การปรับรูปทรงปากด้วยฟิลเลอร์กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่คำถามที่หลายคนกังวลคือ ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน จึงจะหายเป็นปกติ? อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ แต่หากรู้วิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ก็สามารถช่วยให้อาการบวมลดลงได้เร็วขึ้น บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับระยะเวลาการบวม วิธีการดูแล และสัญญาณเตือนที่ควรระวัง
การฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเกิดอาการบวมถือเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณริมฝีปากค่อนข้างบางและอ่อนไหว เมื่อมีการแทงเข็มและฉีดสารเข้าไป ร่างกายจะตอบสนองด้วยการเกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดการบวมตึงชั่วคราว
นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ยังมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ทำให้บริเวณที่ฉีดดูฟูมากกว่าปกติในช่วงแรก จนกว่าฟิลเลอร์จะกระจายตัวและเข้าที่อย่างสมบูรณ์
| อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนฉีดครั้งแรก!
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน เป็นคำถามที่ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่สนใจ โดยทั่วไปแล้ว อาการบวมจะเป็นดังนี้
- วันที่ 1-3: อาการบวมจะเด่นชัดที่สุดในช่วงนี้ ริมฝีปากอาจดูใหญ่และตึงกว่าปกติ บางรายอาจมีรอยช้ำเล็กน้อยจากเข็มฉีด
- วันที่ 4-7: อาการบวมจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฟิลเลอร์เริ่มกระจายตัวและเข้าที่ ริมฝีปากจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- สัปดาห์ที่ 2: อาการบวมจะหายเกือบหมด ฟิลเลอร์เข้าที่สมบูรณ์ ริมฝีปากจะมีรูปทรงที่ต้องการ
หากอาการบวมยังคงอยู่เกิน 2 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรงผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
การประคบเย็น
ใช้ผ้าสะอาดพันน้ำแข็งประคบบริเวณรอบๆ ปากเบาๆ ครั้งละ 10-15 นาที จะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการบวมได้เร็วขึ้น แต่ต้องระวังไม่ให้เย็นจัดเกินไป
การดื่มน้ำให้เพียงพอ
ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดี และเร่งการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ยังช่วยให้ฟิลเลอร์ดูดซับน้ำได้เต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
การปรับท่านอน
นอนหมอนสูงในช่วง 2-3 คืนแรก เพื่อลดการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณหน้า ช่วยลดอาการบวมได้ ควรนอนหงายและหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงกดทับใบหน้า
การเลือกสถานที่อยู่
อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด เช่น แสงแดดจัด ซาวน่า หรือออกกำลังกายหนัก เนื่องจากความร้อนจะทำให้อาการบวมรุนแรงขึ้น
อาหารและเครื่องดื่มที่ควรงด
- อาหารรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว เค็ม ที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
- อาหารหวานจัด ที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้บวมน้ำ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้เลือดสูบฉีด ส่งผลให้อาการบวมหายช้า
- อาหารร้อนจัด ที่อาจทำให้ฟิลเลอร์บวมมากขึ้น
พฤติกรรมที่ควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการบีบ นวด หรือจับบริเวณที่ฉีด
- งดการดูดน้ำด้วยหลอด การสูบบุหรี่ หรือการจูบในช่วง 12-24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ไม่ควรแต่งหน้าหนักในช่วงแรกหลังฉีด
อาการบวมผิดปกติ
- บวมเป็นก้อนนูนผิดรูปร่าง
- บวมแดงร้อนมากกว่าปกติ
- ปวดรุนแรงและไม่ทุเลา
- มีการเปลี่ยนสีของริมฝีปากเป็นม่วงคล้ำ
สัญญาณการติดเชื้อ
- มีหนองหรือตุ่มใสออกมา
- มีกลิ่นผิดปกติ
- มีไข้หรือรู้สึกไม่สบายตัว
- อาการบวมไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์
หากพบอาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของการใช้ฟิลเลอร์ไม่มีคุณภาพ การติดเชื้อ หรือการแพ้สาร ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
บทสรุป
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่โดยทั่วไปจะบวมประมาณ 3-4 วันและค่อยๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยลดระยะเวลาการบวมและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามตามต้องการ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีด รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยหรือพบอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด