ฟิลเลอร์จมูกอันตรายไหม? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเมื่อกำลังพิจารณาวิธีการปรับรูปทรงจมูกโดยไม่ต้องผ่าตัด เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาน้อย และเห็นผลทันที แต่ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงความเสี่ยง ข้อควรระวัง และสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์จมูก เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าวิธีการนี้เหมาะสมกับคุณหรือไม่

ฟิลเลอร์จมูกเป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณจมูก เพื่อปรับรูปทรงให้ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสันจมูกให้โด่งขึ้น ปรับปลายจมูกให้เชิดหรือมีรูปทรงที่ชัดเจนขึ้น หรือแก้ไขความไม่สมมาตรของจมูก
กรดไฮยาลูรอนิคเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว ทำหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้นและให้ความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ทำให้ฟิลเลอร์ชนิดนี้มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงและมีโอกาสเกิดอาการแพ้น้อย นอกจากนี้ กรดไฮยาลูรอนิคยังสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ หรือสามารถฉีดสารสลายฟิลเลอร์ได้หากผลลัพธ์ไม่เป็นที่พอใจ
| อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์จมูก (Nose Filler) เสริมดั้งสวยปลายพุ่ง ปลอดภัย ไม่ผ่าตัด
บริเวณจมูกมีเส้นเลือดแดงสำคัญชื่อ Dorsal nasal artery ที่ทอดยาวจากหัวคิ้วลงมาถึงปลายจมูก และเชื่อมต่อกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา การฉีดฟิลเลอร์ผิดเทคนิคหรือการใช้แรงดันมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือดนี้ได้
เมื่อฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด จะทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายได้ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดเลือด ซึ่งจะมีอาการดังนี้:
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดจะเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ตามด้วยสีเทาหรือสีน้ำเงิน
- เกิดอาการปวดรุนแรงผิดปกติ
- ผิวหนังขาดออกซิเจนจนอาจนำไปสู่เนื้อตายและเกิดแผลเป็นถาวร
ในกรณีร้ายแรงที่สุด หากฟิลเลอร์ย้อนเข้าไปในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา อาจส่งผลให้เกิดภาวะตาบอดได้ โดยผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่ามัวทันที ตามด้วยการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่การติดเชื้อหลังการฉีดฟิลเลอร์เป็นความเสี่ยงที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะหากอุปกรณ์หรือสถานที่ไม่ได้มาตรฐานความสะอาดที่เพียงพอ อาการของการติดเชื้อมีดังนี้
- บวมแดงมากกว่าปกติและนานกว่า 2-3 วัน
- มีอาการปวดเสียว แสบร้อนบริเวณจมูก
- มีหนองหรือของเหลวไหลออกมาจากจุดที่ฉีด
- มีไข้ อ่อนเพลีย หรืออาการทางระบบอื่นๆ
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การติดเชื้ออาจลุกลามกลายเป็นฝีหรือเซลล์อักเสบ (Cellulitis) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผิวหนังและเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้ต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือในกรณีรุนแรงอาจต้องผ่าตัด
แม้กรดไฮยาลูรอนิคจะเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ แต่ฟิลเลอร์ทางการค้าอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ อาการแพ้อาจแสดงออกได้หลายรูปแบบ
- ผื่นแดง คัน บริเวณที่ฉีดและบริเวณใกล้เคียง
- บวมมากกว่าปกติ และอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของใบหน้า
- ในกรณีรุนแรง อาจเกิดภาวะการบวมของชั้นใต้ผิวหนังและเยื่อเมือก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทางเดินหายใจ
นอกจากนี้ ยังมีภาวะที่เรียกว่า Granuloma ซึ่งเป็นก้อนเนื้อเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารแปลกปลอม สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลานาน (สัปดาห์หรือเดือน) และอาจต้องใช้การรักษาด้วยสเตียรอยด์หรือการผ่าตัดออก
- ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว – โดยเฉพาะถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่มีความหนืดต่ำหรือนุ่มเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ต้องการ ส่งผลให้จมูกดูผิดรูป
- จมูกไม่สมมาตร – การฉีดที่ไม่เท่ากันทั้งสองด้านอาจทำให้จมูกดูเบี้ยว
- จมูกบวมหรือดูใหญ่เกินไป – หากฉีดปริมาณมากเกินไปหรือใช้เทคนิคไม่เหมาะสม
- ก้อนฟิลเลอร์ – เกิดจากฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่กระจายตัวสม่ำเสมอ ทำให้เกิดเป็นปุ่มหรือก้อนที่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่จากสถิติที่ผ่านมา กรณีที่เกิดอันตรายร้ายแรงจากการฉีดฟิลเลอร์จมูก เช่น การสูญเสียการมองเห็น มีน้อยกว่า 0.08% ของผู้เข้ารับการฉีดทั้งหมด และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาขึ้น
ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีวิธีการรักษาเฉพาะทาง เช่น การฉีดเอนไซม์ hyaluronidase เพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ทันทีหากพบว่ามีการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันการเกิดเนื้อตายหรือการสูญเสียการมองเห็น
สิ่งสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงคือการเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์จมูกโดยเฉพาะ และดำเนินการในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องมือและยาสำหรับรับมือกับภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น
| อ่านเพิ่มเติม ฉีดสลายฟิลเลอร์ ทางออกปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน ไม่สวยแก้ไขได้
บทสรุป
การ ฉีดฟิลเลอร์จมูกอันตรายไหม ? แน่นอนว่ามีความเสี่ยงแต่หากฉีดรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายร้ายแรงมีน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์จมูกคือไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย เห็นผลลัพธ์ทันที และสามารถแก้ไขได้หากไม่พอใจ แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 6-24 เดือน และมีข้อจำกัดในการปรับเปลี่ยนรูปทรงจมูกอาจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีฐานจมูกเดิมเนื้อน้อย
สุดท้ายนี้ การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยง ควรตรวจสอบประวัติและผลงานของแพทย์ รวมถึงใบรับรองมาตรฐานของคลินิกหรือโรงพยาบาลก่อนตัดสินใจ นอกจากนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมตัวและการดูแลหลังการฉีดอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยนะคะ