การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหนึ่งในหัตถการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม เซ็กซี่ และดึงดูดสายตา แต่บางครั้งผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นปากบวมเกินไป ปากเป็นก้อน ปากไม่สมมาตร หรือดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการ ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก เป็นวิธีการที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์เวชศาสตร์ความงาม ช่วยให้ริมฝีปากกลับคืนสู่สภาพเดิมหรือใกล้เคียงเดิมมากที่สุด โดยใช้เอนไซม์พิเศษที่สามารถสลายฟิลเลอร์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดสลายฟิลเลอร์ปากอย่างครบถ้วน ตั้งแต่สาเหตุที่ต้องสลาย ขั้นตอนการทำ ระยะเวลาที่เห็นผล ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดสลาย เพื่อให้คุณมีข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนก่อนตัดสินใจ
1. ปากบวมเกินไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ปากมากเกินไป หรือใช้ฟิลเลอร์เนื้อหนาเกินกว่าที่ควร จะทำให้ริมฝีปากดูใหญ่เกินไป อวบอิ่มผิดธรรมชาติ บางคนอาจเรียกว่า “ปากเป็ด” หรือ “ปากไส้กรอก” ซึ่งสร้างความไม่มั่นใจและต้องการแก้ไข
2. ฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน ไม่เรียบเนียน เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม การฉีดเข้มข้นในจุดใดจุดหนึ่ง หรือการกดนวดไม่ถูกวิธีหลังฉีด ทำให้ฟิลเลอร์รวมตัวกันเป็นก้อนที่มองเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อยิ้มหรือเคลื่อนไหวริมฝีปาก
3. ปากไม่สมมาตร ข้างหนึ่งบวมกว่าอีกข้าง เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ไม่เท่ากันทั้งสองข้าง หรือแพทย์ขาดความชำนาญในการประเมินสัดส่วนของริมฝีปาก ทำให้ปากดูไม่สมดุล
4. ฟิลเลอร์ปากไหล เคลื่อนที่ไปตำแหน่งอื่น ริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยมากจากการพูด กิน ยิ้ม ทำให้ฟิลเลอร์อาจเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ โดยเฉพาะถ้าฉีดไม่ลึกพอหรือไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องหลังฉีด
5. ผลลัพธ์ไม่ตรงตามความต้องการ บางครั้งแม้ฟิลเลอร์จะกระจายตัวดี ไม่เป็นก้อน แต่รูปทรงหรือขนาดของริมฝีปากอาจไม่เข้ากับใบหน้า หรือไม่ตรงตามความต้องการของผู้รับบริการ
ปัญหาที่มักพบบ่อยหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากมีความละเอียดอ่อนสูง เพราะริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดฝอยและเส้นประสาทมาก ปัญหาที่มักพบได้แก่
- ปากแข็ง ไม่นุ่ม ไม่ละมุน เกิดจากการใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งเกินไป หรือฉีดมากเกินความจำเป็น
- ปากเจ่อ ดูเหมือนเด็ก เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์เฉพาะริมฝีปากล่างมากเกินไป
- ริมฝีปากมีรอยคลื่น ไม่เรียบ เกิดจากการฉีดไม่สม่ำเสมอหรือเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง
- สีริมฝีปากเปลี่ยน เป็นสีม่วงคล้ำ อาจเกิดจากฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบฉีดสลายทันที
กลุ่มเสี่ยงที่มักพบปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก มักจำเป็นในกรณีเหล่านี้
- ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์
- ผู้ที่ต้องการริมฝีปากอวบมากเกินไป จนฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น
- ผู้ที่ไม่ได้รับคำแนะนำการดูแลที่ถูกต้องหลังฉีด
- ผู้ที่มีการเคลื่อนไหวริมฝีปากมากจากการพูดหรือการทำงานของกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ซ้ำหลายครั้งโดยไม่รอให้ฟิลเลอร์เดิมสลายก่อน
ขั้นตอนที่ 1: การปรึกษาและประเมินปัญหา แพทย์จะตรวจสอบริมฝีปากอย่างละเอียด ประเมินปัญหาที่เกิดขึ้น และอธิบายแผนการรักษา รวมถึงคำนวณปริมาณเอนไซม์ Hyaluronidase ที่จะใช้ให้เหมาะสมกับปริมาณฟิลเลอร์และความรุนแรงของปัญหา
ขั้นตอนที่ 2: การทดสอบการแพ้ (ถ้าจำเป็น) สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือแพ้เหล็กในผึ้ง แพทย์อาจทำ skin test โดยฉีดเอนไซม์ในปริมาณเล็กน้อยที่แขนเพื่อสังเกตอาการแพ้ รอประมาณ 15-30 นาที
ขั้นตอนที่ 3: การทำความสะอาดและเตรียมบริเวณ แพทย์จะทำความสะอาดริมฝีปากและบริเวณโดยรอบด้วยสารฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ขั้นตอนที่ 4: การฉีดยาชา (ถ้าต้องการ) แม้การฉีดสลายฟิลเลอร์จะไม่เจ็บมากนัก แต่บางคลินิกอาจทายาชาเฉพาะที่หรือใช้ครีมชาเพื่อเพิ่มความสบายให้ผู้รับบริการ
ขั้นตอนที่ 5: การฉีดเอนไซม์ Hyaluronidase แพทย์จะฉีดเอนไซม์เข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์อย่างระมัดระวัง โดยอาจฉีดหลายจุดเล็กๆ เพื่อให้เอนไซม์กระจายตัวสม่ำเสมอ การฉีดใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และความรุนแรงของปัญหา
ขั้นตอนที่ 6: การนวดเบาๆ และสังเกตอาการ หลังฉีดเสร็จ แพทย์อาจนวดบริเวณริมฝีปากเบาๆ เพื่อช่วยให้เอนไซม์กระจายตัวดีขึ้น จากนั้นจะสังเกตอาการแพ้หรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ประมาณ 15-30 นาที
- ย่อยโครงสร้างของกรด Hyaluronic Acid เอนไซม์จะเข้าไปทำลายพันธะระหว่างโมเลกุลของกรด Hyaluronic Acid ที่เป็นองค์ประกอบหลักของฟิลเลอร์
- ลดการกักเก็บน้ำ เมื่อโครงสร้างฟิลเลอร์ถูกทำลาย ความสามารถในการดึงน้ำเข้ามากักเก็บก็ลดลง
- ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัว โมเลกุลของฟิลเลอร์จะเล็กลงและสามารถถูกดูดซึมโดยร่างกายได้
ข้อสำคัญคือ Hyaluronidase สลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ที่เป็น Hyaluronic Acid เท่านั้น ไม่สามารถสลายฟิลเลอร์ชนิดอื่นหรือฟิลเลอร์ปลอมได้
ข้อควรรู้สำคัญก่อนฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
ความปลอดภัยของการฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงหากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังดังนี้
ความเสี่ยงหากใช้ปริมาณมากเกินไป: เอนไซม์ Hyaluronidase สามารถสลายกรด Hyaluronic Acid ทั้งจากฟิลเลอร์และที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวหนัง หากใช้ปริมาณมากเกินไป อาจทำให้
- ริมฝีปากยุบแบนกว่าเดิมชั่วคราว
- ลดปริมาณคอลลาเจนและความชุ่มชื้นธรรมชาติของผิว
- ริมฝีปากแห้งและเหี่ยวชั่วคราว
ดังนั้นแพทย์จะต้องคำนวณปริมาณให้เหมาะสมกับฟิลเลอร์ที่ต้องการสลาย
อาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น: แม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่บางคนอาจแพ้เอนไซม์ Hyaluronidase โดยเฉพาะผู้ที่แพ้เหล็กในผึ้ง อาการแพ้ได้แก่
- คัน แดง บวมมากผิดปกติ
- ผื่นขึ้น
- หายใจลำบาก หายใจหืด
- เวียนศีรษะ คลื่นไส้
หากมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที
ข้อควรระวังพิเศษสำหรับการฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก
เนื่องจากริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีความละเอียดอ่อนสูง มีข้อควรระวังเพิ่มเติมดังนี้
1. ระวังเส้นเลือดสำคัญ: ริมฝีปากมีเส้นเลือดแดงหลักที่เรียกว่า Superior and Inferior Labial Arteries แพทย์ต้องระมัดระวังไม่ให้เข็มโดนเส้นเลือดเหล่านี้
2. ระวังความไม่สมมาตร: หากสลายเฉพาะข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป อาจทำให้ริมฝีปากไม่สมมาตร
3. ระวังการสลายมากเกินไป: หากใช้ยาสลายมากเกินไป อาจทำให้ริมฝีปากยุบแบนกว่าเดิมชั่วคราว
4. ระวังการติดเชื้อ: ริมฝีปากสัมผัสกับอาหารและเชื้อโรคตลอดเวลา ต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ
บทสรุป
ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการแก้ไขปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นปากบวมเกินไป ปากเป็นก้อน ปากไม่สมมาตร หรือผลลัพธ์ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ โดยใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ที่สามารถสลายฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ได้อย่างรวดเร็ว มีผลลัพธ์เห็นได้ภายใน 1-2 วัน และฟิลเลอร์จะสลายหมดภายใน 1 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะความชำนาญของแพทย์ในการคำนวณปริมาณยาที่เหมาะสม และการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ต้องแน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้ เพราะฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ถาวรไม่สามารถสลายด้วยวิธีนี้ได้