ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ก่อนฉีดต้องรู้

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม  หัตถการความงามที่ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกให้ตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแม้จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น รอยบวม ช้ำเขียวจากเข็มซึ่งสามารถหายได้เอง 

สำหรับผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และระดับความลึกของร่องแก้ม การเลือกฟิลเลอร์และการเลือกแพทย์จึงมีความสำคัญมากต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและทำความเข้าใจถึงข้อดีข้อเสีย ความเสี่ยง และผลข้างเคียงอื่น ๆ อย่างละเอียดค่ะ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ปรับรูปหน้า

ปัญหาร่องแก้มสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น การทำงานของเซลล์ผิวก็เกิดการเสื่อมสภาพ โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนไป ทั้งการลดลงของไขมันใต้ผิวหนัง การยุบตัวของกระดูกโหนกแก้ม และการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ 

โดยบทความนี้มุ่งเน้นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา การทำความเข้าใจกับทุกแง่มุมของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจฉีดจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลการเตรียมตัวก่อน-หลังฉีด รวมถึงอันตรายจากการฉีด เพื่อเป็นการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำค่ะ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าบริเวณร่องแก้มที่เป็นปัญหา อย่างรอยพับลึก ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย เพราะ HA มีคุณสมบัติช่วยในการกักเก็บความชื้นใต้ผิวหนัง ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น แต่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยช้ำ บวม หรือการติดเชื้อ ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ถึงฟิลเลอร์จะไม่ได้แก้ปัญหาแก้มห้อยย้อยโดยตรง แต่จะช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น ทั่วไปผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีดและการดูแลของแต่ละบุคคล จำเป็นต้องทำซ้ำเป็นระยะ

อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร กับทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีด ในปี 2024

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับใคร

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับใคร

การฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาร่องแก้ม เหมาะสำหรับคนกลุ่มต่อไปนี้

  • มีร่องแก้มลึก หรือมีรอยย่นรอบแก้มที่ชัดเจน หนึ่งในสัญญาณการแก่ชราของใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยเติมเต็มร่องลึกเหล่านี้ ช่วยให้ใบหน้าดูกระชับขึ้น
  • ผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มตก ร่วงหย่อน เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังและกล้ามเนื้อจะเริ่มคล้อยลง ทำให้เกิดร่องแก้มที่ลึกจากการตกของใบหน้า 
  • ผู้ที่ต้องการแก้ไขร่องแก้มโดยไม่ต้องการผ่าตัด เพราะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นขั้นตอนการรักษาที่รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน
  • ต้องการความเป็นธรรมชาติและไม่โดดเด่นเกินไป สามารถช่วยปรับแก้ไขได้ละเอียด สำหรับผู้ที่ต้องการลุคดูเป็นธรรมชาติ ไม่โดดเด่นเกินไป

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่เหมาะกับใคร

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ไม่เหมาะกับใคร
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิกแอซิดหรือส่วนประกอบอื่นในฟิลเลอร์
  • มีปัญหาผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด
  • คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับกลุ่มคนหลากหลายวัย ที่ต้องการชะลอวัยและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ด้วยวิธีที่ง่าย ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ เพื่อความปลอดภัยก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจทำค่ะ

สาเหตุของการเกิดร่องแก้มลึก

สาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึกบริเวณร่องแก้ม เกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน แบ่งออกเป็น 4 สาเหตุ ดังนี้

1. การยุบตัวลงของกระดูกบริเวณใต้ตา

การยุบลงของกระดูกบริเวณใต้ตา

ปัญหาร่องแก้มที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา มักเจอในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ส่งผลให้แก้มห้อยย้อย เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้ร่องแก้มดูลึก นิยมแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม และ ฟิลเลอร์ใต้ตาร่วมด้วย โดยฉีดยกผิวในชั้นกระดูกเพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมให้ขึ้นไปด้านบน

2. การยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง

การยุบของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง

ร่องแก้มยุบตัวลง พบในผู้ที่อายุ 20-30 ปี เพราะร่องแก้มยังไม่ลึกมาก แก้ไขด้วยฟิลเลอร์อย่างเดียวได้ โดยฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อและต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย เพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม

3. การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง

การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่น โดยไขมันใต้ผิวหนัง หรือ subcutaneous fat ก็จะลดลงด้วย ไขมันชั้นนี้มีความสำคัญมากในการให้ความอิ่มเต็มแก่ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม เมื่อไขมันใต้ผิวหนังลดลงจึงส่งผลให้ผิวหนังยุบตัวลง เกิดร่องลึกบริเวณแก้มใบหน้าดูผอมลง โครงหน้าชัดขึ้น ซึ่งทำให้ดูแก่กว่าวัยนั่นเองค่ะ

4. การยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป

การยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อดึงร่องแก้มแข็ง

ยิ้มบ่อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุในการเกิดร่องแก้ม แต่ไม่เป็นสาเหตุโดยตรงค่ะ เพราะเวลายิ้มทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป โดยการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยเทคนิค Myomodulation ฉีดหนุน  50% หรือฉีดกดกล้ามเนื้ออีก 50% จะสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

5. ผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย ชั้นผิวบางลง

ผิวแห้งหรือตากแดดบ่อย

อาการผิวแห้ง ผิวบาง  จะมีลักษณะเป็นริ้วตื้น ๆ ที่บริเวณร่องแก้ม สามารถใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มเติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนังได้โดยตรง และควรเลือกใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กเพื่อให้เรียบเนียนไปกับผิวไม่เป็นก้อน

นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ อย่าง พันธุกรรม การสูบบุหรี่ และภาวะทุพโภชนาการ ก็มีผลต่อการเกิดร่องแก้มลึกอีกด้วย และโดยทั่วไปร่องแก้มลึกส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างร่วมกัน ไม่ได้มีเพียงสาเหตุเดียว ใครที่สนใจแก้ไขปัญหารร่องแก้ม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคลค่ะ

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดีอย่างไร

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดีอย่างไร
  • ใช้เวลาไม่นาน สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มได้รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
  • เป็นขั้นตอนรักษาแบบไม่ผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที
  • เพราะเป็นการเติมเนื้อเยื่อเข้าในร่องลึก ทำให้ผิวดูเนียนเรียบ กระชับและเป็นธรรมชาติ
  • แพทย์สามารถคุมปริมาณและบริเวณการฉีด ผู้รับบริการจึงสามารถปรับระดับความเข้มข้นของผลลัพธ์ได้
  • บางชนิดสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี ลดความจำเป็นต้องฉีดซ้ำบ่อยครั้ง
  • เมื่อทำตามคำแนะนำ โอกาสเกิดผลข้างเคียงมีน้อยมาก อาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ทุเลาลงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ปลอดภัยกว่าการผ่าตัด 
  • เทียบกับการรักษาวิธีอื่น ๆ ฟิลเลอร์ร่องแก้มถือว่าคุ้มต่อการลงทุน เหมาะกับทุกงบประมาณ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการดูแลใบหน้า เนื่องจากผลลัพธ์ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่า แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อ การเกิดก้อน หรือการอุดตันของเส้นเลือดได้ หากแพทย์ที่ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์โดยตรง

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดยี่ห้อไหนดี

สำหรับฟิลเลอร์ร่องแก้มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายมนุษย์นั้น มีหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมและมีคุณภาพสูง ได้แก่

1. Restylane

ยี่ห้อฟิลเลอร์ HA ชั้นนำจากประเทศสวีเดน มีคุณภาพสูงและผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาหลายประเทศ นิยมสำหรับฉีดเติมเต็มร่องแก้ม 

  • เนื้อสารเข้ากับเนื้อเยื่อได้ดี ให้ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ
  • ความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก
  • รุ่น Refyne และ Defyne เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยเฉพาะ
Restylane

2. Juvederm

ฟิลเลอร์ HA จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและความปลอดภัย เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยม เป็นอย่างมาก 

  • ให้ผลลัพธ์เรียบเนียน กลมกลืนกับผิว
  • รุ่น Voluma มีความหนืดสูง เหมาะสำหรับเพิ่มปริมาตรและยกกระชับ
  • ผลลัพธ์หลังการรักษาอยู่ได้ยาวนานถึง 24 เดือน
Juvederm

ถึงราคาของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะต่างกัน แต่ราคาไม่ควรเป็นปัจจัยหลักในการเลือก ควรคำนึงถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และความเหมาะสมกับสภาพผิวเป็นสำคัญ การเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยในระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกยี่ห้อและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการค่ะ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  1. การปรึกษา ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะประเมินใบหน้า และให้คำแนะนำว่าควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มตำแหน่งใดบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ ถึงเหมาะสมและเป็นธรรมชาติที่สุด ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
  2. ทำความสะอาดใบหน้าและทำการฆ่าเชื้อ ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะเช็ดทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  3. การวางแผน/กำหนดตำแหน่งการฉีด แพทย์จะใช้ดินสอเขียนขอบเขตและตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์ เพื่อความแม่นยำและได้ผลลัพธ์ตรงตามต้องการ
  4. การฉีดยาชา (ในบางกรณี) สำหรับคนไข้ที่มีความกังวลเรื่องความเจ็บปวด แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณร่องแก้มก่อน เพื่อลดอาการระคายเคืองระหว่างฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทั้งนี้ การฉีดยาชาอาจไม่จำเป็นในทุกกรณี ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการและดุลยพินิจของแพทย์
  5. การฉีดฟิลเลอร์ ขั้นตอนนี้ แพทย์จะค่อย ๆ ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวหนัง โดยใช้เข็มขนาดเล็กเฉพาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ในระหว่างฉีดแพทย์จะคอยประเมินและปรับการฉีดให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติที่สุด ทั่วไปปริมาณที่ฉีดจะอยู่ที่ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับสภาพใบหน้าและความต้องการแต่ละคน ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องแก้ไขของแต่ละบุคคลค่ะ
  6. ประเมินผลและให้คำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์ หลังจากฉีดเสร็จ แพทย์จะประเมินความสมดุลของใบหน้า หากจำเป็นอาจเพิ่มหรือลดปริมาณได้ตามความเหมาะสม พร้อมแนะนำวิธีการดูแลรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ดูธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดที่ไหนดี
  • เลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสม แพทย์ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม เพื่อให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ ที่นิยมใช้คือชนิดที่มีส่วนประกอบของ ไฮยารูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เพราะเข้ากันได้ดีกับร่างกาย มีความปลอดภัยสูง และสามารถปรับแต่งรูปร่างได้ตามต้องการ ซึ่งการเลือกชนิดฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความลึกของร่องแก้ม หรืออายุของผู้รับบริการก็เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะผิวของคนอายุน้อยจะมีความยืดหยุ่นมากกว่า อาจเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของใบหน้าได้ดี
  • ฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมร่องแก้มต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการฉีดให้อยู่ในชั้นผิวหนังที่เหมาะสม ไม่ตื้นหรือลึกเกินไป เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
  • ฉีดปริมาณที่พอเหมาะ ปริมาณที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดยขึ้นอยู่กับความลึกของร่องและลักษณะใบหน้าแต่ละคน ปริมาณทั่วไปอยู่ที่ 1-2 cc ต่อข้าง การฉีดปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเติมเต็มให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ใบหน้ามีมิติ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเป็นหน้าเป็นตุ่มนูนหรือผิดรูป

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความสำคัญมาก เพราะแพทย์สามารถควบคุมปริมาณและตำแหน่งการฉีดได้แม่นยำ ลดความเสี่ยงการเติมมากเกินไป และได้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การประเมินความสมมาตรและปรับแต่งเพิ่มเติมหลังฉีดเสร็จ กับคำแนะนำวิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้องหลังฉีด

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มได้ผลลัพธ์ที่ดูดี ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ โดยการใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนการรักษาไปถึงการดูแลหลังการฉีด จะช่วยให้ผู้รับการรักษาได้ประสบการณ์และผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจค่ะ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ผลข้างเคียงทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อาการบวมแดง รอยช้ำเขียวบริเวณที่ฉีด และอาจรู้สึกคันเล็กน้อย ถือเป็นเรื่องปกติ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส เกา หรือนวดบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่ดีขึ้นภายใน 3-7 วัน กรณีอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ทันที

ผลข้างเคียงอันตรายหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ผลข้างเคียงอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่พบได้น้อยมาก คือ การอุดตันของเส้นเลือดและเส้นประสาทบริเวณร่องแก้มค่ะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการขาดเลือดของเนื้อเยื่อ ผู้รับบริการอาจมีอาการปวดบริเวณแก้มหรือรอบดวงตาทันทีหลังฉีด กรณีรุนแรงอาจส่งผลต่อการมองเห็นด้วย ดังนั้นฟิลเลอร์ร่องแก้มจึงควรฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

กรณีฉุกเฉินที่ต้องพบแพทย์หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ภาวะฉุกเฉินที่ต้องพบแพทย์หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  1. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรก  อาจมีอาการปวดรุนแรง บวมแดงมาก เป็นก้อนนูนชัดเจน หรือมีสัญญาณของการติดเชื้อ
  2. ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว อาจเกิดตุ่ม ก้อน หรือบวมใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม ร่วมกับอาการปวดมาก ซึ่งบ่งชี้ถึงการติดเชื้อหรืออาการแพ้ อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป

การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม และการปฏิบัติตามคำแนะนำหลังรักษาอย่างเคร่งครัด สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้ค่ะ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดที่ไหนดี

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดที่ไหนดี
  • ตรวจสอบฟิลเลอร์ที่ฉีด ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ชนิดต่าง ๆ ต้องแน่ใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่เป็นฟิลเลอร์ผิดกฎหมาย เพราะเสี่ยงที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หมดอายุ หรือไม่ได้คุณภาพ
  • ตรวจสอบประวัติของแพทย์ แพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ต้องเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านฉีดฟิลเลอร์ มีความรู้ทางกายวิภาค มีเทคนิคการฉีดถูกต้องเหมาะสม และแพทย์ต้องมีใบอนุญาตการประกอบการ
  • สถานที่รับบริการ สถานที่เข้าไปรับบริการ ต้องเป็นสถานพยาบาลที่เป็นไปตามมาตรฐาน มีใบอนุญาตและได้รับการรับการอนุญาตอย่างถูกต้อง

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม นอนตะแคงได้ไหม

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม นอนตะแคงได้ไหม

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แนะนำให้นอนราบหรือนอนในท่าที่ศีรษะสูงกว่าลำตัวเล็กน้อย เป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง และใน 12 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงโดยเด็ดขาด เพราะการนอนตะแคงหรือคว่ำหน้าอาจทำให้ฟิลเลอร์ร่องแก้มเคลื่อนไปตำแหน่งอื่น ๆ ได้ ส่งผลให้เกิดความไม่สมมาตรของใบหน้า หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้อาจต่างกันไปตามชนิดฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มและเทคนิคการฉีดของแพทย์ ดังนั้น ผู้รับการรักษาจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะแพทย์จะพิจารณาจากสภาพผิว ชนิดของฟิลเลอร์ และเทคนิคการฉีดที่ใช้ในแต่ละกรณี ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูดีและลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ต้องใช้กี่ CC

ปริมาณที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะต่างกันไปตามปัญหาและความลึกของร่องแก้ม โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 cc ต่อแก้มแต่ละข้าง ซึ่งปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์เป็นรายบุคคล ไม่มีปริมาณมาตรฐานที่เหมาะกับทุกคน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ใช้กี่ cc

ในบางกรณีที่ร่องแก้มลึกมาก หรือต้องการเพิ่มปริมาตรของแก้มค่อนข้างมาก อาจจำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์ถึง 3-4 cc ต่อข้าง โดยแพทย์จะแนะนำให้ทยอยฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มหลายครั้ง ครั้งละไม่เกิน 2 cc เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

การฉีดปริมาณน้อยแล้วค่อย ๆ เพิ่มในครั้งถัดไปเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่าการฉีดปริมาณมากในครั้งเดียว วิธีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินผลลัพธ์และปรับแต่งได้อย่างละเอียด ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้รับการรักษาค่อย ๆ ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า

ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องไม่ฉีดในปริมาณที่มากไป เพราะอาจทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ เช่น แก้มดูพองไป หรือเสียสัดส่วนกับส่วนอื่นของใบหน้า การฉีดด้วยปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาจึงเป็นวิธีที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและสวยงามมากที่สุดค่ะ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดราคาเท่าไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาฉีด

ราคาฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะแตกต่างกันไปตามประเภทและแบรนด์ ฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณที่ฉีด ตลอดจนประสบการณ์และฝีมือของแพทย์ที่ฉีด เฉลี่ยแล้วมักอยู่ในช่วงประ 10,000-25,000 บาทต่อ 1 cc

สำหรับฟิลเลอร์ชั้นดีที่นิยม เช่น ชนิดที่มีส่วนประกอบของไฮยารูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) จากแบรนด์มีชื่อเสียง เช่น Juvederm หรือ Restylane ราคาอาจสูงถึง 20,000-25,000 บาทต่อซีซี  ขณะที่ฟิลเลอร์ทั่วไปหรือแบรนด์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ราคาจะถูกกว่า ประมาณ cc  ละ 10,000-15,000 บาท

ซึ่งการเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มราคาถูกเกินไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะอาจได้ฟิลเลอร์คุณภาพต่ำหรือไม่ผ่านมาตรฐาน เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจึงควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย

เพราะถึงราคาจะสูงกว่าปกติ แต่ก็คุ้มค่าในระยะยาว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยค่ะ อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำว่าราคาที่กล่าวมานี้เป็นเพียงการประมาณการณ์เท่านั้น ราคาแท้จริงอาจต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล ขึ้นอยู่กับนโยบายราคาและปัจจัยอื่น ๆ ของแต่ละที่ สำหรับใครที่สนใจ แนะนำให้สอบถามราคาและรายละเอียดโดยตรงจากสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด

สำคัญคือ ราคาไม่ควรเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกทำฟิลเลอร์ เพราะราคาถูกเกินไปอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงจากการใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำหรือไม่ได้มาตรฐาน ก่อให้เกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายและรุนแแรงกว่าปกติ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วัน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วัน

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจมีอาการบวมแดง หรือคันได้ในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นปกติ ให้หลีกเลี่ยงการแตะ การเกา การกดนวดในจุดนั้น อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 3-7 วั และระยะเวลาในการฟื้นตัวและการบวมอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล 

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดอาการบวมได้ไว

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อลดอาการบวม
  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมงในวันแรก
  • นอนยกศีรษะสูงในคืนแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยในการขับของเสีย และให้ฟิลเลอร์อิ่มฟูได้เต็มประสิทธิภาพ

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มผ่านไป 7 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมรุนแรงที่ผิดปกติ ปวดมากหรือปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มีไข้ หรือรู้สึกไม่สบายตัว และมีรอยช้ำหรือการเปลี่ยนสีของผิวหนังอย่างผิดปกติ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการประเมินอาการ และเข้ารับการรักษาค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน แก้ไขอย่างไร

ปัญหาเป็นก้อนหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือปัจจยอื่น ๆ เช่น การตอบสนองของร่างกายต่อฟิลเลอร์ สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีการ ดังนี้

1. การฉีดสลายฟิลเลอร์

ฉีดสลายฟิลเลอร์ร่องแก้ม

สารที่ใช้ฉีดสลาย คือ เอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyaluronidase :HYAL) ที่มีคุณสมบัติการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และสลายพันธะการยึดเกี่ยวกับเซลล์ผิวทำให้ฟิลเลอร์นั้นสลายไปในที่สุด  สามารถฉีดสลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิดเท่านั้นค่ะ

2. ฉีดฟิลเลอร์ทับเข้าไปแก้ไขโดยตรง

ฉีดฟิลเลอร์ทับเข้าไปแก้โดยตรง

วิธีนี้เหมาะกับปัญหาฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนเล็ก ๆ เอาจจะดูเรียบ ๆ แต่ภายหลัง 2 – 3 เดือน ก็อาจมีปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนได้อีกครั้งได้ค่ะ กรณีฉีดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม การฉีดทับเพื่อแก้ไขควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

3. การผ่าตัดออก

การผ่าตัดออก

วิธีนี้ใช้กับปัญหาฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ มีความแข็งมาก และไม่สามารถฉีดสลายได้ โดยเบื้องต้นทางแพทย์จะใช้วิธีการขูดฟิลเลอร์ออก แต่ถ้ามีก้อนขนาดใหญ่และแข็งทางแพทย์อาจจำเป็นต้องกรีดแผลและทำการตัดออก แนะนำให้การผ่าตัดออกเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะมีความเสี่ยง ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ

การเตรียมตัวก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

เพื่อให้ขณะฉีดและหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มได้ประสิทธิภาพ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

การดูแลตัวเองก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การดูแลตัวเองก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  • งดอาหารเสริมหรือยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน และวิตามินอี เป็นต้น ซึ่งการงดยาและอาหารเสริมบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อน โดยเฉพาะกรณีเป็นยาที่ต้องรับประทานต่อเนื่อง
  • หากต้องทำเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรทำก่อนอย่างน้อย 3 วัน เพราะหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องงดเป็นเวลา 2 อาทิตย์
  • งดดื่มแอลกฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกาย cardio เป็นเวลา 24 ชม.ก่อนทำ
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  • ห้ามนอนราบหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม 3 – 4 ชั่วโมง และช่วง 12 ชั่วโมงแรก ห้ามแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงทุกชนิด
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์
  • ห้ามออกกำลังกายหรือสัมผัสความร้อนด้วยวิธีต่าง ๆ รวมทั้งห้ามถูหน้าแรง ๆ ด้วยเช่นกัน ภายใน 48 ชั่วโมงแรก
  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูขึ้น
  • การประคบเย็นผิดวิธีอาจทำให้ฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ฉีดเคลื่อนและไม่เกาะผิวได้ ให้ประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์บางกรณีเท่านั้น
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด อย่างน้อย 2 อาทิตย์
  • เลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง หรือใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

สำหรับคำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงแนวทางทั่วไป ซึ่งผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นหลัก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและฟิลเลอร์อยู่ได้นานค่ะ

ฟิลเลอร์ VS ร้อยไหมดึงร่องแก้ม ต่างกันอย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มและการร้อยไหมดึงร่องแก้ม เป็นวิธีการปรับรูปหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้

การฉีดฟิลเลอร์

วิธีการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แพทย์จะฉีดสารเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังบริเวณร่องแก้ม โดยจะช่วยเพิ่มปริมาตรและความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูเต่งตึงและลดเลือนร่องลึก

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ข้อดี

  • เห็นผลทันทีหลังรักษา
  • ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
  • ควบคุมปริมาณและตำแหน่งการเติมเต็มได้แม่นยำ
  • สามารถแก้ไขหรือสลายสารได้หากไม่พอใจในผลลัพธ์

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลรักษา
  • ต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อรักษาผล มีค่าใช้จ่ายสะสมในระยะยาว
  • อาจเกิดอาการบวมหรือรอยช้ำชั่วคราวหลังฉีด

การร้อยไหมดึงร่องแก้ม

วิธีการนี้แพทย์จะใช้เข็มพิเศษสอดไหมละลายใต้ผิวหนัง ไหมจะมีเงี่ยงเล็ก ๆ ที่ช่วยยึดเกาะเนื้อเยื่อ เมื่อดึงจะช่วยยกและกระชับผิวบริเวณแก้มและร่องแก้ม

การร้อยไหมดึงร่องแก้ม

ข้อดี

  • ผลลัพธ์การร้อยไหมอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ ทั่วไปประมาณ 1-2 ปี
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว
  • สามารถยกกระชับได้มากกว่าการฉีดฟิลเลอร์

ข้อเสีย

  • อาจเกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อบริเวณที่สอดไหม
  • บางครั้งไหมอาจโผล่ออกมาทางผิวหนัง ต้องได้รับการแก้ไขจากแพทย์
  • ผลลัพธ์อาจไม่สม่ำเสมอ หากไหมไม่กระจายตัวอย่างเท่ากัน

สุดท้ายการเลือกวิธีการรักษา ควรขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และความเหมาะสมของแต่ละบุคคลค่ะ สำหรับปัจจัยที่ต้องพิจารณา คือ สภาพผิว/โครงสร้างใบหน้า ความคาดหวังของผลลัพธ์ ระยะเวลาที่ต้องการให้ผลอยู่ และความพร้อมในการดูแลรักษา ซึ่งทั้งสองวิธีสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะที่สุดค่ะ

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม กับ โบท็อก ต่างกันอย่างไร

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม กับ โบท็อก

ฟิลเลอร์ร่องแก้มและโบท็อกเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย เพราะเป็นตัวช่วยในการลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระชับให้ใบหน้า ซึ่งฟิลเลอร์และโบท็อก ก็มีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องกลไกการทำงาน ระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความเสี่ยง และให้ผลลัพธ์ต่างกัน ดังนี้

กลไกการทำงาน

ฟิลเลอร์

เป็นสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเพิ่มปริมาตรและเติมร่องลึก ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์

โบท็อก

เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่ช่วยผ่อนคลายและลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก เห็นผลชัดเจนในรอยตื้นและลึกปานกลาง และโบท็อกไม่เหมาะสำหรับการแก้ไขร่องแก้มโดยตรง แต่อาจช่วยลดการเกิดร่องแก้มที่เกิดจากการยิ้มหรือแสดงอารมณ์เท่านั้น

ระยะเวลาการออกฤทธิ์

ฟิลเลอร์

เห็นผลทันทีหลังฉีด โดยผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทและยี่ห้อของฟิลเลอร์

โบท็อก

เริ่มเห็นผลลัพธ์หลังฉีดประมาณ 3-5 วัน และจะเห็นผลชัดสุดในสัปดาห์ที่ 2 ผลอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน

ความเสี่ยงและผลข้างเคียง

ฟิลเลอร์

หากฉีดกับแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น
ฟิลเลอร์ย้ายตำแหน่ง เกิดก้อน หรือเส้นเลือดอุดตัน ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

โบท็อก

มีความเสี่ยงต่ำกว่า อาจเกิดอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ปวดหัว หนังตาตก ตาแห้ง ซึ่งมักหายไปได้เองใน 1-2 สัปดาห์

สรุปได้ว่า ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มปริมาตรให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบ  ส่วนการฉีดโบท็อก จะเหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ทั้งสองวิธีสามารถใช้ควบคู่กันเพื่อลดริ้วรอยแบบครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่ว่าจะรักษาโดยใช้ฟิลเลอร์และโบท็อก ควรได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางในเรื่องกายวิภาคของใบหน้า และเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะอันตรายอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

1. การใช้ฟิลเลอร์ปลอม

การใช้ฟิลเลอร์ปลอมฉีดบริเวณร่องแก้ม

หากใครได้ยินคำเคลมว่าฟิลเลอร์อยู่ได้นานเกิน 5 ปี หรือเป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวร นั่นถือเป็นฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งคือ ซิลิโคนเหลว น้ำมันพาราฟิน หากฉีดเข้าไปแล้วจะเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะถ้าอยู่ใต้ผิวหนังเป็นระยะเวลานานเกินไป อาจมีการเคลื่อนตำแหน่งไปยังจุดอื่น ๆ บนใบหน้า หรือจับตัวเป็นก้อนบวม เกิดการอักเสบ สามารถอันตรายได้ถึงชีวิต ดังนี้

  • การอักเสบเรื้อรัง ร่างกายอาจตอบสนองต่อสารแปลกปลอมด้วยการอักเสบต่อเนื่อง ทำให้เกิดอาการบวม แดง และเจ็บปวดเรื้อรัง
  • เกิดก้อนเนื้อแข็งใต้ผิวหนัง สารเติมเต็มอาจจับตัวเป็นก้อนแข็ง ทำให้ผิวหน้าขรุขระและดูผิดธรรมชาติ
  • ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรง บางกรณีอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรง นำไปสู่ภาวะช็อกได้

2. แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ

แพทย์ไม่เชี่ยวชาญฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

แพทย์ที่ไม่มีความชำนาญการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ประเมินสาเหตุ วินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ เพื่อแก้ไขร่องแก้มลึกได้ตรงจุด หรือไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดความผิดพลาด ทำให้ปัญหาแย่ลง ส่งผลให้ร่องแก้มลึกกว่าเดิม เป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ

3. ใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภท

ใช้ฟิลเลอร์ผิดประเภทฉีดร่องแก้ม

ปัจจุบันฟิลเลอร์มีหลายยี่ห้อและหลายรุ่น การแก้ไขปัญหาด้วยฟิลเลอร์ จำเป็นต้องเลือกเนื้อสารให้เหมาะกับผิวบริเวณที่ฉีดด้วย เพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนและดูไม่เป็นธรรมชาติ

4. ผลข้างเคียงอื่น ๆ 

ผลข้างเคียงอื่น ๆ
  • เนื้อเยื่อได้รับความเสียหาย ที่อาจเกิดจากการฉีดลึกหรือแรงไป จนเกิดรอยช้ำ บวม หรือกรณีรุนแรงอาจทำให้เนื้อเยื่อตายได้
  • ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน เกิดจากการกระจายตัวของฟิลเลอร์ร่องแก้มไม่สม่ำเสมอ อาจรู้สึกเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง และมองเห็นได้จากภายนอก การแก้ไขสามารถแก้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์หรือผ่าตัดเอาก้อนออกได้
  • ติดเชื้อ จากการฉีดที่ไม่สะอาดพอหรือการดูแลหลังฉีดที่ไม่เหมาะสม เบื้องต้นจะมีอาการบวม แดง ร้อน และมีหนองไหลออกมา และกรณีรุนแรง อาจลุกลามเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
  • ตาบอด ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่พบได้น้อย ส่วนใหญ่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดโดยตรง ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตา ทำให้ตาบอดในที่สุด

Q&A คำถามที่พบบ่อย ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

1. ฟิลเลอร์ร่องแก้มเจ็บไหม แล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างฉีด ซึ่งแพทย์มักใช้ยาชาช่วยบรรเทาความรู้สึก ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้ เช่น อาการบวม ช้ำ แดง จะหายไปเองได้ใน 3-7 วัน

ความเจ็บปวดระหว่างฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความไวต่อความเจ็บปวดของแต่ละคน โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนอกเหนือจากอาการบวม ช้ำ แดง คือ การเกิดก้อน หรือการติดเชื้อ เพราะถึงจะพบได้น้อย แต่ก็เกิดขึ้นได้ หากไม่ได้ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

2. หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องพักฟื้นนานไหม กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเลยไหม 

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ ไม่ต้องพักฟื้น เพียงแต่งดแต่งหน้า งดออกกำลังกายหนัก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแรงที่บริเวณแก้มในช่วง 12-24 ชั่วโมงแรก และควรระมัดระวังในการทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การนอน การล้างหน้า หรือการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วง 3-7 วันแรกด้วย

3. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม กี่วันเห็นผล และกี่วันถึงเข้าที่

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด  อาจรวมถึงอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ ลดลงและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์ โดยจะดีขึ้นและเข้าที่สวยงามประมาณ 1 เดือนหลังฉีด ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล

รีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่คลินิก RWC

ภาพรีวิว

ฉีดฟิลเลอร์ รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ ร่องแก้ม รีวิว ดีไหม
ฉีดฟิลเลอร์ ร่องแก้ม รีวิว คลินิก
ฉีดฟิลเลอร์ ร่องแก้ม ตื้นขึ้น รีวิว
รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ ร่องแก้ม รีวิว

คลิปรีวิว

บทสรุป

ปัญหาร่องแก้มส่วนใหญ่เริ่มปรากฏในช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป เป็นหนึ่งสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงตามวัย การจัดการกับร่องแก้มมีหลายวิธี โดยการ “ ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ” เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นิยม เพราะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดและเร็ว 

สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาทั้งข้อดี-ข้อเสียและข้อควรระวังของการฉีดฟิลเลอร์ให้ดีก่อน เพราะระหว่างการฉีดหรือหลังฉีดอาจมีผลข้างเคียง เช่น รอยช้ำ บวม หรือในกรณีที่พบน้อย เช่น การอุดตันในเส้นเลือด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจรับการรักษาฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิลเลอร์โดยตรง เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมของแต่ละวิธี รวมถึงพิจารณาความคาดหวัง ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วยค่ะ เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัยระยะยาวค่ะ

ได้รับความสนใจจากสื่อหลากหลายช่องทาง เกี่ยวกับเทรนด์การปรับรูปหน้า

รางวัล ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC