การฉีดไขมันหน้า คืออะไร แล้ว การฉีดไขมันหน้าเจ็บไหม เป็นคำถามที่มักพบเจอบ่อยครั้งถ้าพูดถึงหัตถการนี้ เนื่องจากมีการใช้เข็ม ถือว่าเป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก แต่ไม่ถึงขั้นต้องพักฟื้นให้เสียเวลา ซึ่งการฉีดไขมันหน้าช่วยในเรื่องปัญหาใบหน้าดูหย่อนคล้อย ใบหน้าซูบผอม ดูมีอายุ วิธีนี้จึงช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
ฉีดไขมันหน้า
การฉีดไขมันหน้า คือ การเติมเต็มใบหน้าด้วยการใช้ไขมันของตัวเอง เรียกง่าย ๆ คือ การย้ายเซลล์ไขมันจากส่วนที่เราไม่ต้องการแล้ว ไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดแทนการฉีดฟิลเลอร์ ที่ไม่มีสารสังเคราะห์ หรือ สิ่งแปลกปลอม เพราะมาจาก ไขมันของเราจะมีเซลล์ฟื้นฟูอยู่ และเซลล์ที่อยู่ในไขมันนี้ สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนฉีดไขมันหน้า
- เตรียมตัวก่อนทำการฉีดไขมันหน้าก็เหมือนการผ่าตัดทั่วไป
- งดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen
- งดอาหารเสริมประเภท วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนรับการรักษา 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อลงได้
- ต้องไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายจากการผ่าตัด เช่น หัวใจ ความดันสูง ไทรอยด์
การดูแลหลังฉีดไขมันหน้า
- 24 ชม.แรก งดการนวดหน้า ทาครีมโลชั่น
- ในวันแรกควรนอนพักผ่อนให้เต็มที่ 8 ชั่วโมง
- เวลานอนพักผ่อนนั้นให้นอนหนอนหมอนสูง 2-3 วัน
- รับประทานยาให้ครบตามคำสั่งของแพทย์
- หลีกเลี่ยงการโดนความเย็นจัดหรือร้อนจัด เช่น ซาวน่า
- งดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 3–7 วัน
- งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
- รีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
- ไม่จับหน้าแรง ๆ เป็นเวลา 7-10 วัน เพื่อไม่ให้ไขมันที่เราได้ฉีดไขมันหน้าไปนั้นสลายตัว
ฉีดไขมันหน้าเจ็บไหม
การฉีดไขมันหน้านั้นไม่ได้เจ็บมากจนไม่สามารถทนได้ ความเจ็บที่เกิดขึ้น จะมี 2 ส่วน คือการดูดไขมัน และการฉีดไขมัน ในส่วนของการดูดไขมัน การดูดไขมันเพื่อใช้เป็น Fat Transfer เพื่อปลูกถ่ายจากอวัยวะหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ต้องดูดด้วยความระมัดระวังสูงมาก ต้องอาศัยประสบการณ์และฝีมือของแพทย์อย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้ไม่ทำลายเซลล์ไขมัน คงคุณภาพของไขมันเอาไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้หลังทำการปลุกถ่ายไปแล้วนั้นไขมันติดคงทนมากยิ่งขึ้น
ในปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องดูดไขมัน ที่สามารถรักษาคุณภาพเซลล์ของไขมันให้ยังมีชีวิต นั้นคือเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ หรือ Body-Jet ทำให้การดูดไขมันนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวลและปลอดภัย ทั้งกับเซลล์ไขมันและตัวลูกค้าเอง
ฉีดไขมันหน้ากี่วันหายบวม
หลังการฉีดไขมันหน้า จะมีอาการบวมที่ใบหน้าประมาณ 3 – 5 วัน และอาจมีอาการเขียวในตำแหน่งที่ดูดไขมันประมาณ 7 – 10 วัน หลังจากดูดไขมันแล้วต้องทำการสวมชุดกระชับสัดส่วน เป็นเวลา 1-2 เดือนเช่นเดียวกับการดูดไขมันแบบลดสัดส่วน ใบหน้าที่ฉีดไขมันจะมีอาการบวมไขมันซึ่งเป็นไขมันที่แพทย์ได้เติมเผื่อการยุบตัวของไขมันแล้ว
ไขมันที่ฉีดจะเข้าที่ในเวลาประมาณ 3 – 5 อาทิตย์ โดยจะมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่สลายไป โดยอัตราการติดของไขมันนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการฉีดไขมัน หากดูแลได้ถูกวิธี ไขมันก็จะติดดีมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยไม่สลายไป
ผลข้างเคียงจากการฉีดไขมัน
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมีเพียงอาการบวมและรอยเขียวช้ำจากเข็มฉีดยาเท่านั้นเอง รอยเพียงเล็กน้อยสามารถบอกได้ว่า การฉีดไขมันหน้าเจ็บไหม จากนั้นคุณหมอจะทำการดูดไขมันของเราออกมา โดยขั้นตอนการดูดไขมัน คุณหมอจะฉีดยานอนหลับร่วมกับยาชาเฉพาะจุด เพื่อความสะดวกในการผ่าตัด
จากนั้นจะฉีดสารละลายน้ำเกลือชนิดพิเศษผสมด้วยยาชา เข้าสู่ชั้นไขมันบริเวณที่ต้องการกำจัดไขมันเพื่อช่วยให้ไม่เจ็บและลดการเสียเลือดและการเกิดรอยช้ำ คุณหมอจะเจาะแผลเล็ก ๆ บริเวณผิวหนัง เพื่อใส่เครื่องมือเป็น เข็มขนาดเล็ก 1 – 2 มิลลิเมตร เข้าไปสัมผัสกับไขมันที่ต้องการสลายโดยตรง เพื่อเป็นตัวนำส่งพลังงานเสียงเข้าสลายเฉพาะไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งไขมันที่ถูกสลายเป็นของเหลวทั้งหมด จะถูกดูดออกอย่างนุ่มนวลและละเมียดละไมที่สุด
หลังจากนั้นคุณหมอจะเย็บปิดแผล 1 – 3 เข็ม แทบไม่เหลือรอยแผลแต่อย่างใด และหลังจากทำแล้วผิวหนังจะค่อย ๆ หดตัว กลับคืนสู่สภาพเดิม และยังคงเรียบเนียนเป็นปกติ หลังทำการดูดไขมันไม่ต้องมีการพักฟื้นใด ๆ เลยมีเพียงแต่อาจจะมีอาการบวมช้ำ รอยเขียว ในจุดที่ได้ทำการดูดไขมันไปนั้น ประมาน 1-2 สัปดาห์
เพียงแค่หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบริเวณแผล ถ้าเกิดมีน้ำซึมออกจากแผลที่ดูดไขมัน นั้นคือน้ำเกลือที่ยังตกค้างอยู่ ก็ทำการเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้แห้งไม่อับชื้น และสวมชุดกระชับสัดส่วนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับคนที่ดูดไขมัน เนื่องจากหลังทำการดูดไขมัน จะมีช่องว่างในชั้นผิวอยู่ การสวมชุดกระชับ จะทำให้เนื้อเรียบเนียน
สรุป
การฉีดไขมันหน้าเจ็บไหม ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เจ็บเลย แต่เจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะมีการใช้เครื่องดูดไขมันที่ทันสมัยจึงเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น รวมถึงฝีมือและประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำให้มั่นใจ สามารถไว้วางใจได้ และได้รับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน