ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม ? รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดคาง

ฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม

ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม ? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยโดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม หรือคางไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าดูเรียววีเชฟและมีสัดส่วนที่สวยงามขึ้น แต่หลายคนยังกังวลเรื่องความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์คาง ทั้งข้อดี ข้อเสีย ความปลอดภัย และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีด

ฟิลเลอร์คางคืออะไร? ทำงานอย่างไร?

ฟิลเลอร์คางคืออะไร

ฟิลเลอร์คาง คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าสู่บริเวณคาง เพื่อปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วน ช่วยให้ใบหน้าเรียววีเชฟอย่างเป็นธรรมชาติ สาร HA เป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับผิว

สาร HA ที่ใช้ในฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติภายใน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีด

| อ่านเพิ่มเติม  รวมทุกเรื่องต้องรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม? ความเสี่ยงและผลข้างเคียง

การฉีดฟิลเลอร์คางโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานนั้นมีความปลอดภัยสูง แต่ก็เหมือนหัตถการทางการแพทย์ทั่วไปที่มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ 

ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม
  1. อาการบวม ช้ำ และรอยแดง – เป็นอาการปกติที่พบได้บ่อยหลังการฉีด มักหายได้เองภายใน 5-7 วัน
  2. ฟิลเลอร์เป็นก้อน – อาจเกิดจากการฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่นไม่เหมาะกับพื้นที่
  3. การติดเชื้อ – พบได้น้อยหากฉีดโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
  4. การอุดตันในเส้นเลือด – เป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงแต่พบได้น้อยมาก เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่เส้นเลือด ทำให้เกิดการอุดตันและเนื้อเยื่อขาดเลือด
  5. ฟิลเลอร์ไหลเคลื่อนที่ – อาจเกิดจากการนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดมากเกินไปในช่วงแรกหลังฉีด

ความเสี่ยงเหล่านี้สามารถลดลงได้อย่างมากหากคุณเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ข้อดีของฟิลเลอร์ประเภท HA คือ หากเกิดปัญหาหรือไม่พอใจกับผลลัพธ์ แพทย์สามารถฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ทันที – ฉีดสลายฟิลเลอร์ ทางออกปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน ไม่สวยแก้ไขได้

ต่างกันอย่างไร? ฟิลเลอร์คาง VS การผ่าตัดคาง

การเสริมคางมีทางเลือก 2 วิธีหลัก ๆ คือ การฉีดฟิลเลอร์คางและการผ่าตัดเสริมคาง ซึ่งมีข้อแตกต่างที่สำคัญดังนี้

ฟิลเลอร์คางการผ่าตัดเสริมคาง
ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็นการผ่าตัดใส่ซิลิโคนที่คาง
เห็นผลทันทีหลังฉีดต้องมีการพักฟื้นหลังผ่าตัด
ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำ
ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-18 เดือน ต้องฉีดซ้ำเมื่อฟิลเลอร์สลายตัวเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางสั้นมาก (มากกว่า 1 ซม.)
สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการหากไม่พอใจต้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อแก้ไข
หากไม่พอใจสามารถฉีดสลายได้

การตัดสินใจเลือกระหว่างการฉีดฟิลเลอร์คางหรือผ่าตัดเสริมคางขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล ระดับของปัญหาคาง และความพร้อมในการพักฟื้น หากมีปัญหาคางเพียงเล็กน้อยและต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์คางอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า

วิธีเลือกฟิลเลอร์คางที่ปลอดภัย

การเลือกฟิลเลอร์คางที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้

วิธีเลือกฟิลเลอร์คางที่ปลอดภัย
  • เลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. – ในประเทศไทย ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมีเพียงประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) เท่านั้น
  • หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน – ฟิลเลอร์ปลอมหรือสารทดแทนอื่นๆ เช่น ซิลิโคนเหลว อาจก่อให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเกิดก้อนที่ไม่สามารถสลายได้
  • เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ – แพทย์ควรมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์คางโดยเฉพาะ และเข้าใจกายวิภาคของใบหน้าอย่างดี
  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน – คลินิกควรมีใบอนุญาตถูกต้อง มีมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่ดี และมียา Hyaluronidase สำหรับสลายฟิลเลอร์ในกรณีฉุกเฉิน

คำแนะนำก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์คาง

ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง

ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์คางอย่างละเอียด
  • ตรวจสอบประวัติและความเชี่ยวชาญของแพทย์
  • แจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่ใช้เป็นประจำให้แพทย์ทราบ
  • งดยากลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
  • งดวิตามินและอาหารเสริมบางประเภทที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินซี
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
  • หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดเท้าคาง นอนคว่ำหน้า หรือกิจกรรมที่กดทับบริเวณคาง
  • หลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือหัตถการที่ใช้ความร้อน เช่น เลเซอร์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ งดอาหารเผ็ด และอาหารปิ้งย่างที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ฟิลเลอร์ทำงานได้ดี เนื่องจาก HA มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ
  • หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผิวซีดขาว ม่วง หรือมีอาการปวดผิดปกติ ให้รีบติดต่อแพทย์หรือคลินิกที่ฉีดทันที

บทสรุป

ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม สรุปคือ การฉีดฟิลเลอร์คางมีความปลอดภัยสูงหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ประเภทไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ซึ่งสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ สามารถเป็นทางเลือกที่ดีในการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยโดยไม่ต้องผ่าตัด 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์คางควรตระหนักว่าทุกหัตถการทางการแพทย์ย่อมมีความเสี่ยง และควรชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อเสียให้ดีก่อนตัดสินใจ ควรเลือกคลินิกและแพทย์ที่น่าเชื่อถือ มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และต้องหลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้

ฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมาก แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลให้ดีและเลือกผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า