เมื่ออยากแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายวิธี แล้วถ้า เปรียบเทียบการฉีดไขมันใต้ตา กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิดฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็มจากร่างกายการฉีดไขมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตา ควรทราบในเรื่องนี้
ปัญหาใต้ตาที่ควรแก้ไข
ปัญหาใต้ตาที่ควรแก้ไข มีหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ทาง RWC Clinic ได้ทำการรวบรวมมาให้แล้ว มีปัญหาใดบ้าง มีดังนี้
ปัญหารอยคล้ำใต้ตา
สาเหตุที่มองเห็นรอยคล้ำใต้ตา เนื่องจากผิวหนังบริเวณใต้ตานั้นมีความบางจนสามารถทำให้มองเห็นเส้นเลือดที่มีเลือดไหลผ่านหลอดเลือดดำ (Vein) ที่อยู่ใต้ผิวหนังรอบดวงตา เมื่อเลือดบริเวณรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก จะทำให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือดดำ หรือมีเม็ดสี (Melanin) สะสมที่บริเวณใต้ดวงตามากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากมีการอักเสบของผิวใต้ดวงตา จึงปรากฏให้เห็นรอยคล้ำใต้ตา
ปัญหาถุงใต้ตาบวม
เป็นอาการบวมน้ำหรืออาการคั่งน้ำรอบดวงตา ซึ่งเกิดจากการสะสมของเหลวภายในร่างกายไปคั่งอยู่บริเวณใต้ตา เช่น น้ำและไขมัน เนื่องจากอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินก็จะค่อย ๆ เริ่มเสื่อม จนทำให้ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย ส่งผลให้เกิดการสะสมของน้ำและไขมันมากขึ้น ยิ่งสะสมมาก น้ำหนักและขนาดของถุงใต้ตาก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนปรากฏให้เห็นถุงตาบวมเด่นชัด
อีกสาเหตุหนึ่งของการสะสมน้ำภายในถุงใต้ตา อาจเกิดจากปัจจัยโรคต่าง ๆ เช่น โรคภูมิเเพ้, การติดเชื้อในโพรงไซนัส, ความดันโลหิตสูง หรือมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของบุคคล ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มหรือการร้องไห้ เป็นต้น
ปัญหาริ้วรอยใต้ตา
ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ นั้นเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินที่คอยพยุงผิว จึงทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาและริ้วรอยใต้ตา เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตามีความบอบบางกว่าบริเวณอื่น ๆ จึงทำให้เป็นบริเวณที่มีริ้วรอยได้เร็วกว่าและง่ายกว่าผิวหนังบริเวณอื่นๆ ร่วมกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้นทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา
ฉีดไขมันใต้ตา คืออะไร
ฉีดไขมันใต้ตา คือ การฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้ มักใช้ไขมันในร่างกายของคนไข้เองมาฉีดเพื่อเติมเต็มเพื่อแก้ปัญหาใต้ตา ซึ่งการฉีดไขมันใต้ตา จะประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ การดูดไขมัน และการฉีดไขมัน ซึ่งทำในคราวเดียวกัน การใช้สารเติมเต็มจากร่างกาย หรือ การฉีดไขมันใต้ตานั้น ให้ผลลัพธ์แบบกึ่งถาวร อาจต้องมีการฉีดซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ถาวร
เนื่องจากการฉีดไขมันนั้น เป็นการปลูกถ่ายที่ย้ายไขมันจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดของร่างกาย อัตราการติดของไขมันนั้นจึงไม่ 100% และไขมันนั้นก็สามารถสลายไปได้ หากได้รับการดูแลหลังฉีดไขมันที่ไม่ถูกวิธี การฉีดไขมันใต้ตากับฟิลเลอร์ใต้ตามีความแตกต่างกัน ทั้งขั้นตอน และการดูแลตัวเองหลังทำ
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดไขมันใต้ตา ควรศึกษาเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควบคู่กันไป เพื่อ เปรียบเทียบการฉีดไขมันใต้ตา กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าวิธีการเติมเต็มแบบใดที่เหมาะสมกับเราที่สุด
อ่านเพิ่มเติม 7 ข้อควรรู้ก่อนฉีดไขมันใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การเติมสารเติมเต็มกลุ่ม “ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid)” เข้าบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาริ้วรอยหมองคล้ำใต้ตาที่กระดูกใต้ตายุบตัวลง ทำให้เนื้อบริเวณใต้ตานั้นดูคล้ำ ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย หน้าดูโทรม อ่อนล้าและดูมีอายุ หรือ ใช้แก้ปัญหาใต้ตาคล้ำจากกรรมพันธุ ที่เป็นสาเหตุของอาการตาโหล ตาคล้ำดำได้
ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสารเติมเต็ม เพื่อให้ใต้ตานั้นดูตื้นขึ้น และรอยคล้ำก็ดูจางลงด้วย ทำให้ใบหน้ากลับมาสดใส อ่อนเยาว์ ดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่การฉีดสารเติมเต็ม ก็ยังมีสารเติมเต็มชนิดอื่นนอกจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ดังนั้น จึงควรทราบการ เปรียบเทียบการฉีดไขมันใต้ตา กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ข้อดีและข้อเสีย เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับเรา
ข้อดี-ข้อเสีย การฉีดไขมันใต้ตา
ข้อดีของการฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตา เป็นการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและร่องลึก หรือช่วยปรับรูปหน้าที่เมื่อไขมันติดดีแล้ว ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานกว่า 1 ปี โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นการนำไขมันของตัวเองมาฉีดเข้าไป โดยในช่วงแรกไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจมีการสลายไปบางส่วน และเมื่อผ่านไประยะหนึ่งไขมันก็จะคงตัว
การฉีดไขมันใต้ตา ไขมันที่นำมาใช้เพื่อฉีกเข้าไปเติมเต็มริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าเป็นไขมันที่มาจากตัวเอง ดังนั้นก่อนที่จะทำการฉีดไขมันจะต้องมีการดูดไขมันออกมาก่อน ทำให้สามารถลดสัดส่วนบริเวณที่ดูดไขมันออกมาได้พร้อมกับการแก้ไขปัญหาริ้วรอยในคราวเดียวกัน
ข้อเสียของการฉีดไขมันใต้ตา
เนื่องจากการฉีดไขมันใต้ตาจะต้องใช้ไขมันก่อน ดังนั้นนอกจากในกระบวนการฉีดแล้วก็จะต้องมีกระบวนการการดูดไขมันออกมาด้วย นับเป็นวิธีที่ยุ่งยากและต้องใช้เวลานานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ไขมันเป็นสารที่อยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และสามารถถูกดูดซึมไปใช้ได้ ดังนั้นในการฉีดไขมันใต้ตาหลังจากการฉีดแล้ว ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจถูกดูดซึมนำไปใช้ ทำให้ผลในการฉีดครั้งแรกอาจไม่เป็นไปตามที่ต้องการอย่างเต็มที่ หรืออาจไม่เห็นผลชัดเจนเหมือนกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
หากในการฉีดไขมันใต้ตาครั้งแรกผลที่ได้รับยังไม่น่าพึงพอใจ เพราะการดูดซึมหรือสลายตัวของไขมัน ก็อาจต้องมีการฉีดไขมันซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ ผู้เข้ารับบริการอาจต้องดูดไขมันเพิ่มเพื่อนำมาฉีดเติมบริเวณที่ต้องการแก้ไข ทำให้ต้องเสียเวลาพักฟื้น เพื่อให้ไขมันนั้นเข้าที่อีกครั้ง
ข้อดี-ข้อเสีย ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นเทคนิคการฉีดสารเต็มเติมแบบ 1 : 1 ฉีดไปเท่าไหร่ก็ให้ผลลัพธ์ตามที่ฉีด จึงสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังจากการฉีดเข้าไป เนื่องจากสารที่ใช้ฉีดจะมีความคงตัวทันที ดังนั้นเมื่อฉีดแล้วหากรู้สึกไม่พึงพอใจก็สามารถเติมหรือนำสารเติมเต็มออกจากบริเวณใต้ดวงตาได้ทันที
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือใบหน้าที่มีความบกพร่อง ด้วยการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปใต้ผิวหนังชั้นลึกเท่า ไม่จำเป็นต้องกรีดเปิดแผลหรือทำการผ่าตัดผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือแต่อย่างใด บริเวณที่บกพร่องบนใบหน้า เข้ารับบริการจึงไม่ต้องเจ็บตัวเพื่อความสวย และไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะข้างเคียงหลังการผ่าตัดอีกด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและสารที่ฉีดไม่ได้ส่งผลกระทบกับร่างกาย ดังนั้นหลังจากที่ฉีดแล้วสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงแต่อย่างใด
อ่านเพิ่มเติม ยี่ห้อฟิลเลอร์ในประเทศไทยมียี่ห้อไหนบ้าง
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์เป็นการเสริมความงามที่อยู่ได้เพียงชั่วคราว ต้องเข้าใจว่าผลของการฉีดอยู่ได้ไม่นาน โดยส่วนใหญ่แล้วผลของการฉีดจะสามารถอยู่ได้ประมาณ 4 เดือนไปจนถึง 1 ปี ก่อนที่สารฟิลเลอร์จะสลายตัวไปตามธรรมชาติโดยจะค่อย ๆ ยุบตัวลง โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องใช้โดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้าหากแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ อาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ทำให้สารฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด และเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะบริเวณดวงตา หากผู้ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญไม่มีประสบการณ์ในการฉีดมากพอ อาจทำให้ตาบอดได้อย่างถาวร
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดจริงไหม?
สารไฮยารูโรนิก แอคซิด เป็นสารที่อยู่ได้ระยะหนึ่งก็จะสลายไปตามธรรมชาติและทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์กลับสู่สภาพเดิม ดังนั้นถ้าหากต้องการผลลัพธ์ในระยะยาวอาจจะต้องมีการฉีดซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ต่อเนื่อง ตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกำหนด
ฉีดไขมันใต้ตา vs ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อะไรปลอดภัยกว่า?
หลายคนยังคงเข้าใจว่าการฉีดไขมันจะปลอดภัยกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปนั้นเป็นไขมันของตัวเราเอง ต้องปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วนั้น การฉีดไขมันนับเป็นอันตรายแอบแฝงมากกว่า จากการอ้างอิงงานวิจัยทั่วโลก จะพบว่าการฉีดไขมันนั้นมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนที่เยอะกว่า และแก้ไขผลยากกว่าด้วย เนื่องจากการฉีดเข้าไปในปริมาณที่เยอะ และโมเลกุลใหญ่ ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย และในปัจจุบันยังไม่มียาสลายไขมันที่รักษาได้ทันที
สรุป
การ เปรียบเทียบการฉีดไขมันใต้ตา กับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำให้เราเห็นถึงข้อแตกต่างของการแก้ไขปัญหาใต้ตาทั้ง 2 วิธีนี้ ซึ่งสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเราได้ตามต้องการ แต่อย่างไรก็ตามทั้ง การฉีดไขมันใต้ตา และการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียภายหลัง