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบวมและช้ำมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักหรือกิจกรรมที่ต้องสัมผัสแสงแดดจัดในช่วง 7 วันแรก
  • งดการแต่งหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือเลเซอร์หน้า เป็นเวลา 3 วัน

หมายเหตุ: อาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวม แดง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด เป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล หากมีอาการผิดปกติรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

ค่าใช้จ่าย

สำหรับราคาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาคือชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์จะมีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความลึกของร่องใต้ตาของแต่ละบุคคล 

ค่าใช้จ่าย

ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงและมีชื่อเสียงมักจะมีค่าบริการที่สูงกว่า และสถานที่ทำหัตถการก็มีผลต่อราคาเช่นกัน โดยการทำที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำหรือคลินิกความงามที่มีชื่อเสียงจะมีราคาสูงกว่าคลินิกทั่วไป เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการและมาตรฐานการให้บริการที่สูงกว่า

นอกจากนี้ ช่วงเวลาที่เข้ารับบริการก็อาจส่งผลต่อราคา เนื่องจากบางสถานพยาบาลอาจมีโปรโมชั่นพิเศษในช่วงเวลาต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้

ราคาประมาณการในประเทศไทย

  • คลินิกความงามทั่วไป: 15,000-25,000 บาท/cc
  • โรงพยาบาลเอกชน: 20,000-35,000 บาทบาท/cc

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับการทำศัลยกรรมความงามอื่นๆ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติและรับมือได้อย่างถูกต้อง สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้

อาการปกติหลังทำหัตถการ

อาการปกติหลังทำหัตถการ

1. อาการบวม

  • บวมเล็กน้อยถึงปานกลาง 1-3 วัน
  • บวมมากที่สุดในวันที่ 2-3
  • อาจบวมไม่เท่ากันในแต่ละข้าง
  • บวมมากขึ้นในตอนเช้าและลดลงในช่วงบ่าย

2. รอยช้ำและจ้ำเลือด

  • เกิดขึ้นได้ 3-7 วัน
  • สีอาจเปลี่ยนจากแดงเป็นม่วงและเหลืองตามลำดับ
  • บางคนอาจเห็นรอยเข็มเล็กน้อย
  • แต่ละคนมีระดับความช้ำไม่เท่ากัน

3. ความรู้สึกไม่สบาย

  • รู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
  • สัมผัสแล้วรู้สึกไม่เรียบเนียน
  • อาจรู้สึกคันเล็กน้อย
  • ความรู้สึกแปลกๆ เมื่อกลอกตา

4. ผิวหนังเปลี่ยนแปลง

  • ผิวแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
  • อาจมีรอยนูนเล็กน้อย
  • ผิวอาจรู้สึกตึงกว่าปกติ
  • อาจมีรอยเข็มเล็กๆ

อาการผิดปกติที่ต้องพบแพทย์

อาการผิดปกติที่ต้องพบแพทย์

1. อาการบ่งชี้การติดเชื้อ

  • บวมมากผิดปกติและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • มีไข้สูง หนาวสั่น
  • ปวดรุนแรงและเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
  • มีหนองหรือสิ่งคัดหลั่งผิดปกติ

2. ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น

  • ตาพร่ามัวกะทันหัน
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • ปวดตารุนแรง
  • สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว

3. การเปลี่ยนแปลงของผิว

  • ผิวเปลี่ยนสีเป็นสีขาวซีดหรือคล้ำผิดปกติ
  • เกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
  • ผิวหนังเป็นแผล
  • ชาหรือไม่มีความรู้สึก

4. อาการแพ้

  • หายใจลำบาก
  • หน้าบวมมากผิดปกติ
  • ผื่นคันรุนแรง
  • วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

หมายเหตุ: หากพบอาการผิดปกติใด ๆ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที

สรุป

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและริ้วรอย หลายคนสงสัยว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้กี่เดือน ซึ่งโดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่การตัดสินใจทำต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งในด้านความพร้อมของร่างกาย ค่าใช้จ่าย และการดูแลหลังทำ ความสำเร็จของการทำฟิลเลอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเตรียมตัวที่ดีและการดูแลหลังทำอย่างถูกต้อง การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า