ในปัจจุบัน เทรนด์การลดน้ำหนัก เป็นเรื่องที่นิยมอย่างมาก ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีการลดน้ำหนักในแบบของตัวเอง ทั้งการออกกำลังกาย การควบคุมอาหารหรือที่เรียกกันว่า การทำ IF ที่หลาย ๆ คนรู้จักกัน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย จึงเน้นการควบคุมอาหารแทน
IF คืออะไร
Intermittent Fasting หรือ IF คือ วิธีลดน้ำหนักด้วยด้วยรูปแบบเน้นรับประทานอาหารมากกว่าการออกกำลังกาย โดยแบ่งหรือกำหนดช่วงเวลาที่เราจะทานอาหาร และช่วงเวลาที่เราจะอดอาหารนั่นเองค่ะ โดยในช่วงเวลาที่อดอาหารนี่แหละค่ะ ร่างกายจะดึงเอาไขมันที่สะสมตามร่างกายมาใช้ ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและเพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้สูงขึ้น โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงเหมือนการอดอาหารอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ประโยชน์ของการทำ IF
- ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
- ช่วยทำให้ยีนที่ดีบางตัวแสดงออกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ทำให้เราฉลาดขึ้น ความจำดีขึ้น
- ร่างกายนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้
- เพิ่มการเผาผลาญ
- ลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ และช่วยให้อายุยืนขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการล้างสารพิษและลดความเครียดแบบออกซิเดชั่นในร่างกาย
- อนุมูลอิสระในร่างกายลดลง ชะลอวัย อ่อนเยาว์ขึ้น เป็นผลมาจากอนุมูลอิสระ และการอักเสบในร่างกายลดลง
- การอักเสบซ่อนเร้นในร่างกายลดลง
- ลดไขมันในเลือด
- ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น
ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ IF
แม้หลายคนจะเข้าใจว่าการทำ IF คือ วิธีการลดน้ำหนักที่ให้ผลจริง และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถลดน้ำหนักแบบ IF ได้นะคะ เนื่องจากจะมีผลข้างเคียงในระยะแรกของการทำ IF เช่น หน้ามืด, เวียนศีรษะ, รู้สึกหิวโหย, อยากทานแต่ของหวาน และอ่อนเพลียไม่มีแรง ดังนั้น จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะของโรคต่าง ๆ ที่อาจได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงของวิธีลดน้ำหนัก IF ได้แก่
ผู้ที่เพิ่งผ่าตัด
ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังจากการเจ็บป่วยรวมถึงผู้ที่เพิ่งผ่าตัดมา คนกลุ่มนี้ไม่เหมาะกับการทำ IF เพราะร่างกายยังไม่พร้อม เพราะต้องการสารอาหารเพื่อไปฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย เพราะฉะนั้น ควรรอให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติก่อน จึงจะสามารถทำ IF ได้
อายุน้อยกว่า 25 ปี
เนื่องจากร่างกายของเราก็ยังไม่ได้รับการเจริญเติบโตเต็มที่ แถมยังต้องการสารอาหารต่าง ๆ เพื่อทำให้ร่างกายเจริญเติบโตต่อไป รวมถึงร่างกายของเราในวัยต่ำกว่า 25 ปี ก็ยังไม่ควรต้องได้รับความเครียดมากเพราะอาจจะกระทบกับฮอร์โมนในร่างกายได้
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะให้นมบุตรต้องระวังในการทำ IF เป็นอย่างมาก เพราะร่างกายของผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ต้องการสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อไปบำรุงเด็กในครรภ์ รวมถึงในผู้ที่กำลังให้นมบุตรด้วยที่ร่างกายก็ต้องการสารอาหารเพื่อไปบำรุงตนเอง การทำ IF อาจทำให้เราเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ ซึ่งเป็นผลเสียต่อร่างกายทั้งหมด
ผู้ที่มีค่า BMI น้อย
เกณฑ์ปกติของ BMI คือ 18.6 – 24 ผู้ที่มีค่า BMI น้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หมายความว่าเราค่อนข้างจะผอมมาก ๆ อยู่แล้ว การทำ IF โดยเฉพาะการทำที่ผิดวิธี เช่น การลดปริมาณสารอาหาร การกินอาหารน้อย ๆ แบบนี้ยิ่งจะทำให้เราขาดสารอาหารที่จำเป็นมากขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราขาดสารอาหารแล้ว ก็จะส่งผลให้ร่างกายของเราแย่ลงเรื่อย ๆ และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทำ IF ค่ะ
ผู้ที่มีโรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ ไขมันในเลือด หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอก่อนจะทำ ว่าสามารถทำได้หรือไม่ ควรได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง โดยให้คุณหมอดูแลการทํา IF คู่ไปกับการรักษาโรค เพราะหากเราฝืนทำเองก็อาจจะกระทบกับร่างกายและเกิดอันตรายมากกว่าเดิมได้ ดังนั้นควรระมัดระวังให้มากที่สุดค่ะ
ผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ
ในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายและคนที่ต้องการเล่นกล้าม ก็เป็นอีกกลุ่มที่ต้องการสารอาหารมาก จึงไม่แนะนำหากจะทำ IF เพราะกลุ่มคนที่ออกกำลังกายอย่างหนักและเล่นกล้าม ต้องการสารอาหารเพื่อไปสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำ IF ก็อาจจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและอาจส่งผลให้กล้ามขึ้นช้า หรืออาจเกิดการเจ็บได้ค่ะ
สูตรของการทำ IF
เนื่องจากในปัจจุบันมีสูตรลดน้ำหนัก IF อยู่หลากหลายสูตร แต่ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานเดียวกันหมดนั่นก็คือ อดอาหารในช่วงเวลาตามที่กำหนด โดยช่วงเวลาที่อดอาหารนั้นสามารถเลือกดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ได้ แต่ให้ดีที่สุดควรเลือกดื่มน้ำเปล่า ซึ่งแต่ละสูตรจะมีช่วงเวลาการทานอาหารและช่วงเวลาอดอาหารที่ไม่เท่ากัน สามารถเลือกได้ตามความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยจะมีทั้งหมด 6 สูตรที่กำลังได้รับความนิยม
สูตรวิธีลดน้ำหนัก 5:2
สูตรนี้เป็นการแบ่งวัน ถือว่าเป็นการเริ่มทำ IF โดยมีหลักคือ ใน 7 วัน ให้แบ่ง 5 วัน ทานอาหารได้ตามปกติ โดยยึดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน (ผู้หญิงไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรี่ และผู้ชายไม่เกิน 2,500 กิโลแคลอรี่) และอีก 2 วันที่เหลือ ให้ทานอาหารวันละ 600 กิโลแคลอรี่ (ผู้ชาย) และ 500 กิโลแคลอรี่ (ผู้หญิง) ไม่ได้อดอาหารเป็นเวลา แต่เพียงลดปริมาณกิโลแคลอรี่ลง
สูตรวิธีลดน้ำหนัก 16/8 หรือ Lean Gains
สูตรลดน้ำหนัก IF ยอดนิยมมากที่สุด และเป็นวิธีที่หมอแนะนำให้มือใหม่ใช้ เนื่องจากไม่โหดมาก สาว ๆ สามารถเริ่มทำตามได้ไม่ยาก โดยเป็นการกินอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และการอดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น เริ่มทานอาหารมื้อแรกเวลา 9.00 น. ฉะนั้นแล้ว เราจะสามารถรับประทานอาหารในมื้อสุดท้ายได้ไม่เกิน 17.00 น. ค่ะ โดยหลังจากนี้ไม่ควรทานอะไรเลย แต่ยังสามารถดื่มเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ เช่น กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล หรือ น้ำเปล่าได้
สูตรลดน้ำหนัก 19/5 หรือ Fast Five
เมื่อเราเริ่มการลดน้ำหนักแบบ 16/8 มาสักระยะแล้ว ร่างกายจะสามารถปรับตัวได้ อาจท้าทายตัวเองด้วยการขยับระดับให้โหดขึ้นมาอีกหน่อย ด้วยสูตร 19/5 (Fast Five) คือ ช่วงอดอาหาร 19 ชั่วโมง และช่วงทานอาหาร 5 ชั่วโมงได้เลยค่ะ เป็นการเร่งการลดน้ำหนักให้เห็นผลเร็วขึ้น แต่ต้องให้แน่ใจว่าร่างกายเรารับไว้นะคะ
สูตรวิธีลดน้ำหนัก Warrior Diet
สูตรนี้คล้ายคลึงกับการฉันอาหารของพระสงฆ์ หรือการถือศีลอดของชาวมุสลิมนั่นเอง ซึ่งเป็นการรับประทานอาหารได้เพียงมื้อเดียวเท่านั้น โดยอาจแบ่งได้เป็น 2 แบบ และระยะเวลาในการอดอาหารจะอยู่ที่ 19-20 ชั่วโมงค่ะ
- อดอาหารในช่วงกลางวัน และกินอาหารได้มื้อเดียวคือช่วงมื้อค่ำ โดยเป็นการทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งจะเน้นการทานโปรตีนและพืชผัก ผลไม้เป็นหลัก
- อดอาหารในช่วงกลางคืน และกินอาหารในช่วงกลางวันเพียงมื้อเดียว สามารถกินได้ปกติ แต่ควรเน้นอาหารไม่ผ่านการทอดจำพวก ย่าง ต้ม ลวก อบ นึ่ง เป็นหลัก
สูตรลดน้ำหนัก Eat Stop Eat
วิธีนี้ถือว่าค่อนข้างโหดอย่างมาก โดยให้เราเลือกวันที่อดอาหารทั้งวัน (24 ชั่วโมง) ดื่มได้แค่น้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มพลังงานต่ำเท่านั้น และต้องทำ 1-2 วันต่อสัปดาห์ และวันที่เหลือ 5-6 วัน สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ทั้งนี้หมอแนะนำให้ทานอาหารที่มีแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการต่อวันค่ะ เพื่อลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว
สูตรลดน้ำหนัก ADF
สูตรนี้ยกระดับความยากมากที่สุดในสูตรการทำ IF ทั้งหมด โดยเป็นการเลือกทานอาหารและอดอาหารแบบสลับวันเว้นวัน ซึ่งในวันที่ทานอาหารให้เลือกทานในปริมาณแคลอรี่ที่ต่ำ ไม่เกินความต้องการของร่ายกายในแต่ละวันค่ะ ซึ่งวิธีนี้ถ้าไม่ระมัดระวังอาจส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
ยิ่งทำคู่กับ IF ยิ่งหุ่นดี ลดน้ำหนักไว
วิธีลดน้ำหนัก IF ที่ให้น้ำหนักลดลงอย่างสม่ำเสมอ ยังจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้วิธีลดน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น และยังทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ซึ่งจะส่งผลให้มีสุขภาพภายในดีขึ้นในระยะยาวอีกด้วยนะคะ
- กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
- นับแคลอรี่ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ แต่ถ้าโหมทานอาหารที่แคลอรี่สูงเกินกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ยังไงเราก็ไม่สามารถลดน้ำหนัก IF ได้อย่างแน่นอน
- มีวินัยในตัวเอง คือสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง
หากการทำ IF เริ่มอยู่ตัว แต่สัดส่วนบางที่ยังไม่ลดสามารถหาตัวช่วยอื่น ๆ เพิ่มเติมและรวดเร็วได้ เช่น การหนีบเย็น (Cooltech) การดูดไขมัน หรือการทำ Thermage เป็นต้น
สรุป
การทำ IF คือการลดน้ำหนักที่ไม่เน้นการออกกำลังกาย แต่เน้นการกำหนดเวลาในการรับประทานอาหารมากกว่า ซึ่งการเลือกทำ IF ต้องประเมินสุขภาพให้พร้อมสำหรับการทำ IF เพราะอาจเกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี หากทำถูกวิธีจะทำให้น้ำหนักลดลงและสุขภาพดีได้