ปัญหาร่องลึกใต้ตาหรือถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย มักทำให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย อายุมากกว่าความเป็นจริง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการ แต่หลายคนยังคงสงสัยว่า “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc” จึงจะเห็นผลที่ดีและปลอดภัย คำตอบคือ ไม่มีปริมาณที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิวเดิม ความรุนแรงของปัญหา และเป้าหมายที่ต้องการ
ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดใต้ตา รวมถึงข้อควรระวังที่สำคัญก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ cc ซึ่งปริมาณที่ใช้ในบริเวณใต้ตาจะที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่นของใบหน้า เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาบางและมีความละเอียดอ่อน ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดใต้ตาโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 0.5-1 cc ต่อข้าง หรือประมาณ 1-2 cc สำหรับทั้งสองข้าง – ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและร่องลึกด้วยการรักษาที่ได้มาตรฐาน
สำหรับปัญหาถุงใต้ตาเล็กน้อย (0.1-0.3 cc ต่อข้าง)
- เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีร่องใต้ตาเล็กน้อย
- ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติมาก
- เห็นความเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่ใบหน้าจะดูสดใสขึ้น
- แนะนำสำหรับผู้ที่ฉีดครั้งแรก
สำหรับปัญหาร่องลึกชัดเจน (0.3-0.5 cc ต่อข้าง)
- เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจน
- สามารถเติมเต็มร่องได้ดี แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ดูเกินจริง
- เป็นปริมาณที่แพทย์เลือกใช้บ่อยที่สุด
สำหรับกรณีที่มีการยุบตัวของไขมันใต้ตามาก (0.5-1 cc ต่อข้าง)
- เหมาะกับผู้ที่มีการยุบตัวของไขมันใต้ตามาก ทำให้เกิดร่องลึกชัดเจน
- ช่วยเติมเต็มปริมาตรที่หายไป
- อาจต้องฉีดหลายครั้ง โดยแบ่งปริมาณในแต่ละครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ
- ควรพิจารณาร่วมกับแพทย์อย่างละเอียด เพราะการใช้ปริมาณมากมีความเสี่ยงสูงขึ้น
- อายุของผู้รับการรักษา – ผู้สูงอายุมักมีการสูญเสียไขมันและความยืดหยุ่นของผิวมากกว่า อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่า
- โครงสร้างใบหน้า – ลักษณะโครงสร้างกระดูกใบหน้า ความหนาของผิว และปริมาณไขมันใต้ตา มีผลต่อปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
- ชนิดของฟิลเลอร์ – ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความหนาแน่นแตกต่างกัน ส่งผลต่อปริมาณที่ต้องใช้
- เป้าหมายของการรักษา – ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติหรือต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด มีผลต่อปริมาณที่ใช้
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ปริมาณมากเกินไป
- การบวม: ใช้ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดการบวมเรื้อรัง
- ก้อนฟิลเลอร์: เกิดจากการฉีดเข้มข้นเกินไปในจุดเดียว
- การอุดตันของเส้นเลือด: ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุด หากฉีดเข้าเส้นเลือด อาจทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อได้
ระยะเวลาการอยู่ตัวของฟิลเลอร์ในแต่ละปริมาณ
โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันตามปัจจัยต่าง ๆ
- ปริมาณน้อย (0.1-0.3 cc): มักอยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน
- ปริมาณปานกลาง (0.3-0.5 cc): มักอยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- ปริมาณมาก (0.5-1 cc): อาจอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
ทั้งนี้ ระยะเวลาการอยู่ตัวยังขึ้นอยู่กับอัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคล ชนิดของฟิลเลอร์ และบริเวณที่ฉีดอีกด้วย
ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรฉีดกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นได้ทันทีหลังการฉีด แต่ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์จะเห็นได้ชัดเจนเมื่ออาการบวมลดลง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
| อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดการออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อน 24-48 ชั่วโมง
- ควรนอนหงาย ยกศีรษะสูงในคืนแรกหลังการฉีด เพื่อลดอาการบวม
- ประคบเย็น หากมีอาการบวม แต่ไม่ควรกดแรง
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดเมื่อออกนอกบ้าน
สรุป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ cc ซึ่งปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใ้ต้ตาควรฉีดในปริมาณ 0.1-0.5 cc ต่อข้าง แต่ปริมาณที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และการพิจารณาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ผลลัพธ์นั้นไม่ถาวร จึงอาจต้องทำการรักษาซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ต้องการ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาและกำหนดว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลนะคะ