หากกำลังมองหาวิธีปรับรูปหน้าให้สมดุลและมีมิติมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด? การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเห็นผลลัพธ์ทันที ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถแก้ไขปัญหาคางบุ๋ม คางสั้น หรือคางตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี” ที่จะให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและปลอดภัย บทความนี้จะรวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับฟิลเลอร์คางแต่ละยี่ห้อ คุณสมบัติ ราคา และคำแนะนำในการเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการ
ฟิลเลอร์คางคือการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายตามธรรมชาติ ฉีดเข้าไปบริเวณคางเพื่อปรับโครงสร้างใบหน้าให้สมดุลและสวยงามขึ้น โดยช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น คางสั้น คางบุ๋ม คางตัด หรือคางไม่เท่ากัน นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณคางดูเต่งตึง ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย
การเลือกฟิลเลอร์คางควรพิจารณาจากคุณสมบัติหลักๆ ได้แก่ ความแข็ง ความยืดหยุ่น ความสามารถในการกระจายตัว และระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป
| อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์คาง รวมเรื่องต้องรู้ก่อนฉีด เพื่อคางเรียวสวยอย่างปลอดภัย
1. Juvederm
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ ได้แก่ Hylacross และ Vycross ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง หลังฉีดจะให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนกลืนไปกับผิวได้ดี รุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดคางมี 2 รุ่น ได้แก่
- Juvederm Volux – เนื้อแข็งที่สุดของ Juvederm ทำให้ปั้นทรงได้ง่าย มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18-24 เดือน ราคาเริ่มต้นประมาณ 18,000 บาทต่อ 1 ซีซี
- Juvederm Voluma – เนื้อแข็งปานกลาง มีความเข้มข้นของ HA ที่ 20 mg/ml เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน ฟูปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้คางดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,000-15,900 บาทต่อ 1 ซีซี
2. Restylane
Restylane เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของหลายประเทศ ผลิตจากประเทศสวีเดน มีจุดเด่นที่เทคโนโลยี NASHA และ OBT ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวและคงรูปได้ดี รุ่นที่เหมาะสำหรับฉีดคางมีดังนี้
- Restylane Perlane Lyft – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่ฟูมาก คงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับการฉีดคางที่ต้องการความชัดเจน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12 เดือน ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,000-15,000 บาทต่อ 1 ซีซี
- Restylane Defyne – ฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงกดและแรงบิดได้ดี กระจายตัวกลืนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน เหมาะสำหรับการฉีดคางให้ดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน ราคาเริ่มต้นประมาณ 13,000 บาทต่อ 1 ซีซี
3. Belotero
Belotero เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แม้จะเป็นแบรนด์ที่เข้ามาในตลาดไม่นานเท่าสองแบรนด์แรก แต่ก็ได้รับความนิยมเนื่องจากประสิทธิภาพดีและราคาที่คุ้มค่ากว่า รุ่นที่เหมาะสำหรับการฉีดคางมีดังนี้
- Belotero Volume – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวและยืดหยุ่นสูง ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับใบหน้าได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดคาง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,000 บาทต่อ 1 ซีซี
- Belotero Intense – ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง แต่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ไขการยุบตัวของเนื้อเยื่อใต้ผิว สามารถนำมาฉีดเสริมคางได้ดี ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 18 เดือน ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,000 บาทต่อ 1 ซีซี
ปัจจัยสำคัญในการเลือกฟิลเลอร์คาง
การเลือกฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดีนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
- ลักษณะปัญหาที่ต้องการแก้ไข – หากคางบุ๋มหรือสั้นมาก ควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง เช่น Juvederm Volux หรือ Restylane Lyft
- สภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า – ผู้ที่มีผิวบางควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีการกระจายตัวดี เพื่อลดโอกาสการเกิดก้อนฟิลเลอร์
- ความต้องการด้านผลลัพธ์ – ต้องการให้คางยาวชัดเจนหรือต้องการเพียงปรับให้มีมิติมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- งบประมาณ – ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีราคาแตกต่างกัน ควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณที่มี
- ระยะเวลาที่ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ – บางยี่ห้ออยู่ได้นานถึง 24 เดือน บางยี่ห้ออยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- เลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน – ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทย มีฉลากภาษาไทยกำกับอย่างชัดเจน
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม – การฉีดฟิลเลอร์คาง 1 ซีซี เพียงพอสำหรับการปรับรูปคางให้มีความละมุนสวยงามขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น อาจต้องฉีด 2 ซีซี แต่ไม่ควรฉีดมากเกินไปเพราะอาจทำให้คางดูผิดธรรมชาติหรือเป็นก้อนได้
- ความสำคัญของแพทย์ผู้ฉีด – ควรเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพราะเทคนิคการฉีดมีผลต่อผลลัพธ์มากเท่าๆ กับชนิดของฟิลเลอร์
- การดูแลหลังการฉีด – เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานและสวยงาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น ไม่นวดหรือกดบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในวันที่ฉีด
บทสรุป
การเลือก ฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี นั้นไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว แต่ขึ้นอยู่กับปัญหา ความต้องการ และงบประมาณของแต่ละบุคคล ทั้ง Juvederm, Restylane และ Belotero ต่างก็เป็นยี่ห้อที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย
สำคัญที่สุด ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติอย่างที่ต้องการ