การฉีดฟิลเลอร์ได้กลายเป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นที่พอใจ หรือเกิดปัญหาต่างๆ หลังการฉีด คำถามที่ตามมาคือ ฉีดสลายฟิลเลอร์อันตรายไหม นี่เป็นข้อสงสัยที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาแก้ไขปัญหาจากการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการตัดสินใจที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ในบทความนี้ เราจะมาตอบคำถาม ฉีดสลายฟิลเลอร์อันตรายไหม อย่างละเอียดและครบถ้วน พร้อมทั้งให้ข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความเสี่ยง ผลข้างเคียง และวิธีการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดสลายฟิลเลอร์
กลไกการทำงานของการสลายฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ เอนไซม์นี้ทำหน้าที่ย่อยสลายกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) ที่เป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ชนิด HA ให้กลายเป็นโมเลกุลที่เล็กลง จนสามารถถูกขับออกจากร่างกายได้อย่างปลอดภัย
ระดับความปลอดภัย
จากการศึกษาทางการแพทย์และประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่าการฉีดสลายฟิลเลอร์มีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่ำมาก โดยส่วนใหญ่ผลข้างเคียงที่พบจะเป็นอาการเล็กน้อย เช่น บวม แดง หรือคันเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 1-2 วัน
ข้อจำกัดสำคัญ
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ การฉีดสลายฟิลเลอร์ใช้ได้เฉพาะกับฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) เท่านั้น หากเป็นฟิลเลอร์ชนิดอื่น เช่น ซิลิโคน หรือฟิลเลอร์กึ่งถาวร การฉีดสลายจะไม่ได้ผล และอาจต้องใช้วิธีการอื่น เช่น การผ่าตัดขูดออก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก
แพทย์ไม่มีประสบการณ์หรือไม่เชี่ยวชาญ
สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้การฉีดสลายฟิลเลอร์กลายเป็นอันตรายคือการทำโดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์หรือไม่เชี่ยวชาญ การคำนวณปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสม การเลือกจุดฉีดที่ถูกต้อง และการประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย ล้วนต้องอาศัยความรู้ทักษะ และประสบการณ์สูง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจมีความบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ มีสารปนเปื้อน หรือไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดการแพ้ การติดเชื้อ หรือผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิด
สถานที่ให้บริการไม่ได้มาตรฐาน
คลินิกหรือสถานที่ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ไม่มีระบบการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม หรือไม่มีอุปกรณ์ฉุกเฉินเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
การฉีดปริมาณมากเกินไป
การใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ไม่เพียงแต่จะสลายฟิลเลอร์ที่ต้องการกำจัดเท่านั้น แต่อาจไปสลายกรดไฮยาลูโรนิคธรรมชาติในผิวหนัง ทำให้ผิวแห้ง หย่อนคล้อย และเหี่ยวย่นได้
| อ่านเพิ่มเติม ฉีดสลายฟิลเลอร์ แก้ไขปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน ไม่สวย
ผลข้างเคียงเล็กน้อย (พบบ่อย)
- อาการบวม แดง และเจ็บ บริเวณที่ฉีด เป็นปฏิกิริยาการอักเสบชั่วคราวที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ อาการเหล่านี้มักจะเริ่มปรากฏภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการฉีด และจะค่อยๆ ลดลงภายใน 24-48 ชั่วโมง
- รอยช้ำหรือจ้ำเลือด อาจเกิดจากการที่เข็มฉีดไปกระทบเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ใต้ผิวหนัง โดยปกติจะหายไปเองภายใน 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับขนาดและความลึกของรอยช้ำ
- อาการคันเล็กน้อย เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารที่ฉีดเข้าไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะหายไปเองใน 1-2 วัน
ผลข้างเคียงปานกลาง
- ปฏิกิริยาแพ้ (Allergic Reaction) บางคนอาจมีภูมิแพ้ต่อเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส แสดงอาการเป็นผื่นแดง ลมพิษ อาการคันมาก หรือบวมผิดปกติ หากเกิดอาการเหล่านี้ต้องรีบรักษาด้วยยาแก้แพ้
- การสลายฟิลเลอร์มากเกินไป หากใช้เอนไซม์ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์สลายมากกว่าที่ต้องการ ส่งผลให้บริเวณนั้นยุบตัวมากเกินไป ดูไม่เป็นธรรมชาติ
- การติดเชื้อ แม้จะพบได้น้อยมาก แต่หากเกิดขึ้นจะต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ผลข้างเคียงร้ายแรง (พบน้อยมาก)
- ภาวะอนาฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) เป็นปฏิกิริยาแพ้รุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แสดงอาการเป็นหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตลด ผื่นแดงลามไปทั่วร่างกาย ต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินทันที
- ความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ หากฉีดผิดตำแหน่งหรือเข้าไปในเส้นเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาท เส้นเลือด หรือเนื้อเยื่อโดยรอบ
- การสลายกรดไฮยาลูโรนิคธรรมชาติ การใช้เอนไซม์ในปริมาณมากเกินไป อาจไปสลายกรดไฮยาลูโรนิคที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวหนัง ทำให้ผิวแห้ง แกร่ง และเสียความยืดหยุ่น
การเลือกแพทย์และคลินิก
- ตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพ แพทย์ที่ทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ต้องเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมถูกต้อง และมีความเชี่ยวชาญด้านตรรกศาสตร์หรือศัลยกรรมความงาม
- ประสบการณ์และผลงาน เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดสลายฟิลเลอร์มาเป็นเวลานาน และมีผลงานที่ตรวจสอบได้ สามารถขอดูภาพก่อน-หลังของผู้เข้ารับบริการจริง
- คลินิกมีมาตรฐาน เลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย มีระบบการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม และมีอุปกรณ์ฉุกเฉินพร้อมใช้
การเตรียมตัวก่อนฉีด
- การซักประวัติที่ละเอียด ให้ข้อมูลประวัติสุขภาพ การแพ้ยา โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่อย่างครบถ้วน เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง
- การหยุดยาบางชนิด หยุดยาที่เพิ่มความเสี่ยงของการเลือดออก เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือยาสมุนไพรบางชนิด ตามคำแนะนำของแพทย์
- การทดสอบแพ้ ในบางกรณี แพทย์อาจทำการทดสอบแพ้ด้วยการฉีดเอนไซม์ปริมาณเล็กน้อยในบริเวณที่ไม่เด่นชัด เพื่อดูปฏิกิริยาก่อนฉีดในปริมาณเต็ม
ระหว่างการฉีด
- การใช้เทคนิคที่ถูกต้อง แพทย์ต้องใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง คำนวณปริมาณเอนไซม์ที่เหมาะสม และฉีดในระดับความลึกที่ถูกต้อง
- การใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสที่ผ่านการรับรองคุณภาพและมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เก็บรักษาอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน
- การเฝ้าระวังอาการแพ้ ระหว่างและหลังการฉีด แพทย์และทีมงานต้องเฝ้าระวังอาการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิด
การดูแลหลังการฉีด
- การประคบเย็น ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเป็นระยะๆ เพื่อลดการบวมและอาการอักเสบ
- การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การอาบน้ำร้อน หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนมากในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- การติดตามอาการ เฝ้าสังเกตอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ปวดมาก มีไข้ หรือผื่นแดงลามกว้าง หากมีอาการเหล่านี้ต้องรีบพบแพทย์ทันที
อาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)
อาการที่ต้องระวัง
- หายใจลำบาก หายใจหอบ หรือรู้สึกแน่นหน้าอก
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- ความดันโลหิตลดลง รู้สึกเวียนศีรษะ หรือเป็นลม
- ผื่นแดงลามไปทั่วร่างกาย ลมพิษขนาดใหญ่
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก หรือลิ้น
หากมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบไปโรงพยาบาลฉุกเฉินทันที เนื่องจากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการติดเชื้อ
สัญญาณที่ต้องสังเกต
- มีไข้สูง (38 องศาเซลเซียสขึ้นไป)
- บริเวณที่ฉีดมีหนองหรือของเหลวสีเหลือง
- ผิวหนังแดงลามออกไปจากจุดที่ฉีด
- ปวดหรือเจ็บเพิ่มมากขึ้นแทนที่จะดีขึ้น
- กลิ่นเหม็นผิดปกติจากบาดแผล
- ต่อมน้ำเหลืองบวม (โดยเฉพาะบริเวณคอ ใต้คาง หรือรักแร้)
การติดเชื้อต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างเร่งด่วน หากปล่อยไว้อาจแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย
อาการผิดปกติของการไหลเวียนโลหิต
สัญญาณอันตราย
- ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นขาว เย็น หรือชาบริเวณที่ฉีด
- ปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นทันทีหลังฉีด
- ผิวหนังเป็นสีคล้ำหรือดำ (เนื้อเยื่อตาย)
- บวมมากผิดปกติและไม่ลดลง
บทสรุป
การ ฉีดสลายฟิลเลอร์อันตรายไหม แน่นอนว่าการฉีดสลายฟิลเลอร์โดยทั่วไปเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพ และปฏิบัติตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด
ความเสี่ยงหลักมาจากปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ เช่น การเลือกแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน หรือการไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีด ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงที่พบจะเป็นอาการเล็กน้อย เช่น บวม แดง คัน ซึ่งหายได้เองใน 1-2 วัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมกับการฉีดสลายฟิลเลอร์ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติแพ้ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการซักประวัติอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หากตัดสินใจฉีดสลายฟิลเลอร์ ให้เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่มีประสบการณ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังการฉีด ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจร้ายแรงตามมาด้วยนะคะ