คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “เมโสหน้าใส” ทรีทเม้นต์การฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมนี้ แล้ว การฉีด เมโสหน้าใส คือ อะไร ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วนได้อย่างไร ? แก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง ทุกอย่างได้บอกครบหมดจดไว้ในบทความนี้แล้ว
สารบัญ
วิดีโอ : เมโสหน้าใส ช่วยหน้าเดียวจริงหรือ?
เมโสหน้าใส คือ อะไร ?
เมโสหน้าใส คือ การรักษาด้วยการเสริมความงาม ที่เน้นช่วยให้หน้าขาวใส ด้วยการฉีดวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ผิวหน้าที่ผิวสามารถดูดซึมวิตามินและนำมาฟื้นฟูตัวเองได้ดีกว่า รูปแบบของการทานวิตามิน เพื่อมอบผิวสวยสว่างกระจ่างใสให้กับผิว รักษาจุดด่างดำ และหลุมสิวต่างๆ จึงทำให้วิธีการฉีดเมโสหน้าใสนั้นเป็นที่นิยมมากๆ เพราะสามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี
ด้วยค่านิยมของสาวๆว่า ผิวจะต้องเนียนใส จึงมีการใช้วิตามินในการบำรุงผิวหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้วิตามินแบบทาน วิตามินแบบฉีด เมโสหน้าใส คือ หนึ่งในวิตามินการบำรุงผิวแบบฉีดนั่นเอง ที่ได้ยินกันอย่างคุ้นหูว่า “Mesotherapy”
ที่มาของการ เมโสหน้าใส คือ ?
คำว่าเมโส เป็นชื่อเรียกอย่างย่อของคำว่า “เมโสเทอราปี” (Mesotherapy) หลักการคือใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปใต้ผิวชั้นใน (Mesoderm) หรือชั้นหนังแท้ ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ รอยสิว จุดด่างดำต่างๆ ฉีดสารจำพวกวิตามิน แร่ธาตุ แอนติออกซิเดนท์ คอลลาเจน และสารบำรุงผิวตัวอื่นๆ เพื่อไปกระตุ้นเซลล์และฟื้นฟูผิวชั้นใน ซึ่งสารที่ฉีดจะแตกต่างกัน เพื่อลดไขมันส่วนเกิน ลดริ้วรอย ผิวหน้าหมองคล้ำ รวมถึงการรักษาผมร่วง
เมโสหน้าใส มีรูปแบบการฉีด 2 แบบ ดังนี้
การฉีดเมโสหน้าใส แบบสะกิด
เป็นวิธีการใช้เข็มฉีดยาสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วบริเวณใบหน้า เพื่อให้วิตามินซึมซาบเข้าสู่ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจทำให้เกิดรอยแดงขึ้นบนใบหน้า และถ้าระหว่างฉีด ไม่ดูแลรักษาความสะอาดมากพอ อาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อขึ้นได้ (มักเกิดจากการฉีดเมโสหน้าใสด้วยตนเอง ไม่ได้ฉีดโดยแพทย์)
การฉีดเมโสหน้าใส แบบ 16 จุด
เป็นวิธีการใช้เข็มฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง เพื่อให้วิตามินให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว ซึ่งวิธีการฉีดแบบนี้จะทำให้เกิดแผลได้น้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า รอยช้ำลดลง ประสิทธิภาพของยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานมากขึ้น โดยรวมแล้ววิธีนี้ดีกว่าการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
เมโสหน้าใส เห็นผลภายในกี่วัน?
หลังการฉีดเมโสหน้าใส จะเริ่มเห็นผล 3 วันหลังการฉีด และจะเห็นผลที่ชัดเจนในช่วงเวลา 7-14 วัน มีประสิทธิภาพอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน โดยปกติเมโสหน้าใส จะฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้งของเดือนแรก และหลังจากนั้นจะฉีดทุก ๆ 2 สัปดาห์เพื่อคงสภาพ ซึ่งเมโสหน้าใส ไม่มีการฉีดแบบถาวร สามารถสลายหมดไม่มีสารตกค้าง
เมโสหน้าใส จริงหรือ ?
วงการแพทย์ผิวหนังยังมีข้อถกเถียงถึงผลลัพธ์ที่ได้ ว่ายังไม่ได้รับการยอมรับจากองค์กรอาหารและยา (US FDA)ในเชิงการรักษา แต่ไม่ได้หมายความว่าการฉีดเมโสเป็นสิ่งที่ร้ายแรงขนาดนั้น หากได้รับการรักษาจากคลินิกที่ได้มาตรฐานมีความน่าเชื่อถือและกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หากผู้ทำไม่มีความชำนาญ อย่างแรกเลยคือผิวหน้าได้รับผลกระทบโดยตรง อาจเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้า เกิดการอักเสบของผิว เนื่องจากผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงสุขอนามัยส่วนบุคคลอันเนื่องมาจากการใช้เข็มร่วมกับผู้อื่นในกรณีที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์โดยตรง ซึ่งเสี่ยงต่อการติดโรคร้ายแรงได้
ใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดเมโส
การฉีดเมโส แม้มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่สามารถทำได้กับทุกคนอย่างแรกเลยคือปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินการรักษา พร้อมกับแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้ทราบ เช่น
- สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
สรุป
เมโสหน้าใส คือ การทำทรีทเม้นท์ เพื่อรักษาปัญหาสีผิวบนใบหน้าไม่สม่ำเสมอ ด้วยวิธีการสะกิดเข็มไปทั่วใบหน้า หรือฉีดเข้าทางใบหน้า วิตามินที่ถูกฉีดเข้าไป จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ลดเรือนริ้วรอย และจุดด่างดำลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic
บทความยอดนิยม
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร
- ฉีดฟิลเลอร์คาง ดีจริงไหม
- ฉีดไขมันหน้าเด็กคืออะไร
- ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์กับหมอขนม