อยากจะทราบกันใช่ไหมคะว่า ไหมที่เราใช้ ร้อยไหม มีกี่แบบ ข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร สำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะใช้วิธีการร้อยไหม เพื่อยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย หรือปรับรูปหน้า รวมกระตุ้นคอลลาเจนผิวก็ตาม คงสงสัยว่ามีขั้นตอนยังไงบ้าง เจ็บหรือไม่ สามารถติดตามบทความนี้ได้เลยค่ะ หมอขนมจะมาบอกถึงประเภทของไหมแต่ละชนิด
สารบัญ
>>> รู้จักนวัตกรรมใหม่แห่งการร้อยไหม ไหมโครงตาข่าย ยกกระชับหน้า <<<
ร้อยไหม คืออะไร ?
การร้อยไหม เป็นวิธีการศัลยกรรมแบบหนึ่ง เป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และมีผลข้างเคียงน้อยไหมที่ใช้สำหรับทำใบหน้าให้เรียวสวย ส่วนใหญ่เป็น “ไหมละลาย” ซึ่งเป็นการยกกระชับ เก็บเหนียง ปรับรูปหน้าทำให้ใบหน้าเรียว (V-Shape) ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าจริงๆ ควรเลือกใช้ ไหมละลายแบบมีเขี้ยวมากกว่า ซึ่งการรักษาจะใช้ไหมมีเขี้ยวเกี่ยวชั้นใต้ผิวหนังและดึงขึ้น เพื่อล็อกเนื้อเยื่อ
ประเภทของไหม-มีกี่ประเภท
ร้อยไหม มีกี่แบบ ? ประเภทของส้นไหมที่เราใช้ในการร้อยไหม เพื่อยกกระชับใบหน้านั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ
- ไหมที่ไม่ละลาย : เป็นเส้นไหมที่ทำจากพลาสติก หรือโลหะ เมื่อร้อยเข้าไปในชั้นผิวแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ไหมจะไม่สามารถละลายหายไปได้เอง ตามธรรมชาติ
ไหมพลาสติกประเภท พอลิโพรไพลีน (Polypropylene)
ไหมชนิดนี้เป็นไหมที่ไม่ละลาย เป็นไหมเทียมที่แพทย์ใช้ทำการเย็บแผล ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายก้างปลา เพื่อดึงรั้งมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้กระชับ ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากมีผลข้างเคียงหลายประการ เช่น เกิดการอักเสบบริเวณปมไหม เมื่อใช้ไปสักระยะตัวก้างปลามักจะหัก ทำให้ผิวหน้ากลับมาหย่อนคล้อยลงได้อีก หรือ เส้นไหมแทงออกมาจากผิวหน้า ต้องอาศัยแพทย์ที่เชี่ยวชาญทำการผ่าตัดเอาออก
ไหมทองคำ (Gold Thread)
เป็นการนำไหมที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ด้วยความเชื่อที่ว่าทองคำช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้เต่งตึง ช่วยชะลออายุผิว และยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ขนาดที่นำมาใช้เล็กเท่าเส้นผม ร้อยเป็นโครงตาข่ายใต้ผิวหนัง จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่าทองคำบริสุทธิ์ไม่มีปฏิกิริยากับสารเคมีใดๆต่อเซลล์ของร่างกาย แต่การร้อยไหมทองก็มีข้อจำกัด เช่น มีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับไหมชนิดอื่น ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล ไม่ทนต่อความร้อน ผิวที่ผ่านการร้อยไหมชนิดนี้ไม่สามารถทำเลเซอร์หรือ ทรีทเม้นท์ผิวหน้าที่ต้องสัมผัสกับความร้อน เพราะอาจเกิดการบิดเบี้ยวของรูปหน้า และในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ได้
2. ไหมละลาย : เป็นเส้นไหมที่เกิดจากการสังเคราะห์ เมื่อร้อยไหมเข้ากับใบหน้า ไหมชนิดนี้สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
ไหมเรียบ (Mono threads)
เป็นไหมละลายเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือเกลียว เป็นไหมที่ใช้ในสมัยแรกๆ ที่การร้อยไหมยังไม่เป็นที่นิยม ลักษณะเป็นเส้นสั้นสอดเข้าชั้นผิวตื้นเพื่อให้ใบหน้าตึงขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยยกกระชับผิวแต่อย่างใด อาการบวมหลังจากการร้อยไหมประเภทนี้ ทำให้ผู้ที่ร้อยไหมรู้สึกใบหน้าดูเต่งตึงขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น จึงไม่ได้รับความนิยม ในปัจจุบันนี้แทบไม่มีผู้ที่ร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้าโดยใช้ไหมเรียบแล้ว
ไหมเกลียว (Screw threads)
เป็นไหมละลายที่มีความแข็งแรงกว่าไหมเรียบ มีลักษณะเป็นม้วนคล้ายสปริง และอาจเป็นเส้นเดียวหรือสองเส้นพันกันเป็นเกลียว ลักษณะเกลียวที่เพิ่มขึ้นมานี้ จะช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบเป็นแอ่งได้ และสามารถช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน
ไหมเงี่ยง (Barbed threads หรือ Cog threads)
เป็นไหมละลายที่นิยมมากในปัจจุบัน ลักษณะเป็นเส้นคล้ายก้างปลาจึงใช้ดึงผิวให้ยกขึ้นได้ดี ช่วยลดความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ ไหมชนิดนี้อาจมีการใช้ชื่ออื่นๆ เช่น ไหมก้างปลา ไหมปากฉลาม หรือไหมกุหลาบ
ไหมกรวย (Silhouette soft)
เป็นไหมละลายรูปแบบใหม่ ที่มีปมกลมๆ ตามแนวเส้นไหม และมีพลาสติกทรงกรวยเล็กๆ อยู่ระหว่างปมของเส้นไหม ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทำให้จับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น โดยไม่มีผลทำให้เนื้อเยื่อภายในบาดเจ็บมากนัก ไหมชนิดนี้จึงเน้นช่วยยกกระชับผิวมากกว่าการสร้างคอลลาเจน สามารถยกกระชับผิวได้ดีกว่าไหมรูปแบบอื่น ไม่เกิดความระคายเคือง และถูกออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลยกกระชับที่ยาวนานกว่า
โดยผลจะคงอยู่ 1-3 ปี แต่ข้อเสียของไหมกรวยคือ อาจใช้เวลาในการทำนานกว่า และมีอาการปวดหรือบวมหลังจากการทำ แต่อาการจะหายไปภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้ ไหมชนิดนี้ราคาค่อนข้างสูงจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
ใครที่อยากทำความรู้จักกับการร้อยไหม เพื่อยกกระชับใบหน้าเพิ่มเติม คลิก
จุดประสงค์ของการร้อยไหม
1. การร้อยไหม ช่วยกระตุ้นการเกิดคอลลาเจนที่ผิวหนัง เช่น การร้อยไหมละลาย PDO หรือ ไหมทองคำ ไหมจะถูกร้อยเข้าไปอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน และอิลาสติน
2. ใช้ร้อยชั้นไขมันเข้ากับชั้นใต้ผิวหนังเข้าหากัน เสริมความแน่นของผิวหนัง เป็นการแก้ปัญหาคาง 2 ชั้น หรือทำให้หน้าที่หย่อนกระชับขึ้น แต่ลักษณะการร้อยแบบนี้ การกระตุ้นเซลล์ผิว ให้เกิดคอลลาเจน และอิลาสติน จะน้อยกว่าลักษณะแรก
วิธีการและขั้นตอนการร้อยไหม ทำอย่างไร
- แพทย์จะให้คำปรึกษาและแนะนำ สอบถามประวัติว่ามีโรคหรือยาที่ใช้ประจำหรือไม่ เนื่องจากสารในตัวยาบางชนิดอาจมีผลต่อการร้อยไหม เช่น แอสไพริน นอกจากนี้แพทย์จะวิเคราะห์วางแผนการร้อยไหมจากอายุ และลักษณะใบหน้าส่วนบุคคล เพื่อการเลือกชนิดไหม ขนาด จำนวนไหม
- ฉีดยาชา แพทย์จะฉีดยาชาให้กับผู้ร้อยไหมในกรณีที่ไม่มีประวัติการแพ้ยาชา
- ทำสัญลักษณ์ ตามตำแหน่งที่จะทำการร้อยไหม
- ทำการร้อยไหม โดยการสอดเส้นไหมเข้าไปในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ส่วนของเส้นไหมที่เป็นเงี่ยงจะทำการยกกระชับผิวหน้าขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการอักเสบเพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ในกระบวนการทั้งหมดนี้แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที แต่หลังจากนั้นอาจเกิดอาการบวมที่ใบหน้า ซึ่งจะหายได้เองใน 1-2 วัน
อยากร้อยไหม ยกกระชับใบหน้า เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย คลิก
สรุป
ร้อยไหม มีกี่แบบ ไหมแต่ละชนิดมีข้อดี และใช้เทคนิคในการร้อยที่ต่างกัน ทั้งนี้ต้องอาศัยทักษะความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์ จึงควรเลือกทำในคลินิกเสริมความงามหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และป้องกันการติดเชื้อจากแผลได้