จุดด่างดำบนใบหน้าอย่าง Melasma หรือ ฝ้า อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนกังวล และไม่มีความมั่นใจ มีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือดำบนผิว อาจส่งผลให้ผิวดูไม่เรียบเนียน ไม่กระจ่างใส ทั้งนี้ฝ้า ยังเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่รักษาได้ยาก RWC จึงจะมาแนะนำการรักษาที่ช่วยให้ฝ้าจางลงได้ ห้ามพลาดบทความนี้
สารบัญ
ฝ้า หรือ Melasma เกิดจากเม็ดสีผิวเมลานินที่สะสมบนผิวหนังในปริมาณมากเกินไป ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีรอยสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ (Hyperpigmentation) ฝ้า มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและส่วนใหญ่พบในวัยกลางคน อายุประมาณ 30-40 ปี
สาเหตุที่ก่อให้เกิดฝ้า
ปัจจัยหลัก ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้า คือ รังสี UV ในแสงแดด การกินยาคุมกำเนิด การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ แม้กระทั่งการใช้เครื่องสำอางบางชนิด ที่อาจมีผลต่อการแพ้ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินบนผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ กรรมพันธุ์ หรือเชื้อชาติก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ฝ้า และผู้ที่มีผิวขาว จะมีโอกาสเกิดฝ้าได้มากกว่า
- ฝ้าลึก : เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้ใต้หนังกำพร้า มีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา สีเทาอมฟ้า มีขอบเขตของฝ้าไม่ชัดเจน โดยมากเราจะสังเกตได้ว่าฝ้าชนิดนี้จะกลืนไปกับผิวหน้าเป็นบริเวณกว้าง
- ฝ้าตื้น : เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้า มีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทาดำ และสามารถเห็นขอบเขตได้ชัดเจน
- ฝ้าแดด : เกิดจากรังสียูวีที่มาจากแดด มีลักษณะฝ้าสีน้ำตาลคล้ำ ซึ่งจะเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการรักษา
- ฝ้าเลือด : จะมีลักษณะเป็นรอยแดงคล้ายเส้นเลือดมีสีแดงปนน้ำตาล มักเกิดความผิดปกติของเลือดลม ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง
- ฝ้าผสม : ฝ้าที่มีการผสมกันระหว่างฝ้าลึก และฝ้าตื้นบนใบหน้า
วิธีป้องกันฝ้าด้วยตัวเอง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาคุม และเลือกใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นแทน หรือปรึกษาสูติแพทย์ร่วมด้วย
- พยายามหลีกเลี่ยงแดดจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00 – 14.00 น. และหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่ากันรังสี UV SPF50 PA+++ การทาครีมกันแดดอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรหาครีมที่สามารถกันแสงชนิดอื่นร่วมด้วยได้ เช่น visible light จะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันผิวหน้าได้มากขึ้น
- ทายารักษาฝ้าจำพวกกลุ่มยาประเภท hydroquinone, tretinoin, corticosteroid ก่อนใช้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดทุกครั้ง หรือเป็นกลุ่มยาที่มีส่วนประกอบของ glycolic acid, kojic acid, azelaic acid เป็นต้น
- การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดอ่อนไม่ทำร้ายผิว เช่น กรด AHA, กรด Salicylic เป็นต้น
- การรับประทานยาในกลุ่ม Transamine หรือการฉีดยาในกลุ่ม Transamine เข้าไปที่บริเวณฝ้า (เมโส) มีหลายงานวิจัยพบว่าได้ผลการรักษาที่ดี
- การนำนวัตกรรมประเภทเลเซอร์เข้ามาช่วย แต่ผลการรักษาบ่งชี้ว่าดีขึ้นในบางรายเท่านั้น บางรายอาจมีรอยดำหรือรอยแผลเป็นหลังเลเซอร์ได้ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินถึงความเหมาะสมก่อนการทำเลเซอร์ทุกครั้ง
การบำรุงผิวหน้าด้วย Melasma จะเข้าไปช่วยลดการสร้างเม็ดสี Melanin ในชั้นผิว ช่วยลดความเข้มของฝ้า กระ จุดด่างดำให้ดูจางลง นอกจากนี้ยังช่วยปรับให้ผิวหน้าให้เนียนใส โดยการผลักเอาวิตามินและสารบำรุงไปยังผิว เพื่อรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ สิว ริ้วรอยความหมองคล้ำ ทำให้เม็ดสีเมลานินลดลง ใบหน้าจึงเนียนใส
Melasma คืออะไร
เป็นการเติมเต็มด้วยการฉีดตัวยาที่ทำการรักษาด้วยเข็มขนาดเล็ก เพื่อผลักสารที่มีประโยชน์จำพวกวิตามินต่าง ๆ วิตามินซี แอนติออกซิเดน หรือจำพวกสารที่ช่วยบำรุงผิวตัวอื่น ๆ เข้าไปในชั้นผิว หรือที่เราเรียกกันว่า “ผิวชั้นเมโส” โดยเข็มจะทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของชั้นผิวและตัวยาที่ถูกฉีดเข้าไปสามารถซึมและเข้าฟื้นฟูผิวได้ในทันที ส่งผลให้ใบหน้าขาว เรียบเนียน กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ช่วยเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอได้เป็นอย่างดีและตรงจุดมากที่สุด
การฉีด Meso Melasma เป็นการปล่อยตัวยารักษาเข้าไปในชั้นผิว ซึ่งเป็นการรักษาที่ตรงจุดที่สุดเพราะยาสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ทันที แถมไม่ต้องพักฟื้นอีกต่างหาก สามารถแก้ปัญหาที่แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางไม่ติด รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน มีสิวเสี้ยน ใบหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ใบหน้ามีฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำรอยแดง รอยแผลที่เกิดขึ้นจากสิว รอยสิวและมีริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Melasma เหมาะกับใครบ้าง ?
Melasma หรือที่เรียกกันว่า Meso Melasma เป็นการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำรอยแดง รอยแผลที่เกิดขึ้นจากสิว รอยสิวและริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ภาวะที่ผิวหนังบางจุดมีสีเข้มกว่าปกติจึงทำให้เกิดสีผิวไม่สม่ำเสมอกลายเป็นจุดด่างดำ เมโสจะช่วยรักษาและบำบัดโดยการใช้ตัวยาฉีดลงไปในชั้นผิวเมโสควบคุมให้เซลล์สีทำงานลดลงและตัวยาจะซึมเข้าสู่ผิวได้ในทันทีจึงสามารถลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำให้จางลงและเห็นผลได้อย่างชัดเจน รวดเร็วที่สุด
การทำ Meso Melasma ไม่เจ็บมากนักอยู่ในระดับที่พอทนได้ ในคนไข้บางรายสามารถใช้ยาชาร่วมด้วยได้และในคนไข้บางรายไม่รู้สึกเจ็บเลย เพราะเข็มที่ใช้มีขนาดเล็กมากและการแทงลงไปในชั้นผิวลึกเพียง 2 มิลลิเมตรเท่านั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการแทงลงไปลึกมากนัก อาจจะรู้สึกได้ถึงการสะกิด ซึ่งจะหายไปในเวลาประมาณ 15-20 นาที ทั้งนี้หลังจากการทำไม่จำเป็นต้องพักฟื้นสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้เลย
การดูแลหลังรักษาหลังฉีด
- หลังจากการรักษาจะเห็นรอยแดงของเข็มปรากฏประมาณ 3-4 ชั่วโมง ควรงดทาครีม ล้างหน้า แต่งหน้าและออกกำลังกาย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 วัน หลังจากการฉีด
- งดการออกแดด การโดนแดดแรงๆ หรือความร้อนจัด หลังจากทำเป็นเวลา 2 วัน
- งดทำเลเซอร์และทรีทเม้นท์หน้าใน 1 สัปดาห์แรก หลังจากการฉีด
- หลังจาก 4 ชั่วโมงให้หลังสามารถล้างหน้าและลงครีมบำรุงได้ตามปกติเน้นครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน แต่ไม่ควรใช้ครีมจำพวกไวท์เทนนิ่ง หรือครีมหน้าขาวใดๆทั้งสิ้น
ข้อควรระวังในการฉีด Melasma
- ห้ามออกแดดหลังจากทำเสร็จใหม่ๆ และห้ามโดนแดดแรงๆหลังจากทำเป็นเวลา 2 วัน
- ห้ามล้างหน้า 4-6 ชม. เพื่อให้ผิวดูดตัวยาที่ยังอยู่บนชั้นผิว
- หลังจากครบกำหนด ให้ล้างหน้าและลงครีมบำรุงได้ตามปกติ แต่ให้เน้นใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินทาแบบจัดหนักได้เลยหรือใช้แผ่นมามาร์คหน้าที่เป็นแบบวิตามินซี เพราะช่วงนี้หน้ากำลังดูดซึมได้ดีเยี่ยม
- ห้ามใช้ครีมจำพวก whitening หรือครีมหน้าขาวต่าง ๆ
สรุป
Melasma หรือ Meso Melasma รักษาเรื่องฝ้า กระ และจุดด่างดำ ช่วยฟื้นฟูใบหน้าให้อ่อนเยาว์และเรียบเนียน รักษาผิวหน้าอย่างตรงจุด แม่นยำ ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
Pingback: ฝ้า อย่าปล่อยให้ฝ้ากลายเป็นปัญหาคาราคาซัง