เปรียบเทียบฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกอะไรดีกว่ากัน?

เปรียบเทียบฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกอะไรดีกว่ากัน?

การแก้ไขปัญหาใต้ตาเป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เมื่อพูดถึงการรักษาบริเวณใต้ตา คนส่วนใหญ่มักลังเลระหว่าง ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าควรเลือกวิธีไหนดี ทั้งสองวิธีล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเฉพาะของแต่ละบุคคล งบประมาณ และความต้องการระยะยาว

บทความนี้จะเปรียบเทียบ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างละเอียดครบถ้วน เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวคุณเองได้

ทำความเข้าใจ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ทำความเข้าใจ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดไขมันใต้ตา คืออะไร

การฉีดไขมันใต้ตา (Fat Grafting) เป็นหัตถการที่ใช้ไขมันจากร่างกายตัวเอง โดยดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการแยกและปรับแต่งให้ได้ไขมันที่บริสุทธิ์ พร้อมเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) แล้วนำมาฉีดเติมเต็มบริเวณใต้ตา – ฉีดไขมันหน้า (Fat Grafting) เติมเต็มหน้าเด็ก

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการใช้สารเติมเต็ม โดยส่วนใหญ่จะใช้ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ลดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น – ฟิลเลอร์ใต้ตา – แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาและร่องลึกด้วยการรักษาที่ได้มาตรฐาน

เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย: ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หัวข้อเปรียบเทียบฉีดไขมันใต้ตาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ที่มาของสารไขมันจากร่างกายตัวเอง ความเข้ากันได้ 100% ไม่มีสารแปลกปลอมสาร Hyaluronic Acid (HA) เลียนแบบสารในร่างกาย ผ่านการรับรองมาตรฐาน
ความปลอดภัยไม่มีความเสี่ยงการแพ้ ไม่มีสารตกค้าง เข้ากันได้กับร่างกาย 100%ความเสี่ยงการแพ้ต่ำ สามารถละลายออกได้ ใช้งานง่าย
ความคงทนระยะยาวนาน 50-70% อยู่ได้ถาวร ประมาณ 2-3 ปี หรือมากกว่า ไม่ต้องทำซ้ำบ่อยระยะสั้น อยู่ได้ 6-18 เดือน ต้องทำซ้ำสม่ำเสมอ ค่าใช้จ่ายสะสมระยะยาว
การฟื้นฟูผิวฟื้นฟูธรรมชาติ มีเซลล์ต้นกำเนิด กระตุ้นคอลลาเจน ปรับปรุงคุณภาพผิวจำกัด เพียงเติมเต็มปริมาตร ไม่มีการฟื้นฟูผิว ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติน้อยกว่า
ระยะเวลาทำระยะยาว 2-3 ชั่วโมง ต้องดูดไขมันก่อน ขั้นตอนซับซ้อนใช้เวลารวดเร็ว 15-30 นาที ง่ายและสะดวก เห็นผลทันที
ระยะพักฟื้นบวมช้ำมาก 1-2 สัปดาห์ มีแผลจากการดูดไขมัน ต้องสวมชุดกระชับบวมช้ำเล็กน้อย 3-7 วัน กลับทำงานได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้นพิเศษ
ค่าใช้จ่าย (ครั้งแรก)ราคาสูง ประมาณ 40,000-100,000 บาท รวมค่าดูดไขมัน ลงทุนสูงในครั้งแรกเข้าถึงง่าย 8,000-25,000 บาท ตามปริมาณที่ใช้ ราคาต่อครั้งต่ำ
ความยืดหยุ่นจำกัด ปรับแต่งยาก ผลลัพธ์แน่นอนใน 6 เดือน อาจต้องทำซ้ำหากไม่พอใจระดับสูง เลือกชนิดได้หลากหลาย ปรับแต่งได้ตามต้องการ สลายออกได้หากไม่พอใจ

ความเสี่ยงที่ควรระวัง

ความเสี่ยงที่ควรระวัง

ความเสี่ยงที่ต้องระวังของการฉีดไขมันใต้ตา

  • การติดเชื้อจากแผลดูดไขมัน
  • การฉีดไขมันเข้าเส้นเลือด (ความเสี่ยงต่ำแต่อันตราย)
  • ผลลัพธ์ไม่สมมาตรหากแพทย์ขาดประสบการณ์
  • ไขมันอาจเป็นก้อนหากไม่ได้รับการดูแลที่ดี

ความเสี่ยงที่ต้องระวังของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • การฉีดเข้าเส้นเลือดจอประสาทตา (อาจทำให้ตาบอด) หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ
  • การแพ้ฟิลเลอร์ แม้จะเกิดขึ้นน้อย
  • ฟิลเลอร์เป็นก้อนหากใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ดีหรือแพทย์ขาดประสบการณ์
  • การติดเชื้อจากผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน

เลือกอะไรดีระหว่าง ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

เลือกอะไรดีระหว่าง ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดไขมันใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาที่รุนแรง ต้องการเติมเต็มปริมาณมาก
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและความคงทน
  • ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเพียงพอสำหรับการดูด
  • ผู้ที่ไม่กลัวหัตถการที่ซับซ้อนและระยะพักฟื้นที่นานขึ้น
  • ผู้ที่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับการลงทุนระยะยาว
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวไปด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาระดับเบาถึงปานกลาง
  • ผู้ที่ต้องการความสะดวกและเห็นผลเร็ว
  • ผู้ที่ไม่สามารถพักฟื้นได้นาน
  • ผู้ที่อยากทดลองดูผลลัพธ์ก่อนตัดสินใจทำอย่างถาวร
  • ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดในระยะสั้น
  • ผู้ที่ทำที่ทำหัตถการความงามเป็นครั้งแรก

เกณฑ์การเลือกแพทย์แต่ละหัตถการ

เกณฑ์การเลือกแพทย์แต่ละหัตถการ

เกณฑ์การเลือกแพทย์สำหรับฉีดไขมันใต้ตา

  • ต้องเป็นแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งหรือแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง
  • มีประสบการณ์การทำ Fat Grafting อย่างน้อย 3-5 ปี
  • สามารถแสดงผลงานก่อน-หลังได้อย่างชัดเจน
  • มีอุปกรณ์และห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน
  • สามารถให้คำแนะนำและจัดการภาวะแทรกซ้อนได้

เกณฑ์การเลือกแพทย์สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • เป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองด้านความงาม
  • มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเป็นพิเศษ
  • ใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก FDA และ อย.
  • มีการดูแลหลังการรักษาที่ดี
  • สามารถแก้ไขปัญหาได้หากเกิดผลข้างเคียง

บทสรุป

การเปรียบเทียบ ฉีดไขมันใต้ตา VS ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แสดงให้เห็นว่าทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นระดับความรุนแรงของปัญหา งบประมาณ ความต้องการระยะยาว และความพร้อมในการพักฟื้น

สำหรับปัญหาใต้ตาโดยเฉพาะ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักแนะนำฟิลเลอร์เป็นตัวเลือกแรก เนื่องจากความเหมาะสมกับลักษณะของปัญหาและความปลอดภัยที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพเฉพาะของแต่ละบุคคลยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด ความปลอดภัยและคุณภาพของการรักษาควรเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยนะคะ

CONTACT FOR SPECIAL PRIVILEGES

กดด้านล่างติดเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเเละสิทธิ์อื่นๆ

โทร RWC
line rwc
Facebook rwc
โทร RWC
Facebook rwc
line rwc

ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง RWC Clinic

ทีมแพทย์ RWC

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า