ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม คำถามที่พบบ่อยโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตา รอยคล้ำ และร่องลึกใต้ตาที่ทำให้ดูอ่อนล้าและแก่กว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพราะให้ผลเร็วและไม่ต้องผ่าตัด แต่หลายคนก็ยังกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้จะให้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างรอบคอบก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหาได้หลากหลาย ดังนี้
- ปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ – ฟิลเลอร์จะเติมเต็มผิวบริเวณใต้ตาให้ดูฟูขึ้น ทำให้แสงกระทบผิวได้มากขึ้น ใต้ตาจึงดูสว่างขึ้น
- ปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล – ฟิลเลอร์จะถูกเติมเข้าไปในบริเวณที่เป็นเบ้าลึก ทำให้ใต้ตาดูตื้นขึ้น
- ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย – ฟิลเลอร์ชั้นลึกจะช่วยพยุงโครงสร้างผิวที่อ่อนแรง ทำให้ถุงใต้ตาดูกระชับขึ้น
- ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ผิวเหี่ยว – ฟิลเลอร์ซึ่งเป็นสารอุ้มน้ำจะทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ริ้วรอยใต้ตาจึงดูเรียบเนียนขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
- ชนิดของฟิลเลอร์
- ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูโรนิก (HA Filler) – เป็นชนิดที่ปลอดภัยที่สุด ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ สลายได้เอง และสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดเอนไซม์ hyaluronidase กรณีไม่พอใจผลการทำ – ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดครั้งแรก!
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรหรือฟิลเลอร์ปลอม – มีความเสี่ยงสูงกว่า เพราะไม่สามารถสลายด้วยสารละลายได้ หากเกิดปัญหาต้องรอให้สลายเองตามธรรมชาติหรืออาจต้องผ่าตัดเอาออก
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์
- แพทย์ต้องผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางและมีความชำนาญเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
- ต้องมีความเข้าใจในกายวิภาคของใบหน้าและการแก้ไขภาวะแทรกซ้อน
- ต้องสามารถประเมินปัญหาและเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- มาตรฐานของคลินิก
- คลินิกต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- ต้องมีห้องผ่าตัดหรือห้องทำหัตถการที่สะอาดได้มาตรฐาน
- ต้องมีอุปกรณ์ฉุกเฉินและเวชภัณฑ์พร้อมรับมือกับภาวะแทรกซ้อน
- ต้องมีทีมแพทย์และบุคลากรที่ผ่านการอบรมด้านความปลอดภัย
ผลข้างเคียงทั่วไป
- อาการบวม – เป็นผลข้างเคียงทั่วไปที่มักจะรุนแรงที่สุดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก และค่อยๆ ลดลง
- รอยช้ำ – เกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตก จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียว เหลือง และหายไปใน 7-14 วัน
- ผิวหนังแดง – เป็นปฏิกิริยาอักเสบเฉพาะที่ เกิดทันทีหลังฉีดและคงอยู่ 2-3 วัน
- อาการระบม – เป็นความรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีด จะรุนแรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรกและทุเลาลงใน 3-5 วัน
- การเกิดก้อนไม่เรียบเนียน – เกิดจากฟิลเลอร์กระจายตัวไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดจากเทคนิคการฉีด หรือปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป
- ใต้ตาเขียวคล้ำ – เมื่อฉีดฟิลเลอร์ตื้นเกินไป ทำให้เห็นเป็นสีคล้ำหรือสีฟ้าอมม่วงใต้ผิวหนัง
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด – ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุด สารฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดตันในเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงลูกตา ทำให้เกิดเนื้อตายหรือตาบอดถาวรได้
- การติดเชื้อ – แม้จะพบได้ไม่บ่อยแต่มีความรุนแรง อาจเกิดได้ทั้งในระยะเฉียบพลันและระยะยาว การติดเชื้อในบริเวณใต้ตามีความเสี่ยงสูงที่จะลุกลามเข้าเบ้าตา
- อาการแพ้ – อาจเกิดตั้งแต่การแพ้เฉียบพลันทันทีหลังฉีดไปจนถึงการแพ้ที่เกิดขึ้นช้า อาจแสดงออกตั้งแต่ผื่นลมพิษไปจนถึงภาวะแพ้รุนแรง
- การฉีดสลายฟิลเลอร์
- ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีปัญหา
- เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาเช่น การกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ เกิดก้อนใต้ผิวหนัง หรือการอุดตันของหลอดเลือด
- สำหรับกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเฉียบพลัน โดยเฉพาะการอุดตันของหลอดเลือด ควรทำการฉีดสลายภายในระยะเวลา 90 นาทีหลังมีอาการ
- การผ่าตัด
- เป็นทางเลือกสุดท้ายในการแก้ไขปัญหา เมื่อการฉีดสลายฟิลเลอร์ไม่ได้ผล หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- ต้องทำโดยศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- มีความเสี่ยงสูง ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน และมีค่าใช้จ่ายสูง
สำหรับใครที่กำลังพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การเลือกคลินิกและแพทย์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานวิชาชีพเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นพื้นที่ที่มีความบอบบางและซับซ้อน การฉีดฟิลเลอร์จึงต้องอาศัยทักษะความชำนาญเฉพาะทางและความระมัดระวังเป็นพิเศษ
| ฟิลเลอร์ที่ไหนดี? คู่มือการเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ให้ปลอดภัย
หากเลือกสถานที่หรือผู้ให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อทั้งความสวยงามและสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการได้รับฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพ อุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาดหรือไม่ได้มาตรฐานยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และได้ผลลัพธ์ที่ดี ผู้รับบริการควรพิจารณาปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ใบอนุญาตคลินิก
คลินิกที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข มีการแสดงใบอนุญาตในที่เปิดเผย และมีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้รับบริการสามารถสอบถามเลขที่ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลได้ และนำไปตรวจสอบกับทางสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หรือสามารถค้นหาผ่านระบบสืบค้นข้อมูลสถานพยาบาลได้
- ใบประกอบวิชาชีพแพทย์
แพทย์ผู้ให้บริการต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ยังไม่หมดอายุ และควรผ่านการอบรมเฉพาะทางด้านความงามและมีความชำนาญในการทำหัตถการด้านนี้ รวมถึงควรสอบถามประวัติการศึกษาอบรมและการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการทำหัตถการด้านความงาม โดยผู้รับบริการสามารถตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนใบอนุญาตของแพทย์ได้จากเว็บไซต์ของแพทยสภา http://www.tmc.or.th
- ชนิดของฟิลเลอร์
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ คลินิกควรแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน รวมถึงเลขที่ใบรับรอง วันหมดอายุ และแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์
- รีวิวและชื่อเสียง
ศึกษารีวิวและประสบการณ์จากผู้ที่เคยใช้บริการ แต่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจากรีวิวอาจมีทั้งจริงและเท็จ ควรสอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการจริง และตรวจสอบประวัติการร้องเรียนหรือปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับคลินิก
นอกจากนี้ควรตรวจสอบประวัติการร้องเรียนหรือการฟ้องร้องที่เคยเกิดขึ้นกับคลินิกหรือแพทย์ด้วย เพราะสามารถบอกได้ถึงมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของสถานที่ให้บริการนั้น ๆ
- การให้คำปรึกษาและติดตามผล
คลินิกและแพทย์ที่ดีควรให้คำปรึกษาอย่างละเอียดก่อนทำหัตถการ อธิบายข้อดี ข้อเสีย และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงมีการนัดติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ในการให้คำปรึกษา แพทย์ควรสอบถามความต้องการและความคาดหวังของผู้รับบริการ พร้อมประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำถึงวิธีการที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล โดยแพทย์ควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรักษา รวมถึงข้อจำกัดและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้รับบริการเข้าใจและตัดสินใจได้รอบคอบ
ส่วนหลังการรักษา ผู้รับบริการจะได้รับเอกสารคำแนะนำที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อทบทวนข้อปฏิบัติต่าง ๆ รวมถึงสัญญาณอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ ทั้งนี้ แพทย์และคลินิกที่พร้อมดูแลรับผิดชอบกรณีเกิดปัญหาภาวะแทรกซ้อนหลังการรักษา ผู้รับบริการควรได้รับช่องทางติดต่อที่สะดวกและชัดเจน เพื่อสอบถามข้อสงสัยหรือแจ้งอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังทำหัตถการได้ทันที
สรุป
คำถามว่า ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม? หมอขอตอบแบบนี้ค่ะ ว่าเพื่อลดความเสี่ยงจากการทำหัตถการ ควรเลือกแพทย์ที่ผ่านการอบรมและมีความรู้ความเข้าใจเฉพาะทางด้านนี้ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ถึงแม้จะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นพื้นที่บอบบางและมีเส้นเลือดมาก
กรณีเกิดปัญหาแทรกซ้อน ปัจจุบันมีวิธีแก้ไขที่ได้ผล คือ การฉีดสลายและการผ่าตัด ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณีดังนั้น สำคัญที่สุดคือการเลือกแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางและมีความชำนาญ รวมถึงสถานพยาบาลที่พร้อมรับมือกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ก่อนตัดสินใจทำ ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อบ่งชี้ ข้อห้าม และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นให้ชัดเจน พร้อมให้ข้อมูลประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว และเมื่อทำแล้ว ถ้าสังเกตเห็นความผิดปกติอะไร ก็ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพื่อให้ได้รับการรักษาแก้ไขได้ทัน