การมีหน้าผากที่สวยได้รูปทรงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีเสน่ห์มากขึ้น การ เติมฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากที่มีร่องลึก หรือริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด หลายคนเลือกวิธีเติมฟิลเลอร์หน้าผากเพราะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับการเติมฟิลเลอร์หน้าผากอย่างละเอียด ตั้งแต่วิธีการทำ ประโยชน์ ข้อควรระวัง ไปจนถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
เติมฟิลเลอร์หน้าผากคืออะไร และเหมาะกับใคร
การเติมฟิลเลอร์หน้าผากคือการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณใต้ผิวหนังของหน้าผาก เพื่อเพิ่มปริมาตรและปรับรูปทรงให้หน้าผากดูอิ่มเต็ม มีมิติ และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ กรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและโอกาสแพ้น้อย – หน้าผากอิ่มฟู เติมเต็มความมั่นใจด้วย ฟิลเลอร์หน้าผาก
การเติมฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้
- มีหน้าผากแบนหรือแคบ ต้องการให้หน้าผากดูอิ่มเต็มและได้รูปมากขึ้น
- มีร่องลึกบริเวณหน้าผาก โดยเฉพาะแอ่งยุบลงไปบริเวณเหนือคิ้ว
- มีริ้วรอยบนหน้าผากที่เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้าหรือวัยที่เพิ่มขึ้น
- ต้องการปรับรูปทรงของหน้าผากให้เข้ากับใบหน้า
- ต้องการเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อ เพื่อเสริมโชคลาภและวาสนา
- ไม่ต้องการผ่าตัดหรือใช้ซิลิโคนเสริมหน้าผาก
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล: การเติมฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่เกิดบาดแผล แตกต่างจากการผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนที่ต้องเปิดแผลบริเวณไรผม
- พักฟื้นสั้น เห็นผลทันที: หลังจากเติมฟิลเลอร์หน้าผาก จะสามารถเห็นผลลัพธ์ทันที และใช้เวลาพักฟื้นเพียง 7-14 วันเท่านั้น ในขณะที่การผ่าตัดเสริมหน้าผากต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเป็นเดือน
- ปรับแต่งได้ตามต้องการ: สามารถเติมฟิลเลอร์หน้าผากได้ทีละน้อย และเพิ่มเติมได้ตามความพอใจ หากไม่พอใจผลลัพธ์ ก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้
- เจ็บน้อย: ในการเติมฟิลเลอร์หน้าผาก แพทย์จะทายาชาก่อนทำการฉีด ทำให้รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- ความเสี่ยงต่ำ: หากเลือกคลินิกมาตรฐานและใช้ฟิลเลอร์แท้ การเติมฟิลเลอร์หน้าผากจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าการผ่าตัด
| อ่านเพิ่มเติม – ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอันตรายไหม ? ทำความเข้าใจความเสี่ยงและวิธีป้องกัน
- การปรึกษาแพทย์และออกแบบการรักษา: ก่อนทำการเติมฟิลเลอร์หน้าผาก แพทย์จะประเมินสภาพผิวและรูปทรงของหน้าผาก พร้อมทั้งสอบถามความต้องการของคุณ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
- การทำความสะอาดผิวและทายาชา: แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณหน้าผากและทายาชาเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด
- การฉีดฟิลเลอร์: แพทย์จะใช้เข็มแบบทู่ (ไม่ใช่เข็มปลายแหลม) ในการฉีดสารฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง การใช้เข็มแบบทู่จะช่วยลดความเสี่ยงในการแทงทะลุเส้นเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อและดวงตาได้
- การปรับแต่งและตกแต่ง: หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว แพทย์จะทำการปรับแต่งรูปทรงของหน้าผากให้เรียบเนียนและได้สัดส่วนตามที่ต้องการ
ในเรื่องของปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ จะขึ้นอยู่กับลักษณะของหน้าผากและความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไป:
- สำหรับการแก้ไขริ้วรอยหรือร่องลึกบริเวณเหนือคิ้ว จะใช้ปริมาณ 1-2 cc
- สำหรับการเสริมหน้าผากให้โหนกนูนหรือเสริมโหงวเฮ้ง จะใช้ปริมาณ 3-5 cc
ผลลัพธ์จากการเติมฟิลเลอร์หน้าผากสามารถเห็นได้ทันทีหลังการทำหัตถการ แต่จะมีรอยแดงและอาการบวมในช่วงแรก ซึ่งจะค่อยๆ หายไปภายใน 7-14 วัน ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้
- อันตรายจากการฉีดผิดตำแหน่ง: หน้าผากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดสำคัญที่เชื่อมต่อกับดวงตา การฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด ส่งผลให้เนื้อเยื่อตายหรืออาจทำให้ตาบอดได้ในกรณีร้ายแรง ดังนั้นควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- ความเสี่ยงจากฟิลเลอร์ปลอม: การใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดการอักเสบ เป็นก้อน หรือเนื้อเยื่อเกิดปฏิกิริยาแพ้รุนแรงได้ ควรเลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้และได้มาตรฐานเท่านั้น
- ผลข้างเคียงทั่วไป: หลังการเติมฟิลเลอร์หน้าผาก อาจเกิดอาการบวม รอยช้ำ รอยแดง หรือรู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 7-14 วัน
- ฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือเป็นคลื่น: หากฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือผิวเป็นคลื่นได้
- ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป: การฉีดฟิลเลอร์มากเกิน 5 cc ในครั้งเดียว อาจทำให้เกิดการกดทับเนื้อเยื่อและเกิดอาการบวมลงไปถึงบริเวณรอบดวงตาได้
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าหรือนอนตะแคง: ควรระวังไม่ให้เกิดการกดทับบริเวณหน้าผากที่ฉีดฟิลเลอร์มาแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่และมีความคงตัวมากขึ้น
- ประคบเย็น: หากมีอาการบวมหรือปวด ให้ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 5-10 นาที ทุก 2-3 ชั่วโมงในวันแรกหลังการฉีด จะช่วยลดอาการบวมได้
- หลีกเลี่ยงความร้อน: งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนบริเวณใบหน้า เช่น การอบซาวน่า การออกกำลังกายหนักๆ หรือการอาบน้ำร้อน เป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการฉีด
- งดการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด: ไม่ควรนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
- งดแต่งหน้า: ควรงดการแต่งหน้าบริเวณหน้าผากอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำในปริมาณมากจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- งดดื่มแอลกอฮอล์และของหมักดอง: เพื่อป้องกันการอักเสบและลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
บทสรุป
การ เติมฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปทรงของหน้าผากโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัด วิธีนี้ช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน ริ้วรอย หรือร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันที พักฟื้นไม่นาน ที่สำคัญสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ
อย่างไรก็ตาม การเติมฟิลเลอร์หน้าผากควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง และควรเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด