ปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาโหล หรือริ้วรอยใต้ตาเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่คำถามสำคัญที่ใครๆ ก็อยากรู้คือ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล และจะต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ระยะเวลาเห็นผล วิธีการดูแล ไปจนถึงการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
ปัญหาที่ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ได้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการทางความงามที่ใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) ฉีดเข้าบริเวณใต้ตาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ สาร HA นี้มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายและมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
| อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดครั้งแรก!
- ถุงใต้ตา – เติมเต็มบริเวณที่ยุบลงจากการสูญเสียไขมัน
- ร่องใต้ตาลึก – ปรับระดับผิวให้เรียบเนียนขึ้น
- ใต้ตาคล้ำ – เพิ่มความสว่างโดยการเพิ่มปริมาณและสะท้อนแสง
- ริ้วรอยใต้ตา – ลดเลือนริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผิวหย่อนคล้อย – เสริมความกระชับและยืดหยุ่
ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
หลังจากฉีดเสร็จทันที คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงประมาณ 70-80% ของผลลัพธ์สุดท้าย บริเวณใต้ตาจะดูเต็มขึ้นและสว่างขึ้นทันที
ช่วงยุบบวม
- วันที่ 1-2: อาจมีอาการบวมเล็กน้อย รอยเข็มเล็กๆ และอาจเขียวช้ำเล็กน้อย
- วันที่ 3-5: อาการบวมเริ่มยุบลง ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น
หลังจากผ่านไป 2-3 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ ฟิลเลอร์จะเข้าที่สมบูรณ์ ใต้ตาดูเต็มอิ่ม สว่างใส และเป็นธรรมชาติ และภายใน 1 เดือน ฟิลเลอร์จะมีเสถียรภาพสูงสุด ผลลัพธ์จะคงที่และดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ฟิลเลอร์ Restylane
- Restylane Vital Light: 6-12 เดือน
- Restylane Classic: 8-12 เดือน
- Restylane Defyne: 12-18 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm
- Juvederm Volite: 8-12 เดือน
- Juvederm Volift: 12 เดือน
- Juvederm Voluma: 12-18 เดือน
- Juvederm Volux: 18-24 เดือน
การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามปัญหาของแต่ละบุคคล
ข้อปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโปรเฟน วิตามิน E น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสม แป๊ะก๊วยอย่างน้อย 7 วัน
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นการอักเสบ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- งดใช้ครีมผลัดเซลล์ผิว ในช่วง 3 วันก่อนฉีด
- แจ้งประวัติการแพ้และโรคประจำตัว โรคภูมิแพ้ การแพ้ยา หรือสารต่างๆ และยาที่รับประทานประจำทุกชนิด
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ห้ามนวด กด แกะ เกา บริเวณใต้ตา อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการกดทับ เช่น การสวมแว่นตา
- การนอนหลับและการพักผ่อน ควรนอนหงายอย่างน้อย 2 คืน เพื่อป้องกันการกดทับ
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำที่อาจกดทับหน้า
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น งดซาวน่า อบไอน้ำ การอาบน้ำร้อนจัด ในช่วง 2 สัปดาห์
- งดเลเซอร์ร้อน ทรีตเมนต์ใบหน้า ในช่วง 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการตากแดดแรงและการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ในช่วง 3 วันแรก ทำให้ยุบบวมช้าและผลการรักษาอยู่ได้สั้นลง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การปฏิบัติตัวเรื่องอาหารมีผลต่อการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นอย่างมาก
อาหารที่ห้ามเด็ดขาด
- อาหารรสจัด: เค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด (ทำให้บวมน้ำ)
- อาหารสุกๆ ดิบๆ: เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ของหมักดอง: มีสารเจือปนอาหารที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น และฟิลเลอร์สลายเร็ว
อาหารที่แนะนำ
- ดื่มน้ำเปล่าเพียงพอ
- อาหารที่มีวิตามิน C ช่วยสมานแผล
- แกนสับปะรด (มี Bromelain ช่วยลดอาการบวม)
บทสรุป
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล สามารถสรุปได้ว่า ผลลัพธ์เบื้องต้นจะเห็นได้ทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและสมบูรณ์ที่สุดจะเห็นได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยความเร็วในการเห็นผลนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีดเป็นสำคัญ
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง หากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน และปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้คุณมีใต้ตาที่สว่างใส กระชับ และดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ
หากกำลังพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและพึงพอใจมากที่สุดนะคะ