ไหมมิ้นท์ MINT LIFT ยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด
นอกจากการร้อยไหมแบบโครงตาข่ายแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งหัตถการ นั่นคือ การร้อยไหมมิ้นท์ ซึ่งบทความนี้จะรวบรวมข้อมูลการร้อยไหมมิ้นท์ให้ครบถ้วน พร้อมทั้งข้อดีและข้อเสียของการร้อยไหม อีกเหตุผลที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
MINT ย่อมาจาก Minimal Invasive Non surgical Thread คือ การร้อยไหมดึงหน้าที่ไม่ต้องผ่าตัด และมีความรุนแรงของการร้อยไหมไม่มาก โดย ไหมมิ้นท์ ผลิตโดยประเทศเกาหลีเป็นไหมหลอมมีเฉียงเล็ก ๆ วนเป็นเกลียวรอบแกน ไหมมิ้นท์ มีความแข็งแรงเมื่อนำมาใช้ดึงหน้า และมีจุดยึด จุดแขวน (Suspension thread)
สารบัญ
MINT LIFT คืออะไร?
MINT LIFT คือการใช้ไหมพิเศษ (ไหมมิ้นท์) ที่ใช้สำหรับการยกใบหน้า ซึ่งผลิตมาจาก PDO (polydioxanone) โดย PDO จะถูกออกแบบพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ และปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape
การยกกระชับหน้าด้วยมิ้นท์ลิฟท์ หรือ ไหมมิ้นท์ เป็นการยกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด แค่อาศัยเทคนิคที่ถูกออกแบบขึ้นมา ทำให้การยกกระชับใบหน้านั้น เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว เทคนิคนี้ใช้แค่เพียงยาชาเฉพาะที่ เปิดจุดเล็ก ๆ บริเวณหนังศรีษะเพื่อเป็นจุดเกี่ยวไหม ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
“MINT LIFT ผ่านการรับรองมาตรฐานองค์การอาหารและยา USA FDA, Korea FDA, Japan FDA, India FDA, Mexico FDA, Thai FDA , KFDA จาก Korea ซึ่งเป็นตัวแรกและตัวเดียวที่ได้รับการยกกระชับใบหน้า (Approve Indication Lifting)”
คุณลักษณะของไหมมิ้นท์
- เทคโนโลยีการผลิต ไหมมิ้นท์ เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีสิทธิบัตรคุ้มครองทั่วโลก เป็นไหมที่มีลักษณะพิเศษแบบเดียวไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้
- การออกแบบเงี่ยง/หนามแบบพิเศษ ทำให้มีประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้าดีกว่าไหมตัดแบบอื่น ๆ
-
- ตัวเงี่ยงบน ไหมมิ้นท์ จะทนทาน เงี่ยงของมิ้นท์ลิฟท์จะยังคงอยู่เหมือนเดิมซึ่งแตกต่างจากไหมตัดแบบอื่น ๆ ที่เงี่ยงหนามจะไม่เหมือนเดิม ผลนี้ทำให้ ไหมมิ้นท์ มีประสิทธิภาพดีกว่าและให้ผลในการยกใบหน้านานกว่าไหมแบบอื่น ๆ 2.2) แรงในการยึดติดและทนต่อแรงดึงสูงกว่าไหมแบบอื่น ๆ ให้แรงยึดติดและทนต่อแรงดึงสูงกว่าไหมตัดแบบอื่น ๆ ได้ถึง 3 เท่า ทำให้ผลการดึงกระชับหน้าดีกว่า และไม่ต้องกลัวขาดเวลาทำการร้อยไหม
- ตัวเงี่ยงมีการเรียงตัว 360 องศาบนเส้นไหม ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการยกหน้าให้สูงขึ้น
- ไหมมิ้นท์ วัสดุผลิตจาก PDO (Polydioxanone) มีความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมมากที่สุด
-
- PDO จะไม่เป็นอันตรายเมื่ออยู่ในร่างกาย
- หลังจากร้อย ไหมมิ้นท์ แล้ว ไหมที่ฝังอยู่กลืนไปกับร่างกาย
- ใช้เวลาในการทำน้อย
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย กลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
การร้อยไหม MINT LIFT คือ
การใช้เข็มนำเส้น ไหมมิ้นท์ ที่มีเงี่ยงที่ถูกออกแบบพิเศษ สอดลงในชั้นผิวหนัง เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 6-18 เดือนเส้นของ ไหมมิ้นท์ ก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับร่างกาย หากร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง เส้นไหมที่ร้อยเพื่อยกกระชับนั้น ก็จะเกิดเป็นเส้นไยอิลาสตินช่วยประคองผิว
โดยจะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที ผิวก็จะถูกเงี่ยงของเส้น ไหมมิ้นท์ เกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ ตะขอเกี่ยวดึงผิวให้ยกกระชับนั้นเอง
อ่านเพิ่มเติม ร้อยไหมโครงตาข่าย
การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง
- การยกกระชับผิวหน้าด้วยวิธี MINT LIFT นี้เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปีขึ้นไป โดยเนื้อเยื่อต้องไม่ยุบตัวหรือผิวหนังต้องไม่หย่อนคล้อยมากเกินไป เพราะหากผิวหนังหย่อนมากเนื่องจากอายุหรือมีน้ำหนักตัวมาก อาจต้องใช้วิธีอื่น ๆ รวมกับการร้อย ไหมมิ้นท์ จึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- นอกจากนี้ การทำ MINT LIFT อาจให้ผลดียิ่งขึ้น หากใช้วิธียกกระชับอื่น ๆ ร่วมด้วยในภายหลัง หรืออาจใช้กับผู้ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดยกหน้าไปแต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดครั้งต่อไป ในกรณีนี้อาจเลือกการร้อย ไหมมิ้นท์แทนได้เช่นกัน
- การทำ MINT LIFTสามารถใช้ร่วมกับการยกกระชับหน้าด้วยวิธีอื่น ๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น การใช้วิธีการร้อยไหมร่วมกับการทำฟิลเลอร์หรือฉีดไขมันทั่วหน้า การร้อย ไหมมิ้นท์ ร่วมกับวิธีลดรอยเหี่ยวย่นที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุหรือเข็มขนาดเล็ก จะช่วยให้ผิวหนังกระชับมากกว่าการร้อยไหมเพียงอย่างเดียว
การร้อย ไหมมิ้นท์ เป็นวิธียกกระชับผิวที่ใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกาย เพียงแต่นิยมใช้กับผิวหน้ามากกว่า ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังบนใบหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณแก้ม ร่องจมูก ขากรรไกร หน้าผาก โดยใช้ไหมละลายจำนวนหลายเส้นร้อยเข้าไปในใต้ผิวหนัง
การทำเช่นนี้ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อใต้ผิวและมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่บริเวณรอบเส้นไหม ทำให้ผิวหน้าถูกดึงรั้งจนเต่งตึง ทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณดังกล่าวมากขึ้น
ไหมที่ใช้ในกระบวนการนี้มีให้เลือกหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือไหมละลาย PDO ทำจากโพลีไดออกซาโนน (Polydioxanone) ซึ่งใช้ในการเย็บแผลผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ มักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และไม่ต้องเป็นกังวลว่าเส้นไหมเหล่านี้จะติดอยู่ใต้ผิวหนัง เพราะไหมจะค่อย ๆ สลายตัวไปเองภายใน 8 เดือน
ข้อดีและข้อเสียจากการร้อย ไหมมิ้นท์
ข้อดีของการร้อย ไหมมิ้นท์
- เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นได้ทันที หลังร้อย ไหมมิ้นท์เห็นผลได้ทันที
- เส้นใย collagen และ elastin ถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะ
- สามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้าย ๆ เส้นเอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
- ไหมละลายในปัจจุบัน ไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว
- ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น (ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์)
- การร้อยไหมเส้นเล็ก ๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปากที่คล้ายๆ ลักยิ้มหรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก
- หากร้อยไหมกับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก
ข้อเสียของการร้อยไหม
- เส้นไหมจะกระตุ้นให้ fibroblast (เซลล์สร้างคอลลาเจน) เกิดการสร้างเส้นใย collagen และ elastin แต่ถ้าซ้อนทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า ผังผืด(fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้
หมละลายมีอาย 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม - แต่ถึงแม้ไหมมิ้นท์จะยังละลายไม่หมด ในคนส่วนมาก เมื่อเวลาผ่านไป 6-8เดือน ผิวก็จะหลุดออกจากเส้นไหมได้ก่อน ทำให้ผลอยู่ได้ไม่นานเท่าตามที่โฆษณา และไหมละลายบางชนิดที่อยู่ได้นาน แต่ขาดความยืดหยุ่น เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุโผล่ออกมานอกผิวหนังได้
- บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่ทำหน้าที่คล้ายตะขอสำหรับดึงผิวไปในทิศที่ต้องการ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นเกินไป จะเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหมได้
หากเป็นไหมยุคโบราณ ที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่นทองคำ โลหะจะดูดความร้อนจากการทำ X-ray, MRI, เครื่องสแกนต่างๆ และจะทำให้ผิวไหม้ได้ - ในทรงหน้าของบางเคสที่โหนกแก้มเด่น หากร้อยไหมจะยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้น และไม่สวย แนะนำให้ปรับรูปหน้าด้วยวิธีอื่นแทนเช่น ฟิลเลอร์แก้มตอบ
- ในการร้อยไหม มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบวมช้ำหลังทำค่อนข้างสูง ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งส่วนมากก็จะหายได้เองภายใน 7-14 วัน
- บางคลินิกใช้การร้อยไหมเติมแทนฟิลเลอร์ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะการเติมเต็มใต้ตาร่องแก้มต้องใช้ปริมาณเส้นไหมจำนวนมาก(เป็นร้อย ๆ เส้น) จะทำให้เกิดผังผืด และเกิดปัญหาในอนาคตครับ บางคลินิกนำไหมไปปั่นเป็นผงเล็กๆ (ไหมน้ำ) แล้วฉีดแทนฟิลเลอร์ อันนี้ก็ทำให้เกิดผังผืด
- วัสดุที่ใช้ร้อยไหมได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ PCL / PLLA / PDO เรียงในรูปตามลำดับ
-PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด - PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
- PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูง เป็นที่นิยมมากที่สุด
1) ไม่ได้ทำการบากแกนไหมเส้นด้วยเลเซอร์ให้มีเงี่ยงออกมาเป็นกำงปลาแต่เกิดจากการหลอมขึ้นมาด้วยบล็อคขึ้นรูปเป็นเส้นไหม
2) เส้นไหมเป็นแกนทรงกระบอกและมีเงียงยืนออกไปความแข็งแรงจึงมากกว่าปริมาณเนื้อไหมมากกว่าในความยาวที่เท่ากัน
3) การเรียงตัวของเงียงรอบเส้นไหมเรียงเป็นเกลียวรอบแกนไหมไม่ได้มีเงี่ยงเรียงขนานเป็นเส้นตรงด้านข้างเหมือนไหมก้างปลา
4) เทคนิคการร้อยแต่ละเส้นจะมีจุดแขวนหรือจุดคล้องใต้ผิวหนังบริเวณขมับเหนือใบหูอยู่ในชั้นที่เรียกว่า SMAS จึงมีจุดแขวนเพื่อใช้ในการดึงไหมที่ดึงมากสามารถดึงยกใบหน้าให้กระชับได้ค์ต่างจากไหมก้างปลาที่ไม่มีจุดคล้องอาศัยก้างปลาเป็นตัวค่าเพื่อยกไม่ให้ใบหน้าหย่อนคล้อยลง
5) ไหมแต่ละเส้นที่คล้องผ่านจุดยดจะมี 2 ขาคล้ายการคลองแม่กุญแจรูปตัว U ทำให้ได้ไหมที่มีแรงดึงถึง 2 เส้นต่างจากไหมก้างปลาที่ต้องใช้ไหมดึงเส้นต่อเส้นดังนั้นร้อยไหมก้างปลา 2 เส้นเท่ากับร้อยไหมพื้นท์เพียงเส้นเดียว
6) เทคนิคการร้อยไหมมินท์คล้ายการผ่าตัดเล็กท่ายากกว่าจึงได้ผลที่ดีกว่าไหมก้างปลาหลายเท่าเปรียบเทียบได้กับการทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า (แต่ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นานแค่ 18 เดือนซึ่งการท่าศัลยกรรมจะอยู่ได้นานกว่า)
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการร้อย ไหมมิ้นท์
การร้อย ไหมมิ้นท์ เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนประมาณร้อยละ 15-20 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและแก้ไขได้ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้
- ใบหน้าไม่เท่ากัน คนไข้อาจมีใบหน้าไม่สมมาตรกันอยุู่แล้วหรือเกิดความไม่เท่ากันของใบหน้าจากการร้อยไหมได้ แพทย์จึงอาจให้ผู้ป่วยส่องกระจกไปด้วยในระหว่างทำเพื่อสังเกตความผิดปกติดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้น
- การติดเชื้อ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้น้อย เพราะแพทย์มักใช้กระบวนการฆ่าเชื้อก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัย
- การอักเสบของเนื้อเยื่อ เนื่องจากไหมจะถูกร้อยลงไปที่บริเวณผิวหนังชั้นค่อนข้างลึก จึงเสี่ยงทำให้เกิดกลุ่มเนื้อเยื่อที่อักเสบขึ้นได้
- ไหมหลุดออกมา หลังจากสอดเส้นไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง แพทย์จะตัดปลายไหมส่วนเกินออก เพราะหากไหมยื่นออกมา คนไข้อาจเสี่ยงเกิดการติดเชื้อและการอักเสบของเนื้อเยื่อตามมา
- ไหมแตกหัก เส้นไหมอาจเกิดการแตกหักในระหว่างขั้นตอนการสอดเข้าไปใต้ผิวหนังหรือขณะดึงรัดเส้นไหม
ขั้นตอนการร้อย ไหมมิ้นท์
หลังจากขั้นตอนทาและฉีดยาชา แพทย์จะสอดเส้นไหมมิ้นท์เข้าไปในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอย่างระมัดระวัง เส้นไหมจำนวนหลายเส้นที่สอดเข้าไปนี้จะนำมาซึ่งกลไกการยกกระชับผิว เนื่องจากก่อให้เกิดการอักเสบและมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาจับตัวรอบ ๆ เส้นไหม รัดรึงให้ใบหน้าเต่งตึงในที่สุด ซึ่งอาจต้องมีการประเมินระหว่างการทำอีกครั้งว่าควรร้อยไหมกี่จุด
การปฏิบัติตัวหลังจากการเข้ารับบริการ
1. หลังร้อยไหม อาจเกิดอาการปวด หรือบวมได้ โดยอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล
2. อาจรู้สึกตึงหน้า หรือรู้สึกเสียว ๆ ที่ผิวหน้าบริเวณที่ร้อยไหม โดยอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ หายไปใน 3-5 วัน
3. งดการทำเลเซอร์ โยคะ อบซาวน่า นวดหน้า หรือทำ Treatment หลังทำ 2-4 สัปดาห์
4. งดดื่มแอลกอฮอล์ หลังทำ 1-2 สัปดาห์
5. กรณียังมีริ้วรอยหลงเหลืออยู่ หรือต้องการให้ใบหน้ายกกระชับมากขึ้น สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการร้อยไหมเพิ่มได้
การร้อย ไหมมิ้นท์ อาจจะมีแผลเล็กน้อยและเลือดออกนิดหน่อย แต่ก็จะหยุดไหลเอง แผลมีขนาดเล็กมาก หลังจากการร้อย ไหมมิ้นท์ก็จะมีรอยช้ำบ้างในบางราย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่า บริเวณที่ร้อย ไหมมิ้นท์ นั้นมีเส้นเลือดฝอยมากแค่ไหน ผิวจะมีอาการแดงประมาณ 1-2วัน และ อาการบวมประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากร้อยไหมมินท์เสร็จแล้ว สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่แนะนำให้ทานยาแก้บวมลดการอักเสบ และยาฆ่าเชื้อตามแพทย์สั่งจนหมด
สรุป
การร้อย ไหมมิ้นท์ อาจจะมีแผลเล็กน้อยและเลือดออกนิดหน่อย แต่ก็จะหยุดไหลไปเอง แผลมีขนาดเล็กมาก หลังจากการร้อยไหม จะมีรอยช้ำบ้างในบางราย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่า บริเวณที่ร้อยไหมนั้นมีเส้นเลือดฝอยมากแค่ไหน ผิวจะมีอาการแดงประมาณ 1-2วัน และ อาการบวมประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากร้อยไหมเสร็จแล้ว สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่แนะนำให้ทานยาแก้บวมลดการอักเสบ และยาฆ่าเชื้อตามแพทย์สั่งจนหมด