การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีปรับรูปหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ผลลัพธ์จะออกมาตามที่คาดหวัง บางครั้งอาจเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน ไหลผิดที่ หรือได้รูปหน้าที่ไม่ถูกใจ จนจำเป็นต้องใช้วิธีฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อแก้ไข แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการดูแล หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ ให้ถูกต้อง เพราะจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็ว ลดผลข้างเคียง และเตรียมพร้อมสำหรับการเติมฟิลเลอร์ใหม่ในอนาคต
บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจทุกขั้นตอนของการดูแล หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ ตั้งแต่ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ใช้เวลากี่วันถึงจะเห็นผล สามารถเติมฟิลเลอร์ใหม่ได้เมื่อไหร่ รวมถึงข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณดูแลตัวเองได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร?
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีฟิลเลอร์ เพื่อทำหน้าที่สลายพันธะของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์แท้ โดยเอนไซม์ชนิดนี้จะทำงานเฉพาะกับฟิลเลอร์ HA เท่านั้น โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง – ฉีดสลายฟิลเลอร์ กู้คืนใบหน้าจากฟิลเลอร์เป็นก้อน
เหตุผลที่ต้องฉีดสลายฟิลเลอร์
สาเหตุหลักที่ผู้คนเลือกฉีดสลายฟิลเลอร์ ได้แก่
- ฟิลเลอร์เป็นก้อน อาจเกิดจากการฉีดผิดชั้นผิวหนังหรือใช้ปริมาณมากเกินไป
- ผลลัพธ์ไม่ถูกใจ รูปหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือไม่ตรงตามที่คาดหวัง
- ฟิลเลอร์ไหลผิดที่ เคลื่อนตำแหน่งไปจากจุดที่ฉีด ทำให้ใบหน้าผิดรูป
- เกิดการอักเสบหรือแพ้ แม้จะพบได้น้อย แต่อาจเกิดขึ้นได้
- ต้องการปรับเปลี่ยนรูปหน้า เพื่อฉีดใหม่หรือทำศัลยกรรมแทน
การทำงานของเอนไซม์สลายฟิลเลอร์
เมื่อฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสเข้าไปในผิว มันจะเข้าไปย่อยสลายโมเลกุลของกรดไฮยาลูโรนิกให้มีขนาดเล็กลง ลดการกักเก็บน้ำ และทำลายการยึดเกาะของฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวกลายเป็นน้ำและสารอื่นๆ ที่ร่างกายสามารถดูดซึมและขับออกได้อย่างปลอดภัย
ข้อจำกัดสำคัญ : เอนไซม์นี้สลายได้เฉพาะฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid เท่านั้น หากเป็นฟิลเลอร์ปลอม ฟิลเลอร์กึ่งถาวร หรือฟิลเลอร์ถาวร (เช่น ซิลิโคน พาราฟิน) จะไม่สามารถสลายได้ และต้องใช้วิธีการขูดหรือผ่าตัดออกแทน
ระยะเวลาที่เอนไซม์ออกฤทธิ์
เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสจะเริ่มทำงานทันทีหลังจากฉีดเข้าไปในผิว โดยมีช่วงเวลาการออกฤทธิ์ดังนี้:
- 24-48 ชั่วโมงแรก: เอนไซม์เริ่มสลายฟิลเลอร์อย่างเต็มที่ คุณจะเริ่มสังเกตเห็นว่าก้อนฟิลเลอร์เริ่มยุบตัวลง
- 3-7 วัน: ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะสลายไปแล้ว
- 1-2 สัปดาห์: ผลลัพธ์สมบูรณ์ ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมหรือใกล้เคียงกับก่อนฉีดฟิลเลอร์
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการสลายฟิลเลอร์
ระยะเวลาในการเห็นผลหลังฉีดสลายฟิลเลอร์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีด – ยิ่งฟิลเลอร์มาก ใช้เวลาสลายนานขึ้น และอาจต้องฉีดซ้ำ
- ยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์ – บางยี่ห้อมีความเข้มข้นสูง สลายได้ยากกว่า
- ระยะเวลาที่ฉีดฟิลเลอร์มา – ฟิลเลอร์ที่อยู่นาน 1-2 ปี อาจมีคอลลาเจนมาหุ้ม ทำให้สลายได้ยากขึ้น
- บริเวณที่ฉีด – บางบริเวณมีการไหลเวียนเลือดดี ฟิลเลอร์จะสลายเร็วกว่า
- สภาพผิวของแต่ละบุคคล – การตอบสนองต่อเอนไซม์แตกต่างกัน
การติดตามผลและการฉีดซ้ำ
หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ไปแล้ว แพทย์มักจะนัดติดตามผลภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อประเมินว่าฟิลเลอร์สลายหมดหรือยัง หากยังมีฟิลเลอร์เหลืออยู่หรือสลายไม่หมด แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดสลายเพิ่มเติม โดยทั่วไปอาจต้องฉีดซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้งประมาณ 1 สัปดาห์
สิ่งที่ควรปฏิบัติ
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 3-7 วันแรก
- งดการบีบ กด นวด หรือสัมผัสแรงๆ บริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าหรือกดทับบริเวณที่ฉีด
- ใช้มือสัมผัสเบาๆ เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
2. ดูแลความสะอาดของผิว
- ทำความสะอาดผิวหน้าเบาๆ ด้วยน้ำสะอาดหรือคลีนเซอร์อ่อนโยน
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว (AHA, BHA, Retinol) ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
- งดแต่งหน้าในวันแรกหลังฉีด หากจำเป็นต้องแต่งหน้า ควรทาเบาๆ และทำความสะอาดให้หมดจด
3. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
- ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมอ่อนโยน ช่วยเติมความชื้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 2-3 ลิตร เพื่อช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกได้ดี
- หลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมระคายเคือง
4. ประคบเย็นลดอาการบวม
หากมีอาการบวมหรือแดงหลังฉีดสลายฟิลเลอร์ สามารถประคบเย็น
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที
- ใช้ผ้าสะอาดห่อน้ำแข็ง อย่าให้น้ำแข็งสัมผัสผิวโดยตรง
- ประคบในวันแรกถึงวันที่สองหลังฉีด
5. ป้องกันผิวจากแสงแดด
- ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1 เดือน
- สวมหมวกหรือใช้ร่มกันแดดเมื่อออกจากบ้าน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
1. งดกิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
หลังฉีดสลายฟิลเลอร์อย่างน้อย 3-7 วัน ควรหลีกเลี่ยง
- การออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- การอาบน้ำร้อนจัด อบซาวน่า หรืออบไอน้ำ
- การนวดหน้า นวดตัว หรือนวดบริเวณใกล้เคียง
- โยคะท่าคว่ำหรือท่าที่ต้องก้มหัวต่ำ
2. งดสารที่อาจเพิ่มความเสี่ยง
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้การฟื้นตัวช้าลง
- หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้เลือดออกง่าย (แอสไพริน ไอบูโพรเฟน) เว้นแต่แพทย์สั่งให้หยุด
3. งดการทำหัตถการอื่น
- งดทำเลเซอร์ Hifu หรือหัตถการที่ใช้พลังงานบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- งดการทำฟัน ถอนฟัน หรือรักษารากฟันในช่วงที่ผิวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
- งดการฉีดโบท็อกซ์หรือทำหัตถการอื่นๆ จนกว่าผิวจะกลับสู่สภาพปกติ
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการดูแล
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซีช่วยเร่งการสร้างคอลลาเจน
- จดบันทึกอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรึกษาแพทย์ในการนัดติดตามผล
- ถ่ายรูปบันทึกผลลัพธ์เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (ถือเป็นเรื่องปกติ)
- อาการบวมและแดง
- อาการช้ำหรือจ้ำเลือด
- อาการเจ็บหรือระบมเล็กน้อย
- ผิวยุบตัวชั่วคราว
บริเวณที่ฉีดจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อย เกิดจากการอักเสบชั่วคราวและปริมาณยาที่ฉีดเข้าไป ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1-3 วัน สามารถดูแลด้วยการประคบเย็นและหลีกเลี่ยงความร้อน อาจมีรอยช้ำบริเวณที่เข็มฉีดแทงโดยเฉพาะในผู้ที่มีเลือดออกง่าย จะค่อยๆ จางลงและหายภายใน 5-7 วัน สามารถประคบเย็นในวันแรกและหลังจากนั้นใช้ครีมแก้ช้ำได้ ส่วนอาการเจ็บหรือความไม่สบายบริเวณที่ฉีดมักจะทุเลาลงภายใน 1-2 วัน สามารถรับประทานยาแก้ปวดชนิดพาราเซตามอลได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ขณะที่บริเวณที่ฉีดอาจดูยุบตัวลงชั่วคราวเพราะฟิลเลอร์กำลังสลายออกไป ผิวจะค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิมภายใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่ต้องกังวล
ผลข้างเคียงที่ต้องระวัง (พบได้น้อย)
- อาการแพ้เอนไซม์
- การติดเชื้อ
- ผิวยุบตัวมากเกินไป
อาจเกิดอาการผื่นคันมาก ลมพิษ หรือบวมมากผิดปกติจากการแพ้เอนไซม์ ซึ่งแพทย์มักจะทดสอบการแพ้ก่อนฉีด หากมีอาการแพ้ต้องพบแพทย์ทันทีเพื่อได้รับยาแก้แพ้ การติดเชื้อจะมีอาการบริเวณที่ฉีดแดง ร้อน บวม มีหนอง หรือมีไข้ ต้องรีบพบแพทย์ทันทีเพราะอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ส่วนกรณีที่ฉีดสลายมากเกินไปอาจทำให้เนื้อเยื่อยุบตัวดูเหี่ยว หากเกิดขึ้นอาจต้องรอให้ผิวฟื้นตัวแล้วเติมฟิลเลอร์ใหม่เพื่อปรับ
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ควรรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการบวมแดงรุนแรงและไม่ทุเลาหรือบวมเพิ่มขึ้นหลังวันที่ 3 มีอาการปวดมากหรือปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดผื่นคันอย่างรุนแรงหรือลมพิษทั่วตัว มีหนอง มีไข้ หรือมีอาการติดเชื้อ ผิวเปลี่ยนสีเช่นขาวซีดหรือดำเขียว (อาจเป็นสัญญาณหลอดเลือดอุดตัน) หรือมีอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติหรือน่ากังวล
กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังพิเศษ
หลังฉีดสลายฟิลเลอร์กลุ่มคนที่มีประวัติแพ้ยา ผู้ที่กำลังรับประทานยาละลายลิ่มเลือด ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่เคยเป็นโรคเริม งูสวัด หรือติดเชื้อไวรัสบริเวณใบหน้า และผู้สูงอายุที่มีผิวบอบบาง ต้องระวังเป็นพิเศษ
บทสรุป
การดูแล หลังฉีดสลายฟิลเลอร์ อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็ว ลดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเติมฟิลเลอร์ใหม่ในอนาคต สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 24-48 ชั่วโมง และจะเห็นผลสมบูรณ์ภายใน 1-2 สัปดาห์
สิ่งสำคัญที่สุดสสำหรับการฉีดสลายฟิลเลอร์ คือการเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการฉีดสลายฟิลเลอร์ รวมถึงการฉีดฟิลเลอร์ใหม่ การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดถึงปัญหาที่เคยเจอ ความคาดหวัง และการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาซ้ำและทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติตามที่ต้องการ