การปรับรูปคางเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากคางที่มีสัดส่วนดีจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวสวย มีมิติ และเข้ารูปมากขึ้น สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาปรับรูปคาง การเลือกระหว่าง ฉีดคางกับเสริมคาง เป็นคำถามสำคัญที่ต้องตัดสินใจ แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเหมาะสมกับคนละกลุ่ม บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างการฉีดฟิลเลอร์คางกับการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง
การฉีดฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด ฉีดเข้าไปบริเวณคางเพื่อปรับรูปทรงให้สวยงามขึ้น วิธีนี้ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 30-45 นาที และสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังการฉีด – ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดครั้งแรก!
การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเสริมคางด้วยซิลิโคนเป็นศัลยกรรมที่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะใส่ซิลิโคนเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูกบริเวณคาง เพื่อเปลี่ยนรูปทรงคางให้ได้ตามต้องการ วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและชัดเจนมากกว่า
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลทันที หลังการฉีดเสร็จสิ้น
- ปรับแก้ได้ หากไม่พอใจสามารถสลายฟิลเลอร์ได้
- ความเสี่ยงต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัด
- เป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
- ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการผ่าตัด
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- ไม่ถาวร อยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ต้องฉีดซ้ำ
- มีข้อจำกัด ไม่เหมาะกับคนที่คางสั้นมากๆ
- ต้องดูแลตัวเอง หลังฉีดเพื่อป้องกันการเสียรูป
ข้อดีของการผ่าตัดเสริมคาง
- ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องทำซ้ำ
- เปลี่ยนแปลงได้มาก เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางสั้นมาก
- ประหยัดในระยะยาว ไม่ต้องมาทำซ้ำเหมือนฟิลเลอร์
ข้อเสียของการผ่าตัดเสริมคาง
- ต้องผ่าตัด มีความเสี่ยงจากการวางยาสลบ
- ต้องพักฟื้น ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- แก้ไขยาก หากไม่พอใจผลลัพธ์
- ราคาแพง เมื่อเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์
- มีความเสี่ยง จากการผ่าตัดและยาสลบ
การฉีดฟิลเลอร์คางเหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีคางสั้นไม่มาก ต้องการปรับแค่เล็กน้อย
- คนที่กลัวการผ่าตัดหรือไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่ต้องการทดลองดูรูปทรงก่อนตัดสินใจผ่าตัด
- คนที่มีปัญหาคางไม่เท่ากัน คางบุ๋ม หรือคางตัดเล็กน้อย
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
การผ่าตัดเสริมคางเหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีคางสั้นมากๆ ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
- คนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร ไม่อยากมาทำซ้ำ
- ผู้ที่ต้องการเสริมคางให้ยาวเกิน 1 เซนติเมตร
- คนที่มีงบประมาณเพียงพอและพร้อมพักฟื้น
ฉีดฟิลเลอร์คาง กับผ่าตัดเสริมคาง แบบไหนดีกว่ากัน ?
เปรียบเทียบฉีดฟิลเลอร์คางกับศัลยกรรมคางด้วยซิลิโคน การฉีดฟิลเลอร์คางเพียงอย่างเดียว อาจจะได้ผลสวยงามในบางราย แต่บางรายต้องมีการฉีดแต่งส่วนด้านข้างคาง มุมปาก และริมฝีปากไปด้วย ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลรวดเร็ว ไม่มีความเสี่ยงจากการวางยาสลบ สามารถปรับแก้ไขได้ง่าย สลายออกได้ แต่อยู่ได้ไม่ถาวร เพราะฟิลเลอร์แท้ จะมีอายุอยู่ได้1.5-2ปีเท่านั้น และต้องทำการฉีดซ้ำ
จะฉีดคางดีไหมก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สำหรับในคนที่คางตัด(คางสั้น)มากๆ แนะนำให้ศัลยกรรมคางด้วยซิลิโคนจะดีกว่า เพราะการฉีดฟิลเลอร์คาง ลงในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก ฟิลเลอร์เป็นเนื้อเจลไม่สามารถทำให้คางยาวขึ้นได้มากเกิน 1 เซนติเมตร ถ้าฉีดยาวเกิน 1 เซนติเมตร แสดงว่าฉีดฟิลเลอร์คางบางส่วนซ้อนทับในเนื้อคางชั้นตื้น ซึ่งก็จะมีปัญหาตามมาในเรื่องของคางที่ผิดรูป หรือฟิลเลอร์ที่ไหลย้อยได้
ข้อดีของการศัลยกรรมคางด้วยซิลิโคน คืออยู่ได้ถาวร แต่หลังผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้น มีความเสี่ยงจากการวางยาสลบ ถ้าทำมาแล้วไม่ชอบจะปรับแก้ไขรูปทรงได้ยาก ควรทำกับแพทย์ที่ฝีมือดี มีประสบการณ์สูง จึงจะได้รูปทรงตามต้องการและดูเป็นธรรมชาติ
บทสรุป
การเลือกระหว่างฉีดคางกับเสริมคางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ปัญหาคางที่มีอยู่ งบประมาณ ความต้องการผลลัพธ์ และการยอมรับความเสี่ยง หากมีคางสั้นเพียงเล็กน้อย ไม่อยากผ่าตัด และต้องการความเป็นธรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนและถาวร การผ่าตัดเสริมคางอาจเหมาะสมกว่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินใบหน้าและให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับตัวคุณ เพราะการตัดสินใจที่ถูกต้องจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด อย่าลืมเลือกสถานที่รักษาที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยค่ะ