ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แม้แต่ปัจจุบัน ค่านิยมผิวขาวในประเทศไทยก็ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทำให้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่ง กลูต้าไธโอน มีทั้งประโยชน์ และอาจให้โทษถ้าใช้มากเกินไป บทความเป็นเพียงความรู้เบื้องต้น เพื่อให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจ และรอบคอบในการทำมากยิ่งขึ้น
กลูต้าไธโอน คืออะไร

กลูต้าไธโอน (glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์ในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลาย โดยสารอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย จะคอยช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย
คุณสมบัติของกลูต้าไธโอน
Antioxidation : กลูต้าไธโอนจะถูกเปลี่ยนเป็นเอนไซม์ glutathione peroxidase มีคุณสมบัติ เป็นสาร antioxidant ที่เป็นสารสำคัญของร่างกาย ทำงานร่วมกับวิตามินซีและอี สามารถช่วยความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
Detoxification : กลูต้าไธโอนช่วยสร้างเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะ glutathione-s-transferse ที่ตับ ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง เป็นต้น
Immune Enhancer : กลูตาไธโอนจะมีความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอม และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วย ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นกลูต้าไธโอนยังสามารถกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด เพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส แถมยังช่วยสร้างและซ่อมแชม DNA สร้างโปรตีน และโพรสตาแกลนดิน (prostaglandin)
สามารถพบสารชนิดนี้ได้ในพืชผักชนิด ต่าง ๆ รวมทั้งผลไม้ทั่วไปและเนื้อสัตว์ด้วย แต่พบมากในหน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) อโวคาโด และ วอลนัท ร่างกายเราก็สามารถสร้างกลูต้าไธโอนได้และมีสารหลายชนิดที่ช่วยเพิ่มการสร้างกลูต้าไธโอน ได้แก่ Alpha lipo acid , Glutamine , Methionine , Whey Protein , Vitamin B6 , Vitamin B2 , Vitamin C และ Selenium ซึ่งสามารถพบได้ง่ายต่อความต้องการ
กลูต้าไธโอนอันตรายไหม
จะเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อได้รับกลูตาไธโอนมากเกินไป ถึงจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่การได้มากเกินไปจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
- หอบหืดเฉียบพลัน
- มีการอักเสบที่ดวงตา อาจถึงขั้นตาบอด
- ความดันโลหิตต่ำ
- การสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดมะเร็งได้
ข้อดีของกลูต้าไธโอน
- ช่วยป้องกันเซลล์ระบบประสาทไม่ให้เกิดภาวะเสื่อมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันเนื้อเยื่อของเซลล์ในอวัยวะด่างๆ ไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระได้อีกด้วย
- ด้วยความสามารถกำจัดสารพิษที่ป็นอันตรายต่อตับ สารษที่เป็นโลหะหนัก หรือสารพิษไม่ละลายน้ำ ทำให้สามารถละลายน้ำได้ดีและขับออกมาได้ง่ายขึ้น
- กลูตาไธโอนเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพและมีปริมาณมากขึ้น เพื่อคอยดักจับ
- และต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดการเจ็บป่วย รวมไปถึงเซลล์มะเร็งด้วย
- จากการศึกษาและค้นคว้าอย่างจริงจัง กลูตาสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่สร้างเมลานินหรือเม็ดสีผิวชนิดเข้มลดลง ทำให้โทนสีผิวกระจ่างใสขึ้น
ผลข้างเคียงจากการใช้กลูตาไธโอน
อาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นหลังจากที่ฉีดกลูตาไธโอน ได้แก่ ผิวหนังแดง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืด เฉียบพลัน อาจจะเกิดอาการแพ้ anaphylactic reaction จากการปนเปื้อนหรือความไม่บริสุทธิ์ของสารตัวนี้ ดังนั้นจึงต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่แพ้ยา ฉีดกลูตาไธโอน ผู้ที่อยู่ระหว่างการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ และคนไข้มีประวัติอาการแพ้ หอบหืด สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการฉีดสารนี้เพื่อให้ผิวขาวนิยมฉีดร่วมกับวิตามินซีในขนาดสูงเนื่องจากมีรายงานการวิจัยพบว่าวิตามินชีจะช่วยกลูตาไธโอนกลับมาอยู่ในรูปออกฤทธิ์ ซึ่งการฉีดวิตามินซีในขนาดที่สูงและเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดอาการมึนศีรษะคล้ายจะเป็นลมได้
นอกจาก กลูต้าที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้นแล้ว ยังมีวิตามินที่สามารถช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสและดูสุขภาพดีขึ้นมาได้ ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าต้องการฉีดวิตามินผิว หรือรับประทาน เลือกได้ตามความสะดวกของแต่ละบุคคล
สรุป
กลูต้าไธโอน คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่เซลล์สามารถสังเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง มีหน้าที่ป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลาย ช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ ถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งเป็นผลเสียแทน