การฉีดไขมันหน้า คืออะไร แล้ว การฉีดไขมันหน้าเจ็บไหม เป็นคำถามที่มักพบเจอบ่อยครั้งถ้าพูดถึงหัตถการนี้ เนื่องจากมีการใช้เข็ม ถือว่าเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แต่ไม่ถึงขั้นต้องพักฟื้นให้เสียเวลา ซึ่งการฉีดไขมันหน้าช่วยในเรื่องปัญหาใบหน้าดูหย่อนคล้อย ใบหน้าซูบผอม ดูมีอายุ วิธีนี้จึงช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
ฉีดไขมันหน้า คืออะไร
การฉีดไขมันหน้า หรือ Fat Grafting เป็นหัตถการความงามที่ใช้ไขมันจากตัวผู้ป่วยเอง โดยดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันเหลือใช้ เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก แล้วนำมาฉีดเติมเต็มในบริเวณใบหน้าที่ต้องการ เพื่อเพิ่มความอิ่มเอิบและลดริ้วรอยแห่งวัย
ข้อดีของการใช้ไขมันตัวเองคือ ปลอดภัยจากการแพ้ เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อของตัวเราเอง และไขมันยังมีเซลล์ต้นกำเนิดที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
| อ่านเพิ่มเติม ฉีดไขมันหน้า (Fat Grafting) เติมเต็มหน้าเด็ก ด้วยไขมันตัวเอง
- งดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ
- งดอาหารเสริมประเภทวิตามิน A, E, C รวมถึงสมุนไพรอย่างโสม ใบแปะก๊วย และน้ำมันปลา ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนฉีดไขมัน
- เลิกสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคประจำตัวบางอย่างที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยระหว่างการทำหัตถการ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และไทรอยด์
| อ่านเพิ่มเติม ฉีดไขมันหน้า อันตรายไหม
การฉีดไขมันหน้านั้นไม่ได้เจ็บมากจนไม่สามารถทนได้ ความเจ็บที่เกิดขึ้น จะมี 2 ส่วน คือการดูดไขมัน และการฉีดไขมัน ในส่วนของการดูดไขมัน การดูดไขมันเพื่อใช้เป็น Fat Transfer เพื่อปลูกถ่ายจากอวัยวะหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ต้องดูดด้วยความระมัดระวังสูงมาก ต้องอาศัยประสบการณ์และฝีมือของแพทย์อย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้ไม่ทำลายเซลล์ไขมัน คงคุณภาพของไขมันเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้หลังทำการปลุกถ่ายไปแล้วนั้นไขมันติดคงทนมากยิ่งขึ้น
ในปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องดูดไขมัน ที่สามารถรักษาคุณภาพเซลล์ของไขมันให้ยังมีชีวิต นั้นคือเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ หรือ Body-Jet ทำให้การดูดไขมันนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย ทั้งกับเซลล์ไขมันและตัวลูกค้าเอง
หลังการฉีดไขมันหน้า จะมีอาการบวมที่ใบหน้าประมาณ 3 – 5 วัน และอาจมีอาการเขียวในตำแหน่งที่ดูดไขมันประมาณ 7 – 10 วัน หลังจากดูดไขมันแล้วต้องทำการสวมชุดกระชับสัดส่วน เป็นเวลา 1-2 เดือนเช่นเดียวกับการดูดไขมันแบบลดสัดส่วน ใบหน้าที่ฉีดไขมันจะมีอาการบวมไขมันซึ่งเป็นไขมันที่แพทย์ได้เติมเผื่อการยุบตัวของไขมันแล้ว
ไขมันที่ฉีดจะเข้าที่ในเวลาประมาณ 3 – 5 อาทิตย์ โดยจะมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่สลายไป โดยอัตราการติดของไขมันนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการฉีดไขมัน หากดูแลได้ถูกวิธี ไขมันก็จะติดดีมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยไม่สลายไป
ผลข้างเคียงระยะสั้น (1-2 สัปดาห์แรก)
- อาการบวมและแดง – อาการบวมบริเวณใบหน้าที่ฉีดไขมัน เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากร่างกายตอบสนองต่อการฉีดสารแปลกปลอม ผิวหน้าอาจแดงและรู้สึกแน่นตึง อาการมักรุนแรงที่สุดในวันที่ 2-3 แล้วค่อยๆ ดีขึ้น
- รอยเขียวช้ำ – เกิดจากการเจาะเข็มและความดันจากการฉีดไขมัน มักปรากฏบริเวณจุดที่ฉีดและบริเวณที่ดูดไขมัน สีจะเปลี่ยนจากแดงเป็นม่วง แล้วเป็นเหลืองก่อนหายไป
- ความเจ็บปวด – อาการปวดคล้ายการฉีดยา มักเกิดขึ้นในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก อาจรู้สึกแน่นหรือเจ็บเมื่อเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหน้า สามารถบรรเทาด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง
ทั้งนี้ ไขมันบางส่วนอาจไม่รอดและถูกร่างกายดูดซับไป อัตราการติดของไขมันประมาณ 60-80% ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เต็มที่ตามที่คาดหวังได้
- 24 ชั่วโมงแรก งดการนวดหน้าหรือทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เช่น ครีม โลชั่น เพื่อไม่ให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปเคลื่อนย้าย
- ในวันแรกหลังฉีด พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยใช้หมอนสูงหนุนศีรษะเป็นเวลา 2-3 วัน เพื่อลดอาการบวมและอักเสบ
- ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ห้ามขาดยา เพื่อป้องกันการติดเชื้อและบรรเทาอาการปวดบวม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนหรือเย็นจัด เช่น อากาศร้อนจัด แสงแดดแรง ห้องซาวน่า เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ไขมันละลาย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3-7 วัน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ใช้แรงมากๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกระแทกและเคลื่อนย้ายของไขมัน
- หากมีอาการผิดปกติใดๆ เช่น ปวดมาก บวมไม่ลดลง แดงร้อน มีไข้สูง ให้รีบกลับไปพบแพทย์โดยด่วน
- ระวังอย่าจับหน้าหรือนวดหน้าแรงๆ ในช่วง 7-10 วันแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปกระจายหรือสลายตัวออกไป