เนื่องจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันทำให้เสี่ยงการเกิดสิวผดขึ้นได้ง่าย ซึ่งการเกิดสิวผด เป็นการบ่งบอกสภาพผิวที่อ่อนแอ หากใครที่กำลังตั้งข้อสงสัยว่าสิวผดเกิดขึ้นได้อย่างไร มีวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดไหม ถ้าเป็นแล้วหายได้ไหม บทความนี้มีคำตอบที่สงสัย
สิวผด คืออะไร
สิวผด คือ คือหนึ่งในผื่นที่เกิดจากแสงแดด (polymorphous light eruption) และ รังสี UVA สิวที่มีลักษณะเป็นสิวขนาดเล็ก ๆ หรือตุ่มนูนกระจายตัวกัน โดยจะขึ้นเห่อเป็นช่วง ๆ และไม่นานก็จะหายไปเอง เมื่อลองเอามือสัมผัสดูจะรู้สึกว่ามีความแหลมและแข็งของหัวสิว โดยมีทั้งประเภทอักเสบและไม่อักเสบ ส่วนใหญ่สิวผดจะเห็นได้ชัดเวลาอากาศร้อนหรือมีเหงื่อออกไม่สามารถเอาออกได้เพราะไม่มีหัวสิว ทำให้เกิดความรำคาญ แต่หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้สิวนี้จางหาย ไม่กลับมาเห่อได้เรื่อย ๆ
สิวผดเกิดได้อย่างไร
สิวผดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- สภาพอากาศที่ร้อนมากเกินไป ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามาก ผิวภายนอกมีสภาพชื้นแฉะ และยิ่งหน้าถูกแสงแดดต่อมเหงื่อก็ถูกกระตุ้นให้กลายเป็นสิวได้ และเมื่อสัมผัสกับฝุ่นละอองทำให้เกิดการสะสมก่อตัว จนกลายเป็นความระคายเคืองขึ้นมาในที่สุด
- การแพ้เหงื่อของตัวเอง เนื่องจากเหงื่อของเราจะออกเมื่อเจอกับความร้อน ทำให้ขับเหงื่ออกมาทางผิวหนัง สำหรับคนที่แพ้ง่ายอาจทำให้เกิดการระคายเคืองจนเกิดสิวผดได้
- เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า P.OVALE ซึ่งเชื้อราดังกล่าวจะทำปฏิกิริยากับผิวบริเวณต่อมไขมันบนผิวหน้าจนทำให้เกิดเป็นสิวผดขึ้นมา
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ บวกกับความเครียด หรือรับประทานอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวผดได้เช่นกัน
- เกิดจากอาการแพ้ เป็นปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากผิวหนังโดนแสงแดดและความร้อน ทำให้ผิวหนังต้องเร่งการขับเหงื่อ แต่เมื่อต่อมเหงื่อไม่สามารถระบายเหงื่อออกได้หมด ก็จะทำให้เกิดการอุดตัน กลายเป็นตุ่มน้ำเล็ก ๆ คล้ายกับผดผื่น ถ้าอากาศร้อนขึ้น สิวผดก็จะเห่อขึ้น
- เกิดการระคายเคืองบนผิวหนังจากการแพ้ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง มลภาวะต่าง ๆ ที่มาจากการใช้ชีวิตประจำวัน
- การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจทำให้เกิดความระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวผดได้
- อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ล้างหน้าอุ่นหรือร้อนเกินไป ทำให้มีความเสี่ยงที่จะระคายเคืองได้ง่าย และสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวผดและสิวประเภทอื่นได้
บริเวณที่มักเกิดสิวผด มีที่ไหนบ้าง
สิวผดที่หน้าผาก
บริเวณหน้าผาก เป็นบริเวณที่สิวผดมักขึ้นบ่อยมาก ซึ่งสาเหตุหลักมักมาจากการที่บริเวณหน้าผากโดนแสงแดด รังสี UVA สิ่งสกปรก หรือเชื้อโรคต่าง ๆ อาจจะมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การไว้ผมหน้าม้า การแพ้แชมพูหรือครีมนวดผม การไม่สระผม การใส่หมวก หรือพฤติกรรมบางอย่างที่เราเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว เช่น การใช้มือสัมผัสบริเวณบนหน้าผาก เมื่ออากาศร้อนทำให้เหงื่อออก เผลอใช้มือเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก เนื่องจากมือของเราสัมผัสกับความสกปรกโดยไม่รู้ตัวแล้วมาสัมผัสผิวบนใบหน้าที่มีความอ่อนโยนยิ่งทำให้เกิดสิวผดได้ง่าย
สิวผดที่แก้ม
สิวที่แก้ม หรือ สิวผดที่แก้ม เกิดได้จากหลายสาเหตุ ปัจจุบันที่ต้องสวมแมสก์ที่มีความอับชื้นตลอดเวลา ยิ่งโดนแสงแดด โดยเฉพาะแสง UVA ในช่วงเวลากลางวันที่มีอากาศร้อนสูง ทำให้เกิดสิวผดเห่อขึ้นมาบริเวณแก้ม นอกจากแสงแดดแล้ว สารเคมีจากเครื่องสำอางค์ที่ใช้ในทุกๆวัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวผดได้เช่นกัน คุณหมอแนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ หรืออย่างน้อยควรพกร่มที่สามารถกันรังสี UV ได้ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวผดที่แก้ม
สิวผดที่คาง
ผิวบริเวณคางเป็นผิวที่บอบบางมาก ยิ่งทำให้เกิดสิวผดได้ง่าย ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิด ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด สิ่งสกปรก และความมันจากใบหน้าเพราะบริเวณคางมีการหลั่งซีบัม (Sebum) ออกมาจากรูขุมขน เมื่อความมันกับสิ่งสกปรกผสมเข้าด้วยกันก็ทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งทำให้เกิดสิวผดได้ สถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องสวมแมสก์ที่มีความอับชื้นตลอดเวลา ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้สิวผดขึ้นบริเวณคางได้เช่นกัน ซึ่งบริเวณคางเมื่อเกิดรอยแล้วค่อนข้างหายไปช้า จึงควรระวังมากเป็นพิเศษ
วิธีการป้องกันสิวผด
เนื่องจากสภาพอากาศที่ประเทศไทยค่อนข้างร้อนชื้นแทบทั้งปี จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสิวผดได้ง่ายและอาจทำให้หายได้ยาก ซึ่ง RWC Clinic มีวิธีการป้องกันและการรักษาสิวผดที่สามารถทำตามกันได้ ดังนี้
พักผ่อนให้เพียงพอและไม่เครียด
ความเครียดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ เพราะต่อมไขมันทำงานหนัก ดังนั้นควรทำจิตใจให้สดใส ผ่อนคลาย ไม่เครียดจนเกิดไป และควรพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง และ ไม่นอนดึก
หลีกเลี่ยงแสงแดด
เพราะความร้อนจากแสงแดดเป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดสิวผดขึ้น ซึ่งการหลีกเลี่ยงแสงแดดนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในประเทศไทย แต่เราสามารถใช้เป็นวิธีปกป้องและป้องกันได้ เช่น การทาครีมกันแดด ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++
ล้างหน้าให้ถูกวิธี
การล้างหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหน้าสะอาดนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะการล้างหน้าบ่อย ๆ จะยิ่งกระตุ้นการเกิดสิวผดให้รุนแรงขึ้น ดังนั้น จึงควรล้างหน้าเพียงวันละ 2-3 ครั้ง ในระหว่างวันให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ที่สำคัญไม่ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนในการล้างหน้า หลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยสบู่ หลังออกกำลังกายควรล้างหน้าทันที เพราะอาจจะให้เกิดสิวผดขึ้นได้
เช็ดหน้าด้วยน้ำมะนาว
กรดของมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดออกมา ทำให้รูขุมขนสะอาด และช่วยให้จุดด่างดำจางลงได้ เพียงคั้นน้ำมะนาวสด ๆ นำมาผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย เพื่อไม่ให้น้ำมะนาวเข้มข้นจนเกินไป เพราะถ้าเข้มข้นเกินไปอาจทำให้เกิดการกัดผิวและแสบได้ จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วเช็ดบริเวณใบหน้าที่เป็นสิวผด ประมาณ 10-15 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละครั้ง สิวผดจะค่อย ๆ ลดและจางลง
หน้าใสด้วยไข่ขาว
หลายคนอาจไม่รู้ว่าไข่ขาวช่วยให้หน้าใสได้ โดยการนำไข่ไก่สด ๆ มาแยกระหว่างไข่ขาวกับไข่แดงออกจากกัน ใช้เฉพาะไข่ขาวมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10-20 นาที แล้วล้างออก การทำความสะอาดหน้าด้วยวิธีนี้จะเป็นการขับสารพิษออกมา ในช่วงแรกที่ทำจึงอาจมีสิวเห่อได้ไมต้องตกใจ ถ้าทำต่ออีก 2-3 วัน จะเห็นเลยว่าผิวหน้าจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
ทำเลเซอร์
เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง อยากใช้ วิธีเร่งด่วนต้องการทำเลเซอร์เท่านั้น ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งทีหลายคนให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะกำจัดสิวผดได้แล้ว ยังจัดการกับสิวอุดตันได้ทั่วทั้งใบหน้าอีกด้วย เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วและปลอดภัย
สิวผด กี่วันหาย
สภาพอากาศของประเทศไทยสามารถเกิดสิวผดได้ง่าย แต่ก็รักษาให้หายได้ง่าย ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งไม่สามารถกำหนดวันได้ชัดเจน แต่จะอยู่เวลา 1 – 3 เดือน การรักษาสิวผดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น สามารถทำควบคู่กับการทำเมโสหน้าใส และ มาเด้ คอลลาเจนได้ หรือการทำ Dual Yellow Laser ได้
สรุป
สิวผด เกิดขึ้นได้จากสภาพอากาศ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นจะเกิดสิวผดได้ง่าย ถ้าอยากให้ได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้น สามารถทำควบคู่กับการทำเมโสหน้าใส มาเด้ และคอลลาเจนได้ หรือการทำ Dual Yellow Laser ได้ นอกจากนี้ยังต้องรักษาวิธีที่ถูกต้อง และเพื่อความรวดเร็วต้องได้รับปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง