การทำความงามด้วยการฉีดไขมันกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง ทำให้หลายคนเชื่อว่าปลอดภัยกว่าการฉีดฟิลเลอร์ แต่ความจริงแล้วการฉีดไขมันยังคงมีความเสี่ยงที่ร้ายแรง โดยเฉพาะปัญหา ฉีดไขมันแล้วตาบอด ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจทำความงามได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและตัดสินใจอย่างมีสติ
การฉีดไขมันหน้า คืออะไร
การฉีดไขมันหรือ Fat Grafting เป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่นำไขมันจากส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น ต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก มาฉีดเติมในบริเวณที่ต้องการเพิ่มปริมาตรหรือปรับรูปร่าง โดยทั่วไปจะใช้กับใบหน้า เช่น แก้ม ใต้ตา หรือริมฝีปาก
ข้อดีของการฉีดไขมันที่ทำให้เป็นที่นิยมคือ เป็นการใช้เนื้อเยื่อจากตัวเอง จึงลดความเสี่ยงจากการแพ้ นอกจากนี้ไขมันยังมีสเต็มเซลล์ที่อาจช่วยในการฟื้นฟูผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้จะดูธรรมชาติกว่าการใช้ฟิลเลอร์สังเคราะห์
แต่ที่หลายคนไม่รู้ก็คือ แม้จะเป็นการใช้เนื้อเยื่อจากตัวเอง การฉีดไขมันก็ยังคงมีความเสี่ยงร้ายแรง โดยเฉพาะเมื่อสารที่ฉีดเข้าไปในเส้นเลือดโดยไม่ตั้งใจ
| อ่านเพิ่มเติม เจาะลึกข้อมูลก่อนฉีดไขมันหน้า
การฉีดไขมันนั้นเป็นการปรับรูปหน้า แก้ไขจุดบกพร่อง ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่มีสารแปลกปลอมที่เป็นสารสังเคราะห์ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีผลข้างเคียงอย่างแน่นอน
สิ่งที่ควรระวังนั้นคือการติดเชื้อต่างๆ ทั้งจากความสะอาดของแผล และ การปฏิบัติตัวตามข้อห้ามอย่างเคร่งครัด เพราะมีทั้งรอยแผลจากการดูดไขมันและฉีดเติมไขมัน ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ แพทย์จะทำการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันทวงที แต่เปอร์เซ็นการเกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายนั้นเกิดได้น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับการปรับรูปหน้าด้วยการเติมเต็มแบบอื่นๆ
สาเหตุของการฉีดไขมันแล้วตาบอด
ฉีดไขมันแล้วตาบอดเกิดขึ้นจากกลไกที่เรียกว่า “การอุดตันของเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา” หรือ Central Retinal Artery Occlusion (CRAO) ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ไขมันที่ฉีดเข้าไปติดอยู่ในเส้นเลือดแดงและไหลไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา
ใบหน้าของเรามีเส้นเลือดแดงที่เชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อน เมื่อมีการฉีดไขมันในบริเวณใบหน้า หากเข็มฉีดยาเจาะเข้าไปในเส้นเลือดแดงโดยไม่ตั้งใจ ไขมันจะถูกผลักดันโดยแรงดันของเลือดและไหลไปตามเส้นเลือด เมื่อไขมันมีขนาดใหญ่กว่าเส้นเลือดขนาดเล็ก จะเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงเซลล์ประสาทตาได้
บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงสุดสำหรับการฉีดไขมันแล้วตาบอดคือ บริเวณรอบๆ ดวงตา เช่น หน้าผาก ขมับ จมูก ร่องแก้ม และใต้ตา เนื่องจากเส้นเลือดในบริเวณเหล่านี้มีการเชื่อมต่อโดยตรงกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา
อาการเบื้องต้น
- การมองเห็นลดลงอย่างรวดเร็วในข้างเดียว
- เห็นเป็นจุดดำหรือมีม่านบังใส่หน้าตา
- ปวดตาหรือบริเวณรอบๆ ดวงตา
- ตาแดง หรือมีอาการระคายเคือง
อาการร้ายแรง
- สูญเสียการมองเห็นทั้งหมดในข้างเดียว
- ไม่สามารถแยกแสงและความมืดได้
- ม่านตาไม่หดตัวเมื่อส่องแสง
สิ่งสำคัญคือ หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นระหว่างหรือหลังจากการฉีดไขมัน ต้องรีบพาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที เพราะหากไม่ได้รับการรักษาภายใน 90 นาที เซลล์ประสาทตาจะตายอย่างถาวร
- การเลือกแพทย์และสถานที่ – ควรเลือกแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สามารถตรวจสอบว่าคลินิกมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง และควรเลือกสถานที่ที่มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับการจัดการภาวะฉุกเฉิน
- ข้อควรระวังก่อนการทำหัตถการ – ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลข้างเคียง แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรงประจำตัว และหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า
- ข้อควรปฏิบัติระหว่างการทำหัตถการ – จำเป็นต้องมีการใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง แพทย์ควรใช้เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย เช่น การใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดช้าๆ และควรหลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง
บทสรุป
ฉีดไขมันแล้วตาบอด เป็นภาวะฉุกเฉินที่ร้ายแรงซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการทำความงาม แม้ว่าการฉีดไขมันจะมีข้อดีหลายประการและใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม การเกิดภาวะนี้มีสาเหตุมาจากการที่ไขมันเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา ทำให้เกิดการขาดเลือดและเซลล์ประสาทตาตายอย่างถาวร
การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยการเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ สถานที่ที่ได้มาตรฐาน และการทำความเข้าใจในความเสี่ยงอย่างถูกต้อง หากเกิดอาการผิดปกติระหว่างหรือหลังการฉีด ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษา
สุดท้ายนี้ สำหรับผู้ที่สนใจในการฉีดไขมันหรือหัตถการอื่น ๆ ควรชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพราะการสูญเสียการมองเห็นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้ และจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก