การมีร่องแก้มลึกเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้หลายคนดูแก่กว่าวัย จึงนิยมเลือกใช้ฟิลเลอร์เป็นวิธีแก้ไขที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจเจอปัญหา ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แทนที่จะดูเป็นธรรมชาติกลับดูผิดปกติ หากคุณเผชิญกับปัญหานี้หรือกำลังกังวลก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจสาเหตุ วิธีแก้ไข และการป้องกันอย่างครบถ้วน
อาการที่พบได้บ่อย
- เมื่อยิ้มหรือหัวเราะ เห็นบริเวณร่องแก้มนูนบวมเป็นก้อนชัดเจน
- คลำแล้วรู้สึกถึงก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
- ผิวบริเวณที่ฉีดดูไม่เรียบเนียน มีความผิดปกติ
- ในบางกรณีอาจทำให้ร่องแก้มดูลึกขึ้นกว่าเดิม
สัญญาณอันตราย: หากพบอาการแดง บวม ร้อน เจ็บ หรือมีอาการอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการแพ้
| อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์อันตรายไหม? ข้อดี-ข้อเสีย และสิ่งที่ต้องรู้ก่อนฉีด
1. แพทย์ขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้า เทคนิคการฉีด และการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม หากแพทย์ขาดประสบการณ์อาจเกิดข้อผิดพลาด เช่น
- ฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป
- ใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น
- ฉีดผิดตำแหน่งจากที่ควรจะเป็น
2. เลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับบริเวณร่องแก้ม เช่น ฟิลเลอร์เนื้อแข็งเกินไป อาจทำให้เกิดก้อนที่มองเห็นได้ชัดเจน
3. ใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือฟิลเลอร์ปลอม มักทำจากสารที่ไม่สามารถสลายได้เอง เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ซึ่งจะก่อให้เกิดก้อนแข็งและผลข้างเคียงร้าย แรงต่างๆ
4. การฉีดผิดเทคนิค
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ถูกต้องต้องฉีดในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ และต้องฉีดในตำแหน่งที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย ไม่ใช่ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรง
1. การฉีดสลายฟิลเลอร์
เหมาะสำหรับ ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA)
- ใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์
- จะเห็นผลลัพธ์ภายใน 48 ชั่วโมง
- ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายสมบูรณ์ใน 3-7 วัน
- หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ ควรรอ 5-7 วันหลังฉีดสลาย
2. การขูดฟิลเลอร์
เหมาะสำหรับ ฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้ เช่น Polyamine, Hydrofilic gel
- ใช้วิธีขูดฟิลเลอร์ออกทางกายภาพ
- อาจไม่สามารถเอาออกได้ 100%
- ได้ประมาณ 50-70% ของปริมาณที่ฉีดไว้
3. การผ่าตัดเอาฟิลเลอร์ออก
เหมาะสำหรับ กรณีที่มีก้อนขนาดใหญ่และแข็งมาก
- ใช้กับฟิลเลอร์ประเภทซิลิโคนเหลวที่ไม่สลายได้
- ต้องทำโดยศัลยแพทย์ในโรงพยาบาล
- อาจไม่สามารถเอาออกได้หมด 100%
4. การปรับแก้ด้วยฟิลเลอร์ใหม่
เหมาะสำหรับ กรณีที่ก้อนไม่ใหญ่มากและต้องการปรับให้เรียบเนียน
- เติมฟิลเลอร์ในจุดที่บุ่มเพื่อให้เรียบเนียน
- ต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าเหมาะสมหรือไม่
ระดับไม่อันตราย
- ก้อนที่คลำได้แต่ไม่มีอาการอักเสบ
- ไม่มีอาการแดง บวม หรือเจ็บ
- เป็นก้อนที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง
- สามารถรอให้สลายเองตามธรรมชาติได้
ระดับอันตราย
- มีอาการแดง บวม ร้อน เจ็บ
- ก้อนขยายขนาดหรือแพร่กระจาย
- มีหนองหรือของเหลวไหลออกมา
- เกิดจากการติดเชื้อหรือใช้ฟิลเลอร์ปลอม
คำเตือน หากพบอาการในระดับอันตราย ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจนำไปสู่ผลแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การตายของเนื้อเยื่อ
1. เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน
การเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีมาตรฐานเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด ควรมองหาคลินิกที่มีใบอนุญาตประกอบการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งมีป้ายแสดงรายละเอียดแพทย์และใบอนุญาตไว้ที่หน้าคลินิกอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การตรวจสอบรีวิวและผลงานจากลูกค้าจริงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการประเมินความน่าเชื่อถือของคลินิก
2. เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก จึงควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ และมีความรู้เรื่องกายวิภาคศาสตร์ใบหน้าอย่างลึกซึ้ง แพทย์ที่มีคุณภาพจะสามารถแสดงผลงาน Before-After ของผู้ป่วยได้ รวมถึงสามารถอธิบายเทคนิคและวิธีการรักษาได้อย่างชัดเจน
3. ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน
การเลือกฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ฟิลเลอร์แท้จะมี QR Code และเลข Lot ที่สามารถตรวจสอบได้ ผู้ใช้บริการควรหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ราคาถูกผิดปกติ เนื่องจากมักเป็นสินค้าปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
4. การประเมินก่อนทำหัตถการ
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ควรมีการปรึกษาแพทย์เรื่องปัญหาและความต้องการอย่างละเอียด แพทย์ที่ดีจะทำการประเมินสภาพผิวและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล พร้อมทั้งอธิบายเรื่องความเสี่ยงและวิธีการดูแลหลังทำหัตถการให้ผู้ป่วยเข้าใจอย่างชัดเจน
บทสรุป
ปัญหา ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน เป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่สามารถป้องกันและแก้ไขได้หากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง สาเหตุหลักมาจากการเลือกคลินิกหรือแพทย์ที่ไม่เหมาะสม การใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือเทคนิคการฉีดที่ผิดพลาด
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน หากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะมีวิธีแก้ไขที่หลากหลาย ตั้งแต่การฉีดสลายฟิลเลอร์ไปจนถึงการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของปัญหา
สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาและเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและสวยงามตามที่ต้องการ