ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc? ต้องใช้ปริมาณเท่าใดถึงจะเหมาะสมสำหรับผลลัพธ์ดูธรรมชาติ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc

ปัญหาร่องลึกใต้ตาหรือถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย มักทำให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย อายุมากกว่าความเป็นจริง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการ แต่หลายคนยังคงสงสัยว่า “ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc” จึงจะเห็นผลที่ดีและปลอดภัย คำตอบคือ ไม่มีปริมาณที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิวเดิม ความรุนแรงของปัญหา และเป้าหมายที่ต้องการ 

ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดใต้ตา รวมถึงข้อควรระวังที่สำคัญก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการค่ะ

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc? 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc?

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะใช้ cc ซึ่งปริมาณที่ใช้ในบริเวณใต้ตาจะที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่นของใบหน้า เนื่องจากผิวบริเวณใต้ตาบางและมีความละเอียดอ่อน ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดใต้ตาโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 0.5-1 cc ต่อข้าง หรือประมาณ 1-2 cc สำหรับทั้งสองข้าง – ฟิลเลอร์ใต้ตา  แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและร่องลึกด้วยการรักษาที่ได้มาตรฐาน

ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc 

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามสภาพปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคลนะคะ

ปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc

สำหรับปัญหาถุงใต้ตาเล็กน้อย (0.1-0.3 cc ต่อข้าง)

  • เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีร่องใต้ตาเล็กน้อย
  • ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติมาก
  • เห็นความเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่ใบหน้าจะดูสดใสขึ้น
  • แนะนำสำหรับผู้ที่ฉีดครั้งแรก

สำหรับปัญหาร่องลึกชัดเจน (0.3-0.5 cc ต่อข้าง)

  • เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจน
  • สามารถเติมเต็มร่องได้ดี แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ
  • เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ดูเกินจริง
  • เป็นปริมาณที่แพทย์เลือกใช้บ่อยที่สุด

สำหรับกรณีที่มีการยุบตัวของไขมันใต้ตามาก (0.5-1 cc ต่อข้าง)

  • เหมาะกับผู้ที่มีการยุบตัวของไขมันใต้ตามาก ทำให้เกิดร่องลึกชัดเจน
  • ช่วยเติมเต็มปริมาตรที่หายไป
  • อาจต้องฉีดหลายครั้ง โดยแบ่งปริมาณในแต่ละครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติ
  • ควรพิจารณาร่วมกับแพทย์อย่างละเอียด เพราะการใช้ปริมาณมากมีความเสี่ยงสูงขึ้น

ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตา

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่แพทย์จะพิจารณา ได้แก่

ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดปริมาณฟิลเลอร์ใต้ตา
  • อายุของผู้รับการรักษา – ผู้สูงอายุมักมีการสูญเสียไขมันและความยืดหยุ่นของผิวมากกว่า อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่า
  • โครงสร้างใบหน้า – ลักษณะโครงสร้างกระดูกใบหน้า ความหนาของผิว และปริมาณไขมันใต้ตา มีผลต่อปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
  • ชนิดของฟิลเลอร์ – ฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความหนาแน่นแตกต่างกัน ส่งผลต่อปริมาณที่ต้องใช้
  • เป้าหมายของการรักษา – ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติหรือต้องการการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด มีผลต่อปริมาณที่ใช้

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เนื่องจากบริเวณนี้มีเส้นเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก นอกจากนี้ การใช้ปริมาณมากเกินไปอาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงหลายอย่าง ดังนี้

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ปริมาณมากเกินไป

  • การบวม: ใช้ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดการบวมเรื้อรัง
  • ก้อนฟิลเลอร์: เกิดจากการฉีดเข้มข้นเกินไปในจุดเดียว
  • การอุดตันของเส้นเลือด: ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุด หากฉีดเข้าเส้นเลือด อาจทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อได้

ระยะเวลาการอยู่ตัวของฟิลเลอร์ในแต่ละปริมาณ

โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันตามปัจจัยต่าง ๆ

  • ปริมาณน้อย (0.1-0.3 cc): มักอยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน
  • ปริมาณปานกลาง (0.3-0.5 cc): มักอยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
  • ปริมาณมาก (0.5-1 cc): อาจอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน

ทั้งนี้ ระยะเวลาการอยู่ตัวยังขึ้นอยู่กับอัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคล ชนิดของฟิลเลอร์ และบริเวณที่ฉีดอีกด้วย

ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรฉีดกี่ครั้งจึงจะเห็นผล?

ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นได้ทันทีหลังการฉีด แต่ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์จะเห็นได้ชัดเจนเมื่ออาการบวมลดลง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์

| อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล ?

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การดูแลตัวเองที่ถูกต้องหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  1. หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  2. งดการออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด
  3. หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อน 24-48 ชั่วโมง
  4. ควรนอนหงาย ยกศีรษะสูงในคืนแรกหลังการฉีด เพื่อลดอาการบวม
  5. ประคบเย็น หากมีอาการบวม แต่ไม่ควรกดแรง
  6. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดเมื่อออกนอกบ้าน

สรุป

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ cc ซึ่งปริมาณที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย โดยทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ใ้ต้ตาควรฉีดในปริมาณ 0.1-0.5 cc ต่อข้าง แต่ปริมาณที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และการพิจารณาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ผลลัพธ์นั้นไม่ถาวร จึงอาจต้องทำการรักษาซ้ำทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ต้องการ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาและกำหนดว่าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้กี่ cc ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลนะคะ

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า