ข้อห้าม หลังฉีดโบท็อก สิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพือให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพ อย่างที่ทราบกันดีว่าการฉีดโบท็อกในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะ Botox หรือสาร Botulinum Toxin Type A มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงหลังฉีดโบท็อก ผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตามข้อห้ามหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด ซึ่งบทความนี้ จะแบ่งปันข้อมูลที่สำคัญหลังการฉีดโบท็อกว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง หากใครที่กำลังสนใจห้ามพลาดบทความต่อไปนี้ค่ะ
รวมข้อห้ามหลังฉีดโบท็อก (Botox)
ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดโบท็อก ควรงดใช้เครื่องสำอางหนัก ๆ หรือการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างรุนแรง แม้ไม่ได้ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของตัวยาโบท็อก แต่ในช่วงวันแรกต้องระมัดระวัง ไม่ควรทาหรือนวดคลึงผิวแรง ๆ เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัวของโบท็อกซ์ได้ และเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่บริเวณที่ฉีด
ในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อก ควรเลี่ยงการนอนราบ นอนตะแคง หรือก้มมาก ๆ อาจจะทำให้ตัวยาที่ฉีดกระจายได้ดีจนเกินไป ทำให้อาจจะไหลไปสู่กล้ามเนื้อมัดอื่นที่เราไม่ต้องการ หรืออาจส่งผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หนังตาตก ปากเบี้ยว เป็นต้น
แนะนำ ควรรักษาท่าทางที่ทำให้หัวอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าระดับหัวใจ
ในช่วง 14 วันแรก ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น การตากแดดจากการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการอบไอน้ำ ซาวน่า การที่ต้องอยู่หน้าเตา ไอร้อนจากหม้อชาบู หมูกระทะ หรือการทำทรีตเมนต์ หัตถการความงามต่าง ๆ ที่ใช้ความร้อนยิงลงไปลึกในชั้นผิว ก็จะทำให้เข้าไปสลายตัวยาโบท็อกซ์ให้เสื่อมสภาพลงได้เร็ว
หากหลีกเลี่ยงในช่วง 14 วันแรกไม่ได้ อย่างน้อยควร 48 ชั่วโมงนะคะ
4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/บุหรี่
ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/บุหรี่ทุกชนิด ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดโบท็อกซ์ เนื่องจากในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ มีฤทธิ์ที่ส่งผลต่อการขยายตัวของเส้นเลือด ทำให้รบกวนการกระจายตัวของโบท็อกซ์ ทั้งยังมีส่วนทำให้การสมานแผลหายช้าอีกด้วย
ยา/อาหารเสริมที่ควรเลี่ยง มีดังนี้
- ยาแก้ปวด
- ยาต้านการอักเสบ ชนิด NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen และNaproxen
- Vitamin E
- อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ ขิง ข่า ตะไคร้ กระเทียม โสม ใบแปะก๊วย
ฉะนั้น ในช่วงใน 2 สัปดาห์แรก ควรเลี่ยงที่จะกด นวดใบหน้าในบริเวณที่ฉีด เพื่อให้ตัวยาดูดซึมได้ดี และออกฤทธิ์ในบริเวณที่ฉีดได้อย่างเต็มที่นะคะ
- ผู้ที่มีอาการแพ้สารโบทูลินั่มท็อกซิน
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหรือประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรค Lou Gehrig’s disease (ALS)
- ผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบที่บริเวณที่จะฉีด
- ผู้ที่มีปัญหาการหยุดเลือดหรือกำลังรับประทานยาเจือจางเลือด
ทั้งนี้ ก่อนฉีดโบท็อกทุกครั้ง ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ และควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ถี่เกินไป ควรเว้นอย่างต่ำ 3 เดือน และไม่เว้นระยะห่างมากจนเกินไป
สรุป
การปฏิบัติตามข้อห้ามดังกล่าว หลังฉีดโบท็อก ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการฉีดโบท็อก เพื่อประเมินและขอคำแนะนำเพิ่มเติมนะคะ