พุง เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากพบเจอ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะอ้วนหรือผอม ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนขาดความมั่นใจในการแต่งตัวไปเลย พุง สร้างทั้งความอึดอัด แถมยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย ก่อนอื่นมาทำความรู้จักพุงให้มากกว่าเดิม เพื่อป้องกันได้อย่างถูกวิธี
พุง คืออะไร
ไขมันส่วนเกินหน้าท้อง หรือที่รู้จักกันว่า พุง คือ การสะสมของไขมันบริเวณรอบเอวและหน้าท้อง สร้างความอึดอัดและไม่มั่นใจในรูปร่างของตนเอง เวลาส่องกระจก หรือยืนหันข้าง จะทำให้พุงส่วนนี้ยื่นออกมา หากสัมผัสจะให้ความรู้สึกนุ่มนิ่มและหย่อนคล้อย ทำให้มองหาวิธีการลดน้ำหนัก ซึ่งมีหลากหลายวิธี แต่ละคนจะเลือกตามความสะดวกของตัวเองเป็นหลัก
สาเหตุการเกิดพุง
ปัจจัยหลักของการเกิดพุง หลายคนอาจจะรู้ว่ามาจากการรับประทานอาหารประเภทของทอด ของมันมากจนเกินไป กลายเป็นไขมันสะสม แต่อาจมาจากอีกหลายปัจจัยทั้งการไม่ออกกำลังกาย หรือแม่กระทั้งคุณแม่หลังคลอด ก็มักจะต้องเจอปัญหาเกี่ยวกับการมีพุงได้เช่นกัน ปัจจัยหลัก ๆ ของการเกิดพุง คือ
- ชอบกินของทอดหรือขนมจุบจิบ
- ไม่ชอบกินผัก
- ชอบกินน้ำหวาน
- ดื่มน้ำน้อยเกินไป ซึ่งไม่เพียงพอในแต่ละวัน ปริมาณ 1.5 ลิตรหรือ 8-10 แก้ว
- ชอบกินบุฟเฟ่ต์/กินมื้อละสองจานขึ้นไป
- ไม่ชอบออกกำลังกาย
ซึ่งพุงแบ่งออกเป็น 3 ชั้น หรือที่เรียกกันว่าพุง 3 ชั้นนั่นเอง สามารถแบ่งได้ ดังนี้
พุงชั้นที่ 1 หรือไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (SUBCUTANEOUS FAT)
ชั้นนี้เป็นชั้นที่เราสามารถสัมผัส และบีบได้ ซึ่งเป็นพลังงานสำรองให้กับร่างกายยามขาดแคลนอาหาร ไขมันชั้นนี้สามารถลดลงได้จากการควบคุมอาหารให้เหมาะสม เมื่อเราควบคุมอาหาร ร่างกายก็ต้องนำไขมันส่วนนี้มาใช้ ส่งผลทำให้น้ำหนักของเราลดลงได้ จะยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้นถ้าทำควบกับการออกกำลังกาย
พุงชั้นที่ 2 หรือกล้ามเนื้อหน้าท้อง (ABDOMINAL MUSCLES)
ไขมันชั้นนี้จะสังเกตง่ายในคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย หรือ ผอม บางคนที่ตื่นมาตอนเช้าหน้าท้องก็ดูแบนราบปกติดี แต่พอได้กินอะไรเข้าไปกลายเป็นท้องป่องออกมาเหมือนคนใกล้คลอด ซึ่งสาเหตุเกิดจากความกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรงมากพอที่พยุงอวัยวะภายในนั่นเอง ซึ่งหากไม่แข็งแรงก็จะทำให้เวลาที่เรากินอาหารเข้าไป หน้าท้องส่วนนี้ก็จะไม่มีแรงพยุงให้อยู่ทรง ส่งผลให้พุงห้อยออกมาจนสังเกตได้ชัดเจน
พุงชั้นที่ 3 หรือไขมันในช่องท้อง (VISCERAL FAT)
ไขมันในชั้นนี้เป็นไขมันสะสมที่เป็นอันตราย ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป ซึ่งไม่ค่อยพบในผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะมีไขมันในส่วนนี้สะสมอยู่น้อย ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะมีน้ำหนักมากก็ตาม ไขมันส่วนนี้สามารถละลายเข้าสู่กระแสเลือดได้ และอาจเกิดอันตรายทำให้เกิดการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดทั่วร่างกาย ซึ่งอันตรายมาก การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลดไขมันส่วนนี้ โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคที่เน้นเรื่องการเผาผลาญได้ดีจะช่วยให้ลดไขมันได้อย่างรวดเร็ว เช่น วิ่ง ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น
ประเภทและวิธีการลดพุง
พุง แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1.พุงกลม
โดยจะลักษณะพุงกลมๆ ยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะมีไขมันสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก
สาเหตุการเกิด
พุงกลมๆ เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งแอลกอฮอล์จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารโดยตรง ทำให้กระเพาะอาหารย่อยได้ยากขึ้น เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปจะทำให้เกิดเป็นพุงกลมๆ ยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด หรือเรียกว่า “อ้วนลงพุง” นั่นเอง
วิธีลดพุงกลม
การลดพุงกลม สามารถลดได้โดยการปรับพฤติกรรมของตนเอง คือ การงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ควรเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อให้ดีระบบย่อยอาหาร ถ้าอยากให้เห็นผลลัพธ์มากยิ่งขึ้นต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกาย โดยออกเน้นเฉพาะหน้าท้องเป็นหลัก
2.พุงเครียด
พุงเครียดจะมีลักษณะพุงเป็นชั้น ๆ หน้าท้องจะดูบวมอืด และยื่นเป็นชั้นออกมาระหว่างสะดือและกระบังลม
สาเหตุการเกิด
ตามชื่อเลยที่ว่าพุงเครียด คือ เกิดจากความเครียดนั่นเอง รวมถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกาย ทำงานได้ไม่ปกติ และผลิตไขมันขึ้นที่บริเวณหน้าท้อง นอกจากความเครียดแล้ว ยังเกิดจาก การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การรับประทานอาหารประเภท Junk Food มากเกินไป รวมไปถึงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มคาเฟอีนที่มากไปอีกด้วย
วิธีลดพุงเครียด
พุงเครียดสามารถลดได้โดยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง พยายามลดความเครียด หาวิธีจัดการกับความเครียดในฉบับของตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมที่ช่วยในการผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น จำกัดการดื่มกาแฟ ควรดื่มไม่เกินวันละ 2 แก้ว ที่สำคัญคือควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา และไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ เน้นยืดกล้ามเนื้อทั้งร่างกาย เช่น โยคะ พิลาทีส เพื่อเพลินไปกับการออกกำลังกาย ทำให้ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียดได้
3.พุงป่อง
เป็นพุงกลม ๆ มีลักษณะคล้ายกับพุงแอลกอฮอล์ แต่จะป่องในตอนกลางวัน สาเหตุจากมีแก๊สในกระเพาะอาหาร ระบบการย่อยมีปัญหา
สาเหตุการเกิด
เกิดจากการรับประทานอาหารที่ย่อยยาก จนเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ซึ่งเมื่อเกิดแก๊สจำนวนมากแล้วจะทำให้เกิดอาการพุงป่องนั่นเอง
วิธีลดพุงป่อง
พุงแบบนี้จะไม่อันตรายเท่ากับพุงแบบอื่น สามารถลดได้โดยการปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร รับประทานอาหารที่มีกากใยให้มากขึ้น ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากแป้งขัดสี นม เนย ไข่ หรือชีส เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้ระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารทำงานยากขึ้น
4.พุงหมาน้อย
พุงหมาน้อยจะมีลักษณะพุงด้านล่างห้อย แต่พุงด้านบนเรียบปกติ
สาเหตุการเกิด
เกิดจากการรับประทานหวานมากเกินไป อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารประเภทข้าว ขนมปัง นอกจากนี้ยังเกิดได้กับคนที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยเกิดเป็นไขมันสะสมขึ้น
วิธีลดพุงหมาน้อย
แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เป็นตัวช่วยในการย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น ลดการรับประทานประเภทคาร์โบไฮเดรต และหมั่นออกกำลังกายมากขึ้น
5.พุงคุณแม่
ลักษณะพุงจะห้อย และย้อย จะเป็นกับคุณแม่หลังคลอด
สาเหตุการเกิด
มดลูกยังไม่เข้าอู่
วิธีลดพุงคุณแม่
โดยปกติแล้วพุงคุณแม่ จะใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ กว่ามดลูกจะเข้าอู่ คุณแม่ควรรอให้ร่างกายกลับสู่สภาวะปกติก่อน อย่าเพิ่งรีบออกกำลังกาย รับประทานอาหารประเภทน้ำมันตับปลา และรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันดี
วิธีการเช็คพุง
รู้จักพุงแต่ละชั้นกันไปแล้ว แต่อยากรู้ว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีไขมันเหล่านี้มากเกินไป และเข้าสู่ภาวะ “อ้วนลงพุง”หรือยัง เราสามารถเช็คตัวเราเองได้ง่ายๆ ดังนี้
อ้วนลงพุง = [ วัดเส้นรอบพุง (ผ่านสะดือ) ] มากกว่า [ ส่วนสูง หาร 2 ]
ตัวอย่าง: ถ้าสูง 160 ซม. ต้องมีเส้นรอบพุงไม่เกิน 160/2 = 80 ซม.
วิธีลดพุงผู้หญิงเร่งด่วน 3 วัน
การลดพุงแบบเร่งด่วน 3 วัน ควรเน้นไปที่การรับประทานมากกว่า โดยการทำ IF มาใช้ หรือการเลือกกินแบบ 2:1:1 ตามสูตรของกรมอนามัย ซึ่งจะแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน 2 ส่วนแรกเป็นผักสด หรือผักสุกมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป อีก 1 ส่วน เป็นข้าว แป้ง ควรเลือกชนิดไม่ขัดสี และ 1 ส่วนสุดท้ายเป็นประเภทโปรตีน เน้นปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ควบคู่กับการออกกำลังกายจะยิ่งทำให้เห็นผลเร็วขึ้น
ฉีดเมโสแฟต วิธีลดพุงใน 7 วัน
การฉีดเมโสแฟต (Meso fat) มักจะนำมาฉีดบริเวณแก้ม เหนียง แต่นอกจากนั้นยังฉีดบริเวณได้ เช่น บริเวณพุงหรือหน้าท้อง บริเวณต้นขาและต้นแขน ซึ่งการสลายไขมันของสาร เมโสแฟตจะยังไม่เห็นผลในทันที ผู้เข้ารับบริการอาจต้องรอประมาณ 1-2 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ของสารที่ฉีดเข้าไป
ซึ่งการฉีดเมโสแฟตไม่เหมาะกับคนที่มีไขมันมาก ๆ เพราะการฉีดครั้งหนึ่งควรเว้นระยะในการฉีด และต้องฉีดประมาณ 4-5 ครั้ง ทำให้ใช้เวลาในการฉีด จึงแนะนำเป็นการทำ Cooltech แทน
Cooltech ลดพุงใน 1 เดือน
การลดพุงด้วยเครื่อง Cooltech หรือเครื่องสลายไขมันด้วยความเย็น จะไม่เห็นผลในครั้งแรก แต่จะผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเมื่อครบ1 – 3 เดือน สามารถทำลายเซลล์ไขมันถึงต้นกำเนิด ทำให้ลดปริมาณไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายได้จริง
Thermage ลดพุงใน 2 เดือน
ตัวช่วยในการลดพุงแบบเร่งด่วนใน 2 เดือน โดยไม่เจ็บตัวและทรมาน การทำ Thermage สามารถช่วยได้ ซึ่งหลังทำจะเห็นผลลัพธ์ได้ถึง 30% ในจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นในช่วง 1-2 เดือน เครื่องนี้นอกจากการยกกระชับผิว ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ให้ผิวหนังได้อีกด้วย
สรุป
พุง เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการรับประทานอาหาร และไม่ออกกำลังกายจนเกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกินขึ้น ทำให้ไม่มั่นใจในการแต่งตัว จึงต้องการหาวิธีลดพุงที่รวดเร็วและเหมาะสม กับตัวเอง ซึ่งทาง RWC แนะนำเลยว่า หากต้องการลดภายใน 7 วัน ต้องการฉีดเมโสแฟต ถ้าต้องการลดพุงโดยใช้เวลา 1 เดือน แนะนำเป็นการทำ Cooltech และเวลา 2 เดือน แนะนำเป็น Thermage ปลอดภัย ไม่เจ็บตัว