Radiesse คืออะไร ? นวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ฟื้นฟูผิวหน้า

RWC Clinic สรุปให้

  • Radiesse เป็นนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนแบบองค์รวม (Regenerative Biostimulator) มีส่วนประกอบหลักเป็น CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป
  • กระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ ได้แก่ Collagen Type I, Type III, Elastin, Proteoglycan และ Angiogenesis
  • เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวแข็งแรง แน่นกระชับ และริ้วรอยต่าง ๆ ดูจางลง
  • เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน
  • ได้รับการรับรองจาก US FDA, CE และ Thai FDA 
Upload Image...

ในยุคที่การดูแลผิวพรรณไม่ได้หยุดอยู่แค่ผิวเผิน แต่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพผิวจากภายในมากขึ้น นวัตกรรมทางความงามจึงพัฒนาไปสู่การฟื้นฟูผิวแบบองค์รวมที่ไม่เพียงแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ยังช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิวแข็งแรงจากภายใน

‘Radiesse’ หนึ่งในนวัตกรรมที่ตอบโจทย์เทรนด์ผิวสุขภาพดีในปัจจุบัน ด้วยความสามารถพิเศษในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นทันทีและยาวนานกว่าที่เคย ทั้ง Healthier, Younger และ Longer

บทความนี้ RWC จะพาไปทำความรู้จัก Radiesse filler ตั้งแต่ความแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป กลไกการทำงาน ข้อดี การดูแลตัวเองหลังการฉีด  จนถึงเกณฑ์การเลือกคลินิกที่ปลอดภัย เพื่อให้ทุกท่านตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและได้ผลลัพธ์ที่ดี

Radiesse คืออะไร ?

Radiesse คือ นวัตกรรมฟื้นฟูสุขภาพและโครงสร้างผิวที่จัดอยู่ในกลุ่ม Regenerative Biostimulator หรือสารกระตุ้นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม ซึ่งแตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปตรงที่ไม่ได้มี Hyaluronic Acid เป็นส่วนประกอบหลัก แต่ใช้สาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite Microsphere) แทน

Radiesse ถูกคิดค้นและวิจัยโดย Merz Aesthetics ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ในหลายประเทศทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2006 โดยมียอดการใช้กว่า 15 ล้านไซริงค์ จาก 85 ประเทศ ทั่วโลก

Upload Image...

สิ่งที่ทำให้ Radiesse โดดเด่นคือได้รับการรับรองและอนุมัติจาก

  • US FDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา)
  • CE Mark (มาตรฐานยุโรป)
  • Thai FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไทย)

ความแตกต่างระหว่าง Radiesse กับฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid

หลายคนอาจสงสัยว่า Radiesse กับฟิลเลอร์ทั่วไปต่างกันอย่างไร ทำไมถึงเรียกว่าเป็น “ฟิลเลอร์” แต่กลไกการทำงานกลับแตกต่าง มาดูความแตกต่างที่ชัดเจนกัน

หัวข้อเปรียบเทียบ ฟิลเลอร์ Radiesse ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid
ส่วนประกอบหลัก CaHA (Calcium Hydroxylapatite) HA (Hyaluronic Acid)
หลักการทำงาน กระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ เติมเต็มและอุ้มน้ำในผิว
ประเภทBiostimulator + Filler Filler
ผลลัพธ์ เห็นผลทันที + ดีขึ้นเรื่อยๆ ใน 3-6 เดือน เห็นผลทันทีหลังฉีด
ระยะเวลาคงผล1-2 ปี 6-24 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิด)
การสลายตัวสลายตามธรรมชาติ ไม่สามารถละลายด้วย Hyaluronidase ได้สามารถละลายด้วย Hyaluronidase
บริเวณที่เหมาะสม หน้าแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หลังมือ คอ ใบหน้าทุกบริเวณ รวมใต้ตา ปาก
บริเวณที่ไม่แนะนำ ใต้ตา ปาก ระหว่างคิ้ว จมูก -

กลไกทำงานของ Radiesse Filler ในการกระตุ้นคอลลาเจน

สิ่งที่ทำให้ Radiesse แตกต่างและทรงพลังกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปคือ กลไกการทำงาน 3 ขั้นตอน ที่ช่วยฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม

Upload Image...

ขั้นตอนที่ 1: กระตุ้น Fibroblasts

เมื่อตัวยาเข้าไปในผิว จะกระตุ้นการทำงานของ Fibroblasts (ไฟโบรบลาส) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจนในผิวให้มีจำนวนมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 2: ก่อตัวเป็นโครงสร้าง 3D Matrix

อนุภาค CaHA จะก่อตัวเป็นโครงสร้าง และเกิดการกระตุ้นเซลล์ให้ผลิตคอลลาเจนรอบๆ โครงสร้าง หรือเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix) ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว เสริมความแข็งแรงถึงโครงสร้างรอบเซลล์ผิวในผิวชั้นลึก

ขั้นตอนที่ 3: ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ

นอกจากนี้ CaHA ยังเข้าไปช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น กระตุ้นให้เกิดการสร้าง Elastin ในชั้นผิวสูงถึง 260% ทำให้ผิวยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต

การสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ 5 ประการ

Radiesse สามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ ดังนี้

  1. Collagen Type I +150% – ช่วยให้ผิวมีโครงสร้างแข็งแรง (Strong Structural Skin) เปรียบเสมือนเสาเข็มให้เซลล์ผิวใหม่มายึดเกาะ ทำให้ผิวกระชับเต่งตึง
  2. Collagen Type III +130% – ฟื้นฟูถึงในระดับคอลลาเจนและอิลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนังในบริเวณเนื้อเยื่อให้มีการจัดเรียงใหม่ ส่งผลให้ผิวมีความกระชับ ริ้วรอยลดลง มีวอลลุ่มมากขึ้น
  3. Elastin +260% – เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวสามารถคืนตัวได้ดี ไม่เกิดริ้วรอยง่าย
  4. Angiogenesis – กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดขนาดเล็ก ทำให้มีสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิว ผิวมีเลือดฝาดดี
  5. Proteoglycan – กระตุ้นการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น และคืนตัวได้ดี

Radiesse ช่วยอะไรบ้าง ?

Radiesse เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์หลากหลายปัญหาผิว ทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดและการฟื้นฟูผิวโดยรวม มาดูว่า Radiesse ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

Upload Image...

1. ลดริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า

Radiesse มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขริ้วรอยและร่องลึกที่เกิดจากอายุและแรงโน้มถ่วง โดยเฉพาะร่องแก้ม (Nasolabial Folds) ที่ลากจากข้างจมูกลงมาถึงมุมปาก ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) ที่ลากจากมุมปากลงมาถึงคาง และร่องมุมปากที่ทำให้ดูบูดบึ้งหรือเครียด

กลไกการทำงานคือ CaHA จะเข้าไปเติมเต็มร่องลึกให้ตื้นขึ้นทันที พร้อมกันนั้นยังกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่รอบๆ บริเวณนั้น ทำให้ร่องไม่กลับมาลึกเหมือนเดิมเร็วเหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป ผิวจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นจากภายใน และริ้วรอยจะดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

2. ยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดอาการหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณแก้ม กรอบหน้า และขมับ Radiesse สามารถช่วยยกกระชับผิวในบริเวณเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฉีด Radiesse บริเวณโหนกแก้มจะช่วยเพิ่มความเด่นชัดและทำให้แก้มดูฟูอิ่มขึ้น บริเวณกรอบหน้าจะช่วยทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น ไม่หย่อนคล้อย และสามารถยกแก้มให้ฟู ลดอาการแก้มตกได้ การเติม Radiesse บริเวณขมับที่ยุบจะช่วยให้ใบหน้าดูสมดุล ไม่แหลมจนเกินไป

กลไกการยกกระชับเกิดจากการเติมเต็มวอลลุ่มในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวถูก “ดัน” ให้ยกขึ้นจากภายใน ขณะเดียวกันคอลลาเจนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นก็จะช่วยประคองผิวไม่ให้หย่อนคล้อยกลับมาเร็ว

3. เพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้าที่ไม่มีมิติ

หลายคนมีปัญหาใบหน้าแบนราบ ไม่มีมิติ ผิวบุ๋มยุบในบางบริเวณ หรือดูขาดความเต็มอิ่ม ทำให้หน้าดูโทรม ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ขาดความสดใส ไม่มีชีวิตชีวา Radiesse สามารถช่วยสร้างวอลลุ่มให้ใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

CaHA จะเข้าไปสร้างวอลลุ่มให้กับบริเวณที่ต้องการทันที เห็นผลได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ และเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้น ผิวจะมีความแน่นและเต็มจากภายในมากขึ้น ไม่ใช่แค่เติมเต็มชั่วคราว แต่เป็นการปรับโครงสร้างผิวให้มีวอลลุ่มที่แข็งแรงและยั่งยืน

4. ปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน

นี่คือจุดเด่นพิเศษที่ทำให้ Radiesse แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป มันไม่ได้แค่แก้ปัญหาชั่วคราว แต่ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจริงในระดับเซลล์

Collagen Type I ที่เพิ่มขึ้น 150% จะให้โครงสร้างที่มั่นคงแก่ผิว เปรียบเสมือนเสาเข็มที่รองรับอาคาร ทำให้ผิวมีความแข็งแรงและไม่ยุบง่าย Elastin ที่เพิ่มขึ้นถึง 260% จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี เมื่อถูกดึงหรือกดผิวจะกลับเข้าที่ได้เร็ว ไม่เหี่ยวย่นง่าย

Proteoglycan ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำและไม่แห้งกร้าน ส่วน Angiogenesis หรือการสร้างหลอดเลือดเล็กใหม่จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้มีสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดี ผิวจึงมีเลือดฝาดและสุขภาพดี

5. ฟื้นฟูผิวบริเวณมือและคอ

หลายคนมักจะให้ความสำคัญกับใบหน้าแต่ลืมดูแลมือและคอ ซึ่งเป็นส่วนที่เปิดเผยสภาพอายุที่แท้จริง Radiesse ไม่ได้จำกัดการใช้งานแค่ใบหน้า แต่ยังให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมกับบริเวณมือและคอด้วย

บริเวณหลังมือที่เหี่ยวย่น แห้งกร้าน เห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดชัด สามารถปรับปรุงได้ด้วย Radiesse ผลลัพธ์ที่ได้คือหลังมือดูอ่อนเยาว์ เนียนนุ่ม เส้นเอ็นและเส้นเลือดดูจางลง และที่สำคัญคือดูธรรมชาติ ไม่บวมเทอะทะเหมือนการฉีดฟิลเลอร์บางชนิด

ส่วนบริเวณลำคอที่มีริ้วรอยชัด ผิวคอหย่อนคล้อย หรือมีร่องคอที่ชัดเจน ก็สามารถแก้ไขได้ด้วย Radiesse ผิวคอจะตึงขึ้น ไม่หย่อนคล้อย และริ้วรอยคอจะดูจางลง

6. กระชับรูขุมขนและปรับ Texture ผิว

เมื่อผิวมีคอลลาเจนเพิ่มขึ้น โครงสร้างผิวจะแข็งแรงและแน่นขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนที่กว้างดูเล็กลงตามไปด้วย ผิวจะเรียบเนียนขึ้น มีความเนียนนุ่มเมื่อสัมผัส และ texture โดยรวมของผิวจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผิวที่มีปัญหาความไม่เรียบเนียน เป็นหลุมเป็นบุ๋มตื้นๆ หรือมีรอยแผลเป็นตื้นๆ สามารถปรับปรุงได้ด้วย Radiesse เพราะการเติมเต็มและการสร้างคอลลาเจนใหม่จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นจากภายใน

7. ชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต

Radiesse ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาที่มีอยู่ แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาในอนาคตด้วย เนื่องจาก Elastin ที่เพิ่มขึ้นทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูง ผิวที่ยืดหยุ่นจะต้านทานการเกิดริ้วรอยได้ดีกว่าผิวที่แข็งและไม่มีความยืดหยุ่น เมื่อมีการเคลื่อนไหวของใบหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว ผิวจะยืดแล้วกลับเข้าที่ได้ดี ไม่ทิ้งร่องรอยเป็นริ้วรอยถาวร

นอกจากนี้โครงสร้างผิวที่แข็งแรงจะช่วยรองรับน้ำหนักของผิวได้ดี ไม่หย่อนคล้อยง่าย การมีคอลลาเจนและอีลาสตินที่เพียงพอจึงเป็นการ “ลงทุน” ในอนาคตของผิว 

Radiesse เหมาะกับใคร ?

Upload Image...
  • ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป: เพราะในช่วงอายุนี้ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลง ผิวเริ่มมีริ้วรอยตามวัย ขาดความยืดหยุ่น และเริ่มหย่อนคล้อย การป้องกันและชะลอริ้วรอยตั้งแต่เนิ่นๆ หรือแก้ไขปัญหาที่เริ่มปรากฏชัดเจน การเริ่มทำตั้งแต่อายุนี้ยังช่วยชะลอการเสื่อมของผิวในอนาคตได้ดี
  • ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึกชัดเจน: ผู้ที่มีร่องแก้มที่ลึกและชัดเจน ร่องน้ำหมากที่ทำให้ดูบูดบึ้ง หรือร่องมุมปากที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย Radiesse จะช่วยเติมเต็มร่องลึกพร้อมกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์คงทนและดูเป็นธรรมชาติ
  • ผู้ที่ใบหน้าขาดวอลลุ่มและมิติ: ใบหน้าที่แบนราบ ไม่มีมิติ แก้มตก แก้มบุ๋ม หรือหน้าเหี่ยวดูโทรม กรอบหน้าไม่ชัดและหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่ Radiesse สามารถช่วยได้ดี การเพิ่มวอลลุ่มด้วย Radiesse ไม่ใช่แค่การเติมเต็มชั่วคราว แต่เป็นการสร้างโครงสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงและยั่งยืน ทำให้ใบหน้ามีมิติ ดูมีชีวิตชีวา และสมส่วนมากขึ้น
  • ผู้ที่ผิวขาดคอลลาเจนและความยืดหยุ่น: เมื่อผิวไม่แน่น ไม่เฟิร์ม บาง ขาดความยืดหยุ่น แห้งขาดความชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบเนียน Radiesse จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนถึง 5 ประเภทจึงเป็นตัวเลือกที่ดี ผิวจะค่อยๆ กลับมาแข็งแรง มีความยืดหยุ่น และมีสุขภาพดีจากภายใน
  • ผู้ที่มือหรือคอมีริ้วรอยชัดเจน: หลังมือที่เหี่ยวย่น เห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดชัด ผิวมือแห้งกร้านดูแก่กว่าวัย หรือคอที่มีริ้วรอยชัด ผิวหย่อนคล้อย Radiesse สามารถใช้ได้ผลดีกับบริเวณเหล่านี้ ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์และสอดคล้องกับใบหน้าที่ได้รับการดูแล
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน: ผู้ที่ต้องการให้ผิวมีสุขภาพดีจริงๆ มีโครงสร้างผิวที่แข็งแรง และผิวที่คงความอ่อนเยาว์ได้ระยะยาว Radiesse จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เพราะมันเป็นการฟื้นฟูแบบองค์รวม ไม่ใช่แค่การปกปิดปัญหา

กลุ่มที่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด Radiesse

มีบางกลุ่มที่ไม่ได้หมายความว่าห้ามทำ Radiesse แต่ต้องการการประเมินและคำแนะนำจากแพทย์อย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาวะของแต่ละคน 

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคผิวหนังเรื้อรัง และโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
  • ผู้ที่เคยทำหัตถการบนใบหน้ามาก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เคยฉีดสารเติมเต็มชนิดถาวร (เช่น ซิลิโคนเหลว) หรือเคยผ่าตัดเสริมวัสดุบางชนิดบนใบหน้า ควรแจ้งแพทย์อย่างละเอียด เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันหรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
  • ผู้ที่กำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาคุมกำเนิดและฮอร์โมน แนะนำให้แจ้งแพทย์เพื่อบันทึกประวัติและประเมินภาพรวม เพราะบางคนอาจมีผลข้างเคียงจากฮอร์โมนที่ส่งผลต่อผิวหรือการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ เช่น ประวัติแพ้ยาชา ประวัติแพ้ผลิตภัณฑ์ความงาม หรือมีประวัติแพ้อย่างรุนแรงที่ต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน ควรหลีกเลี่ยงการทำ Radiesse

ขั้นตอนการฉีด Radiesse ที่คลินิก

การฉีด Radiesse เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ การเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดจะช่วยให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกมั่นใจและเตรียมพร้อมได้ดีขึ้น

Upload Image...

การเตรียมตัวก่อนวันนัด

  • 1-2 สัปดาห์ก่อน: หยุดยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน (ปรึกษาแพทย์ก่อนหากใช้รักษาโรค) หยุดอาหารเสริม วิตามิน E, น้ำมันปลา, Ginkgo Biloba หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่นบนใบหน้า
  • 2-3 วันก่อน: งดดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับ 7-8 ชั่วโมง ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร
  • วันนัดฉีด: ล้างหน้าสะอาด ไม่ทาครีมหรือเครื่องสำอาง แต่งตัวสบายๆ เสื้อคอกว้าง รับประทานอาหารให้อิ่ม มาตรงเวลา

ขั้นตอนที่คลินิก

  • พบแพทย์และวางแผน ถ่ายภาพ Before ตรวจสอบสภาพผิว แพทย์วาดจุดที่จะฉีด อธิบายแผนการฉีด แสดงกล่อง Radiesse ของแท้
  • ทำความสะอาดและทายาชา ทำความสะอาดผิวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ทายาชาภายนอก รอให้ยาซึม 20-30 นาที เช็ดยาชาออก
  • ขั้นตอนการฉีด Radiesse ใช้เข็ม Cannula (ปลายทู่) ลดความเจ็บและรอยช้ำ แพทย์ใช้เทคนิคเหมาะสมกับแต่ละบริเวณ อาจรู้สึกแสบหรือกดดันเล็กน้อย
  • นวดและกระจายยา แพทย์นวดเบาๆ เพื่อกระจายยาให้สม่ำเสมอ ป้องกันการเกิดก้อน ปรับแต่งให้สมมาตร
  • รับคำแนะนำและนัดติดตามผลลัพธ์ 

การดูแลตัวเองหลังการฉีด Radiesse

การดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดี พร้อมทั้งลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง และทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น

Upload Image...
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด อย่าจับ ลูบ แตะ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีดโดยเด็ดขาด การสัมผัสอาจทำให้ตัวยาเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่ต้องการ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากรูเข็มที่ยังไม่ปิดสนิท
  • ประคบเย็นเบาๆ หากมีอาการบวมหรือแดง ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็งประคบบริเวณที่บวมครั้งละ 10-15 นาที ห่างกัน 1-2 ชั่วโมง อย่าประคบน้ำแข็งโดยตรง เพราะอาจทำให้ผิวบาดเจ็บ
  • นอนหัวสูง ในคืนแรกหลังฉีด ควรนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงกว่าระดับหัวใจ จะช่วยลดอาการบวมได้ดี หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือนอนทับด้านที่ฉีด
  • ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้ดีและลดอาการบวม
  • ทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรือสารระคายเคือง ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและลูบเบาๆ อย่าถู หรือขัดแรง
  • งดแต่งหน้า 12-24 ชั่วโมง รอให้รอยเข็มปิดสนิทก่อน เมื่อเริ่มแต่งหน้าได้แล้วควรใช้แปรงหรือฟองน้ำที่สะอาด ลูบเบาๆ อย่ากดแรง
  • ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้อยู่ในร้มหรือวันที่ฝนตก เพราะรังสี UV จะทำลายคอลลาเจนที่กำลังสร้างขึ้นใหม่
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และคอลลาเจน ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัดเพราะจะทำให้บวมมากขึ้น
  • ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก งดออกกำลังกายหนัก ยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพราะจะเพิ่มการไหลเวียนเลือดและทำให้บวมมากขึ้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะขยายหลอดเลือด ทำให้บวมและเกิดรอยช้ำได้ง่าย รวมถึงทำให้การฟื้นตัวช้าลง
  • หลีกเลี่ยงการก้มหน้าต่ำนาน เช่น การทำงานโน้มตัว เก็บของใต้โต๊ะ หรือผูกเชือกรองเท้า เพราะจะทำให้เลือดไปคั่งที่ศีรษะและบวมมากขึ้น
  • งดการทำเลเซอร์ RF หรือ IPL บนใบหน้า ต้องรออย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หรือตามคำแนะนำของแพทย์

ปริมาณและจำนวนครั้งในการฉีด Radiesse

การกำหนดปริมาณและจำนวนครั้งในการฉีด Radiesse ไม่ใช่เรื่องที่ตายตัว ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

Radiesse บรรจุมาในรูปแบบไซริงค์ 1 กล่องมี 1 ไซริงค์ ปริมาณ 1.5 cc บริษัทผู้ผลิตแนะนำว่าสำหรับการฉีดทั่วใบหน้าควรใช้ 2 ไซริงค์ต่อครั้ง (ใบหน้า 1 ข้างใช้ 1 ไซริงค์) รวมเป็น 3 cc

Upload Image...

ปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณที่ใช้

  • ระดับความรุนแรงของปัญหา หากมีริ้วรอยและร่องลึกมาก หรือความหย่อนคล้อยรุนแรง อาจต้องใช้ปริมาณมากกว่าคนที่มีปัญหาเล็กน้อย
  • ขนาดและโครงสร้างใบหน้า ใบหน้าใหญ่หรือกว้างอาจต้องใช้ปริมาณมากกว่าใบหน้าเล็ก การมีโครงกระดูกใบหน้าที่แข็งแรงหรืออ่อนก็มีผลต่อปริมาณที่ต้องการ
  • บริเวณที่ต้องการฉีด การฉีดเฉพาะบริเวณเดียว เช่น ร่องแก้ม อาจใช้แค่ 0.5-1.5 cc แต่หากต้องการฉีดหลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม, โหนกแก้ม, กรอบหน้า อาจต้องใช้ 2-4 cc
  • เป้าหมายของการฉีด หากต้องการผลลัพธ์ที่เห็นชัดมาก อาจต้องใช้ปริมาณมากกว่าการแก้ไขเล็กน้อย
  • อายุและสภาพผิว ผิวที่อายุมากกว่าหรือขาดคอลลาเจนมากอาจต้องใช้ปริมาณมากกว่าผิวที่ยังเป็นหนุ่มสาว

ตัวอย่างปริมาณตามบริเวณ

  • ร่องแก้ม: 1-2 cc 
  • ร่องน้ำหมาก: 0.5-1.5 cc 
  • โหนกแก้ม: 1-2 cc
  • กรอบหน้า: 1-2 cc 
  • ขมับ: 1-1.5 cc 
  • หลังมือ: 1-1.5 cc 
  • ลำคอ: 1.5-3 cc

หมายเหตุ: ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงแนวทาง ปริมาณจริงต้องให้แพทย์ประเมินนะคะ

ฉีด Radiesse ที่ไหนดี ? เกณฑ์การเลือกคลินิก

การเลือกคลินิกที่ดีและปลอดภัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การตัดสินใจไม่ควรดูแค่ราคาถูกหรือโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว ควรเลือกจากเกณฑ์ดังนี้

Upload Image...
  • ความถูกต้องตามกฎหมาย

คลินิกต้องเปิดอย่างถูกต้องและมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ควรมีชื่อคลินิกชัดเจนพร้อมเลขที่ใบอนุญาตผู้ประกอบการติดไว้ในที่เห็นได้ง่าย มีป้ายรายชื่อแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพพร้อมเลขใบประกอบวิชาชีพ (ว.) ติดไว้ในที่เปิดเผย และสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้จากเว็บไซต์แพทยสภา

  • คุณสมบัติของแพทย์

แพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้จากแพทยสภา มีความชำนาญเฉพาะทางด้านความงามหรือมีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์มาอย่างน้อย 2-3 ปี และที่สำคัญที่สุดคือต้องผ่านการอบรมจากบริษัท Merz Aesthetics Thailand โดยเฉพาะเรื่อง Radiesse เพราะการฉีด Radiesse ต้องรู้เทคนิคการเตรียมและผสมยาอย่างถูกต้อง

คลินิกที่ได้มาตรฐานจะมี Certified Injector Sticker จาก Merz Aesthetics ติดไว้หน้าคลินิก แสดงว่าแพทย์ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจากบริษัทนำเข้าโดยตรง นอกจากนี้แพทย์ควรเปิดเผยผลงานและมีรีวิวจากคนไข้จริง ไม่ใช่แค่ภาพสวยๆ ที่อาจไม่ใช่ผลงานจริง

  • การใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้

คลินิกต้องแสดง Radiesse ของแท้ให้คุณเห็นและตรวจสอบก่อนฉีดทุกครั้ง กล่องต้องปิดสนิท ไม่เคยเปิดใช้งานมาก่อน มีเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขทะเบียน อย. ชัดเจนข้างกล่อง มี QR Code หน้ากล่องสำหรับสแกนตรวจสอบของแท้ โดยเลขบนกล่องและข้อมูลที่สแกนได้ต้องตรงกัน เลข Lot บนกล่องและในซองต้องตรงกัน มีวันหมดอายุที่ยังไม่หมด

  •  มาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัย

คลินิกต้องมีมาตรฐานการทำความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อที่ดี ห้องทำหัตถการควรสะอาด มีการฆ่าเชื้อเครื่องมือที่ถูกต้อง และพยาบาลหรือผู้ช่วยแพทย์สวมถุงมือและหน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีอุปกรณ์ฉุกเฉินและยาช่วยชีวิตครบถ้วน กรณีเกิดอาการแพ้รุนแรงหรือภาวะฉุกเฉิน คลินิกต้องมีความพร้อมรับมือทันที

  • การให้คำปรึกษาที่ดี

คลินิกที่ดีจะให้คุณปรึกษาแพทย์โดยตรง ไม่ผ่านเซลส์หรือคนกลาง แพทย์ควรใช้เวลาฟังปัญหา ประเมินสภาพผิวอย่างละเอียด อธิบายข้อดีข้อเสียอย่างตรงไปตรงมา ไม่ยัดเยียดหรือบังคับให้ทำ และบอกความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน

  • ความโปร่งใสด้านราคา

ราคาต้องชัดเจนตั้งแต่แรก ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง รู้ว่าจ่ายเงินไปเท่าไหร่ได้อะไรบ้าง รวมค่ายา ค่าบริการ ค่าติดตามผล หรือแยกกัน ไม่ควรมีการบังคับซื้อแพ็คเกจหรือผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่จำเป็น และมีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องครบถ้วน

  • การติดตามผลหลังทำ

คลินิกที่ดีจะมีการนัดติดตามผลหลังฉีด 2-4 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบการฟื้นตัวและผลลัพธ์ มีช่องทางติดต่อแพทย์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดปัญหาหรือข้อสงสัย เช่น Line, โทรศัพท์ที่แพทย์ตอบเอง ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ และยินดีแก้ไขปัญหาหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน

  • รีวิวและชื่อเสียง

ค้นหารีวิวจากลูกค้าจริง โดยเฉพาะรีวิววิดีโอที่เชื่อถือได้มากกว่ารีวิวภาพที่อาจแต่งได้ ดูความคิดเห็นทั้งเชิงบวกและเชิงลบ หากมีเสียงร้องเรียนมากหรือมีปัญหาซ้ำๆ ควรสอบถามคนรู้จักที่เคยทำ หากมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยฉีด Radiesse แนะนำให้ถามประสบการณ์จริง ซื่อสัตย์กว่ารีวิวออนไลน์ที่อาจมีการจ้างเขียน รวมถึงตรวจสอบจากเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ดูว่าคลินิกอัปเดตข้อมูลสม่ำเสมอหรือไม่ มีการให้ความรู้หรือแค่โฆษณาขาย มีการตอบคำถามผู้ติดตามอย่างสุภาพและมีข้อมูลหรือไม่

บทสรุป

Radiesse เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวที่โดดเด่นด้วยความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนและเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ได้ถึง 5 ประการ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ทั้งการลดริ้วรอย ยกกระชับผิว เพิ่มวอลลุ่ม และฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในอย่างแท้จริง โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีและดีขึ้นเรื่อยๆ คงทนได้นาน 1-2 ปี

ด้วยส่วนประกอบหลักเป็น CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่ได้รับการรับรองจาก US FDA, CE Mark และ Thai FDA อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการฉีด Radiesse ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้ทำหัตถการ การใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ และการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะแพทย์ที่ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจาก Merz Aesthetics จะมีความเข้าใจเทคนิคการฉีดและการเตรียมยาอย่างถูกต้อง

หากใครที่กำลังมองหาทางเลือกในการฟื้นฟูผิวแบบยั่งยืน ที่ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาชั่วคราว แต่ต้องการให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายในจริงๆ Radiesse อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสม ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดแนะนำให้ศึกษาข้อมูล ปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญ และเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและได้ประสิทธิภาพค่ะ

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า