ปัญหาสิวติดสาร หรือ สิวสเตียรอยด์ ที่เกิดจากการที่หลายคนอยากมีผิวหน้าขาวใส ไร้สิวแบบเร่งด่วน ที่อาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ พร้อมกับการตลาดที่ถูกโฆษณาอย่างเกินจริง และหลายคนหลงเชื่อในคำโฆษณานั้น จนทำให้เกิดปัญหาสิวดังกล่าว วันนี้ RWC จะมาอธิบายให้เข้าใจ เรื่อง สิวสเตียรอยด์ คืออะไร มีสาเหตุเกิดจากอะไร และมีแนวทางรักษาอย่างไรบ้าง ห้ามพลาดในบทความนี้ค่ะ
สิวสเตียรอยด์ คืออะไร
สิวสเตียรอยด์ (Steroid acne) หรือ ที่หลายคนรู้จักก็คือ “สิวติดสาร” นั่นเองค่ะ สิวชนิดนี้ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าคือ “สิว” แต่ไม่ใช่ค่ะ
สิวสเตียรอยด์ คือ ผื่นที่มีลักษณะคล้ายสิว (Acneiform eruption) มีอาการหลายอย่างเช่นเดียวกับสิวทั่วไปแต่ไม่ใช่สิว ซึ่งเกิดขึ้นจากปัญหาโรคผิวหนัง มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง คล้ายตุ่มพุพอง อาจขึ้นพร้อมกันทีเดียวหรือค่อย ๆ ขึ้นค่ะ
ผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์
สเตียรอยด์ มีสรรพคุณรักษาโรคได้หลากหลายในทางการแพทย์ เนื่องจากเป็นสารที่มีผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายทุกระบบ ดังนั้น การใช้ยาสเตียรอยด์ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์และเภสัชกร เพราะหากใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ยกตัวอย่าง เช่น
- ผิวหนังบาง เส้นเลือดที่ผิวหนังแตกง่าย
- ผิวเกิดการอักเสบมีผื่นแดง สิวเห่อขึ้นทั้งตัว
- ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้ติดเชื้อง่าย
การใช้สเตียรอยด์มากเกินขนาด จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “คุชชิ่ง ซินโดรม (Cushing Syndrome)” ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการใช้สเตียรอยด์ในปริมาณที่มากเกินไป
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>> เล่าเรื่องสเตียรอยด์
สาเหตุของการเกิด ก็คือ เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ ทั้ง corticosteroids, anabolic steroids, และสเตียรอยด์แบบทา (Topical steroids) มากเกินไป หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่ากำหนด จนส่งผลกับระบบร่างกายและทำให้เกิดโรคผิวหนังอื่น ๆ ตามมา ทั้งอาการของสิว รูขุมขนอักเสบ และผิวหนังอักเสบ ซึ่งผื่นมักจะเกิดขึ้นหลังจากใช้สารสเตียรอยด์ต่อเนื่องมาเป็นระยะหนึ่ง โดยจะพบสิวสเตียรอยด์เฉพาะบริเวณที่ทา ไม่ลามไปส่วนอื่นค่ะ
อ่านเพิ่มเติม >>> สิวอักเสบ รักษาอย่างไร
การรักษาสิวสเตียรอยด์ แบ่งออกได้ 2 แบบ ดังนี้
ผู้ที่มีอาการรุนแรง
ผู้ที่มีอาการรุนแรง จำเป็นต้องรักษาโดยแพทย์เท่านั้น เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลรักษา ตามที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสม เช่น การกินและทายาทาครีมลดการแพ้ และลดการอุดตันของสิวได้
ผู้ที่มีอาการไม่มาก สามารถรักษาเองได้
สำหรับผู้ที่มีอาการไม่มาก สามารถรักษาเองได้ค่ะ โดยการรักษาประเภทนี้ สามารถแบ่งออกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
- ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมสารสเตียรอยด์ภายใต้การควบคุมของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เนื่องจากสเตียรอยด์มีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ เพื่อความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อการใช้ยา และการรักษาที่ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน เนื่องจากสาเหตุการเกิดสิวสเตียรอยด์เกิดจากการที่สารสเตียรอยด์ไปทำลายผิวจนผิวอ่อนแอ ฉะนั้น ควรเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารทำความสะอาดรุนแรง เพราะอาจเข้าไปทำร้ายผิวมากขึ้น
- เลี่ยงการเผชิญแสงแดด เพราะผิวที่โดนแสงแดด UVA จะฟื้นตัวช้าและจะกระตุ้นการเห่อของสิวมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่า บางครั้งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ ดังนี้ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย ปราศจากสารที่ทำให้ผิวระคายเคืองจะดีที่สุด
- งดการทำร้ายผิวหน้า เช่น ลอกหน้า ขัดหน้า นวดหน้า เนื่องจากจะทำให้ใบหน้าเกิดการอักเสบได้มากขึ้น ทำให้สิวรักษาได้ยากขึ้น
จากที่กล่าวมา เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการรักษา เพราะหากเป็นสิวสเตียรอยด์แล้ว การรักษาให้หายขาดนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และต้องใช้เวลา และอาศัยความสม่ำเสมอในการดูแลผิว
สรุป
สิวสเตียรอยด์ หรือ ผื่นที่มีลักษณะคล้ายสิว หากเป็นแล้วสามารถหายได้ แต่ต้องใช้เวลา เพื่อผิวหน้าที่ดีของเราต้องรักษาอย่างถูกวิธี และควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ และเพื่อความปลอดภัยในการใช้สารชนิดนี้นั้น ควรอยู่ในการควบคุมของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้นนะคะ